Tuesday, January 20, 2009

Alpha // Catherine Asaro

เมื่อวานทำหน้าที่เป็นลูกที่ดีค่ะ พาม่ามี้ไปช็อปปิ้ง เลยได้ไปเดินเล่นที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง และเพราะเวลามีเหลือเยอะ เราก็เลยถือโอกาสเดินสำรวจหนังสือไปทั้งร้าน แล้วก็ได้เจอกับเล่มนี้เข้า

หนังสือของนักเขียนที่ชื่อว่า แคธเทอรีน อาซาโร่ ซึ่งเป็นหนังสือแนววิทยาศาสตร์ไซไฟที่มีดีกรีจบปริญญาเอกสาขาฟิสิกส์ และทำวิจัยเรื่องทฤษฎีควอมตั้ม เราอ่านหนังสือของนักเขียนคนนี้ไปแล้วบ้างค่ะ แต่ยอมรับว่าไม่ทุกเล่ม และก็เฉพาะชุดสโกเลียนเท่านั้นเอง เธอไม่ใช่นักเขียนโรแมนซ์ แต่เป็นคนที่เขียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกได้ดีมาก ๆ ดังนั้นพอเราเห็นหนังสือเล่มนี้ที่แต่งโดยเธออยู่บนชั้น ก็เลยหยิบขึ้นมาพลิกดู และด้วยประโยคเพียงประโยคเดียวที่เราอ่านในหน้าสุดท้ายของเรื่อง แม็กซ์ควักเิิงิน (ความจริงคือบัตรเครดิตแหละ) จ่ายเงิน และชวนแม่กลับบ้าน เพราะเกิดอาการอยากอ่านเต็มที

สำหรับคนที่อยากรู้ประโยคที่ซื้อใจแม็กซ์ได้เต็ม ๆ มันเป็นฉากตอนใกล้จบเรื่อง "Your age matters to me, Thomas, only in that it means I won't have you for long..."

<หลายคนคงงงว่ามันซึ้งตรงไหน มันไม่ใช่ความซึ้งหรอกนะคะ แต่มันคือทุกอย่างที่อธิบายความสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอกในเรื่องนี้เลย ล่ะ>

Alpha ของแคธเทอรีน อาซาโร่

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุด Sunrise Alley ซึ่งเป็นเรื่องราวในโลกอนาคตอันใกล้ ซึ่งคนที่ยังไม่เคยอ่านเล่มแรกในชุด (Sunrise Alley) ก็ไม่น่ามีปัญหาในการทำความเข้าใจเล่มนี้หรอกนะคะ เพราะแม็กซ์เองก็ยังไม่ได้อ่าน แต่ก็รู้เรื่องดี ปัญหาเดียวก็คือ มันอาจจะสปอยล์เล่มแรกจนหมด ทำให้คุณไม่มีความอยากอ่านเล่มแรกไปเลยก็ได้ (อาการนี้เกิดกะแม็กซ์ค่ะ เพราะเริ่มคิดว่าเล่มแรกไม่น่าสนใจเลย)

ในโลกอนาคตอันใกล้ของเรา (เวลาในเรื่องคือปี 2032) เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมาก หุ่นยนต์ไม่ใช่แค่สติปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) อีกต่อไป หุ่นยนต์เริ่มมีพัฒนาการและมีความรู้สึก พวกนั้นถูกเรียกว่า EI (Evolving Intelligence) นั่นคือ หุ่นยนต์มีอิสระทางความคิด (Free will) เส้นแบ่งระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์เริ่มบางลงทุกที

และผลของการพัฒนาเทคโนโลยีอันสุดยอดของชาร์รอน ซึ่งเป็นมหาวายร้ายใหญ่ของโลกที่ตอนนี้ถูกปราบลงไปแล้ว (เป็นเหตุการณ์ในเล่มแรกของชุด) สิ่งเดียวที่หลงเหลือจากอาณาจักรอันใหญ่โตของเขาก็คือ หุ่นยนต์ที่ชื่อว่า อัลฟ่า

อัลฟ่าเป็นมือขวาของชาร์รอน เป็นสติปัญญาประดิษฐ์ที่ทำทุกอยากตามคำสั่งที่ชาร์รอนทิ้งไว้ เธอเป็นหุ่นยนต์ที่มีลักษณะของผู้หญิงวัยสามสิบปี สูงหกฟุต และเป็นสิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เลือดเย็น และปฏิบัติตามคำสั่ง แม้ว่าชาร์รอนจะตายไปแล้วก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่า มีชุดคำสั่งใดหลงเหลืออยู่ในสมองประดิษฐ์ของเธอ และคนคนเดียวที่ดูเหมือนจะสือสารกับเธอรู้เรื่องก็คือ ท่านนายพลโธมัส วาร์ริ่งตัน

โธมัสเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ช่วยกวาดล้างชาร์รอน เขาเป็นผู้ควบคุมตัวอัลฟ่าเอาไว้ แต่เขาไม่อาจทำตามคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่กดดันให้เขาทำลายอัลฟ่าได้ เธอดูเหมือนมนุษย์มากเกินไป และเขาต้องการรู้ความลับที่ชาร์รอนทิ้งเอาไว้

แต่ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง อัลฟ่าแหกคุกหนีออกไปได้ และเธอมุ่งมั่นที่จะจับตัวโธมัสไปเป็นตัวประกัน ความพยายามหลายครั้งเกิดขึ้น และเธอก็ทำสำเร็จ เธอพาตัวโธมัสไปยังสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง เพื่อทำตามแผนการที่ชุดคำสั่งสุดท้ายที่ชาร์รอนทิ้งไว้ในสมองเธอ

คงเพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่โรแมนซ์นะคะ ความรักระหว่างตัวเอกในเรื่องจึงแปลกและไม่เหมือนใคร คุณคงไม่มีโอกาสมากนักหรอกในการอ่านหนังสือที่พระเอกอายุเจ็ดสิบสองปี และนางเอกเป็นหุ่นแอนดรอยท์ แต่คุณได้ทั้งหมดนั่นในหนังสือเล่มนี้

และมันวิเศษสุด

โธมัสเป็นพระเอกแบบที่แม็กซ์กรี๊ดสลบ อดีตนักบินผ่านศึก ผู้ที่ฉลาดพอจะเข้าใจความซับซ้อนของเทคโนโลยี จนได้เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยความมั่นคงทางด้านเทคโนโลยี พระเอกที่หัวใจวายสามครั้งให้คนอ่านเห็นในเรื่อง แต่เขายังเป็นฮีโร่แบบที่ไม่เวอร์เลยสักนิด

ส่วนอัลฟ่า เธอเป็นนางเอกที่มีบุคลิกแบบที่แม็กซ์ชอบอยู่แล้ว หญิงสาวที่เริ่มต้นจากการเป็นเพียงหุ่นยนต์ เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่เกิดจากชุดคำสั่งทำงาน เป็นหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นมือขวาของตัวร้ายสุดชั่ว ในเล่มนี้คนอ่านไม่ได้เข้าไปมองเห็นความคิดของอัลฟ่าหรอกนะคะ เพราะเรื่องเกือบทั้งหมดเล่าเรื่องผ่านมุมมมองของโธมัส แต่นั่นไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด เพราะการกระทำของอัลฟ่าชัดเจนมาก โดยเฉพาะเมื่อเธอตัดสินใจได้ว่า เธอต้องการโธมัส เธอก็เป็นนางเอกที่ได้ใจแม็กซ์ไปเต็ม ๆ เช่นกัน

มันไม่ง่ายนักหรอกนะคะที่เราจะยอมรับว่า นางเอกของเราเป็นหุ่นยนต์ แต่สิ่งที่คนแต่งทำได้เหนือคาดก็คือ อัลฟ่าไม่ได้กลายเป็นมนุษย์ชั่วข้ามคืน เพราะจนกระทั่งหน้าสุดท้าย เรายังได้ความรู้สึกถึงความ "แตกต่าง" ของเธออยู่ แต่เรายอมรับความแตกนั้นได้ และเชื่อมั่นในความเป็น "มนุษย์" ของเธอที่ปรากฎ

นอกจากนี้แ้ล้ว ประเด็นเรื่องเส้นแบ่งระหว่างความมนุษย์ที่ถูกยกขึ้นมาพูดในเรื่องก็น่าสนใจ ลองคิดดูนะคะ ปัจจุบันมีการนำอวัยวะเทียมเข้าไปใช้ในร่างกายมนุษย์มากขึ้น แล้วนึกถึงในโลกแห่งอนาคตเมื่อเทคโนโลยีเจริญไปมากขึ้น สิ่งแปลกปลอมในตัวมนุษย์ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น อย่างในเรื่องเริ่มมีเทคโนโลยีนาโนที่ช่วยรักษาบาดแผลในร่างกายอย่าง อัตโนมัติ (ทำให้โธมัสที่อายุเจ็ดสิบสองยังดูกระฉับกระเฉงเหมือนคนอายุห้าสิบ) มนุษย์เหล่านั้นยังคงเป็นมนุษย์อยู่ แล้วสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองล่ะ พวกเขามีสิทธิที่จะได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ไหม พวกเขามีสิทธิในการใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ไหม มันเป็นประเด็นในด้านปรัชญาพอสมควร

เล่มนี้เป็นหนังสือที่เราอ่านจบได้เร็วมาก ๆ เล่มนึงเลยค่ะ

คะแนนที่ 70

No comments: