Wednesday, January 21, 2009

To Seduce a Sinner // Elizabeth Hoyt

หลังจากอ่าน The Serpent Prince ซึ่งเราคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีมากที่สุดเล่มนึงที่เรามีโอกาสได้อ่าน เราก็หยุดอ่านงานของอลิซาเบ็ธ ฮอยท์ไปพักใหญ่ เพราะเรามักคิดเสมอว่า หากนักเขียนได้เขียนเรื่องที่ดีมาก ๆ ออกมาสักเล่ม โอกาสที่หนังสือเล่มต่อ ๆ มาของเธอจะดีเทียบเท่าเล่นนั้นย่อมยาก และเราก็ชอบเอาไปเปรียบเทียบกันเสียด้วยสิ

แต่พอได้เห็นพล็อตเรื่องของหนังสือเล่มนี้ ก็ตบะแตกค่ะ รีบหยิบขึ้นมาอ่านทันควัน (ไม่ได้เอามาดองเก็บไว้เหมือนที่ทำกับหนังสือของลิซ่า เคลย์แพส) ผลก็คือ แม้จะไม่อาจเทียบเท่า The Serpent Prince ได้ แต่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเท่าไหรนักหรอกค่ะ

To Seduce a Sinner ของอลิซาเบ็ธ ฮอยท์

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุด The Legend of Four Soilders ซึ่งตัวแม็กซ์เองที่ไม่ได้อ่านเล่มหนึ่งในชุด ไม่มีปัญหาอะไรเลยกับการอ่านเล่มนี้ ดังนั้นเราจึงกล้าบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มแรกหรอกนะคะ

เรื่องราวเปิดขึ้นในงานแต่งงานของ แจสเปอร์ เรนชอว์ ไวส์เคาท์แห่งเฝล ซึ่งเขาถูกปฏิเสธโดยคู่หมั้นที่ปันใจไปรักคนอื่น แต่สำหรับแจสเปอร์แล้ว เขาไม่ได้เสียใจที่ถูกทิ้ง หากแต่รู้สึกเสียดายเวลาที่ใช้ในการสรรหาคู่หมั้นคนนี้มากกว่า เพราะเขารู้ดีว่า การแต่งงานระหว่างคนในสังคมชั้นสูงนั้น ความเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เขาไม่ได้ค้นหาความรัก เพียงแต่ต้องการทายาทสืบสกุล ก็แค่นั้น

ดังนั้นเมื่อเมลิแซนด์ เฟรมมิ่งเสนอตัวเป็นเจ้าสาวแทน เขาจึงตกปากรับข้อเสนอนั้นอย่างง่ายดาย

หลังจากแอบรักแจสเปอร์มานานกว่าหกปี เห็นเขาผละจากหญิงคนนึงไปหาอีกคนอย่างง่ายดาย ตลอดเวลาที่เขาไม่รู้จักกระทั่งชื่อของเธอ เมลิแซนด์ฉวยโอกาสที่เปิดกว้างนี้ และลองเสี่ยงที่จะไขว่คว้าผู้ชายที่เธอหลงใหล

คนสองคนที่แทบไม่รู้จักกันเลย กลายเป็นสามีภรรยาเพียงชั่วข้ามคืน (อันที่จริงก็สามอาทิตย์ค่ะ) จากนั้นก็ถึงเวลาที่ทั้งสองจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน

หลังจากอ่านเล่มนี้จบเราคิดว่าแก่นของหนังสือเล่มนี้ก็คือคำว่า "เปลือก" เพราะตัวละครทุกคนในเรื่่องนี้ล้วนซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอยู่ภายใต้ เปลือก

แม็กซ์เห็นว่า แก่นของหนังสือเรื่องนี้คือ คำว่า "เปลือก" เพราะตัวละครทุกตัวในเรื่องต่างซ่อนตัวตนที่แท้จริงไว้ด้านหลังเปลือกนอกที่ หลอกตา

สำหรับแจสเปอร์ เขาเป็นชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ที่รักงานปาร์ตี้ และชีวิตกลางคืน เป็นคนที่รู้จักทุกคน แต่ไม่เคยเป็นเพื่อนกับใคร เบื้องหลังเขาซ่อนความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับจากสงคราม บาดแผลที่ไม่ปรากฎร่องรอยให้เห็นจากภายนอก ร่างกายของเขาสมบูรณ์แบบ ในขณะที่จิตใจเจ็บช้ำ แจสเปอร์เป็นตัวละครชนิดที่แม็กซ์ชอบมาก เพราะความเจ็บปวดไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นคนทนทุกข์ หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่สมควรได้รับความรัก เขายังคงยิ้มได้ แม้รอยยิ้มจะไม่เต็มที่ ไม่กว้างเหมือนที่เคยเป็น และแม้จะรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเมลิแซนด์ แต่ก็เห็นแก่ตัวพอที่จะรั้งตัวเธอไว้

สำหรับเมลิแซนด์ เธอซ่อนตัวภายใต้เสื้อผ้าเชย ๆ และท่าทีคงแก่เรียน เธอดูเหมือนหญิงสาวที่ขึ้นคาน และเห็นแจสเปอร์เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้แต่งงาน แต่ภายใต้เปลือกที่ทุกคนเห็น เธอซ่อนหญิงสาวที่เต็มไปด้วยไฟแห่งการมีชีวิต และเธอรู้จักตัวเองดีพอที่จะรู้ว่า ตนเองรักแจสเปอร์แค่ไหน แต่ก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า ไม่อาจให้เขาล่วงรู้ความรู้สึกนี้ของเธอได้ เพราะเมลิแซนด์เคยเจ็บมาในอดีต และไม่อยากพบกับความรู้สึกนั้นอีกแล้ว

อยากจะบอกว่าเล่มนี้มีเซอร์ไพสต์หลายอย่างนะคะ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเมลิแซนด์ เพราะเธอไม่ใช่สาวแก่ขึ้นคานที่รอคอยความรัก เธอไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสาที่ไม่ประสาเรื่องเพศ เธอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ไม่เกรงกลัวที่จะคว้ามาครอบครอง

แม้ว่าในเรื่องจะมีพล็อตการค้นหาตัวคนทรยศที่นำข่าวการเดินทางของหน่วย ทหารของแจสเปอร์ และนำไปสู่ความตายของคนเกือบทั้งหน่วย และแจสเปอร์โทษเป็นความผิดของตัวเอง อยู่ในเรื่องด้วย แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรเลย ทุกอย่างอยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างแจสเปอร์ และเมลิแซนด์มากกว่า และนั่นคือสิ่งที่แม็กซ์ชอบมากทีสุดของเรื่อง

ประเด็นเดียวที่แม็กซ์ขัดใจนิดหน่อย คงอยู่ที่ประเด็นว่า เมลิแซนด์แอบหลงรักแจสเปอร์มานาน ในเรื่องมีการเล่าย้อนฉากที่เธอตกหลุมรักเขา งานเขียนของอลิซาเบ็ธมีเอกลักษณ์ที่การสื่อความหมาย ซึ่งมันใช้ได้ดีตลอดทั้งเรื่องค่ะ เธอไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดยืดยาว และการพร่ำพูดคร่ำครวญถึงความรัก เพราะการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ บ่งบอกได้ชัดเจนยิ่งกว่าคำพูด แต่ตรงจุดนี้ แม็กซ์รู้สึกว่า เรายังไม่เห็นชัดเจนนักถึงเหตุผลที่เธอตกหลุมรักแจสเปอร์ เราเข้าใจนะคะว่าคนแต่งต้องการสื่อความอะไร แต่การโยงจากจุดนั้น ไปยังความรักที่เกิดขึ้น เรายังรู้สึกว่าเหตุผลดูห่างไำกลไปนิดนึง โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าเมลิแซนด์รักแจสเปอร์มากแค่ไหน

และประเด็นนี้แหละที่ทำให้เล่มนี้ยังเทียบกับ The Serpent Prince ไม่ได้ แต่ส่วนอื่นดีมากค่ะ

คะแนนที่ 83

No comments: