แม็กซ์อ่านนิยายแนวอีโรติค (เน้นว่าเป็นอีโรติคนะคะ ไม่ใช่อีโรติคโรแมนซ์) เล่มแรกในชีวิตด้วยความบังเอิญ หรือจะเรียกว่าโง่ก็ตามใจนะคะ ตอนนั้นเรายังไม่ได้เริ่มอ่านโรแมนซ์ด้วยซ้ำ ไปเดินโต๋เต๋ที่ห้างเพนนิซูล่า และเจอหนังสือเรื่อง The Claiming of Sleeping Beauty ในร้านเอเชียบุ๊คเข้า ดูชื่อเรื่องก็ชักจะสนใจ เพราะดูเหมือนมันจะเกี่ยวกับนิทานที่เราดูตอนเด็ก (เรื่องเจ้าหญิงนิทราไง) แถมชื่อคนแต่งแม้จะเป็นนามปากกาที่ไม่รู้จัก ก็มีตัวหนังสือเล็ก ๆ บอกว่าเป็นคนคนเดียวกับแอน ไรซ์ ซึ่งก็เป็นนักเขียนอีกคนที่เราอ่านอยู่ประจำ
เพราะโง่น่ะค่ะ ก็เลยไม่ได้สังเกตว่าหนังสือเล่มนี้มันวางขายอยู่บนชั้นนิยายแนวอีโรติค เราซื้อมาเพราะคิดว่า มันจะเล่าเรื่องการตื่นจากนิทราของเจ้าหญิง ชีวิตของเธอจะเป็นยังไงต่อ
แล้วก็เจอดีเลย The Claiming of Sleeping Beauty ทำให้แม็กซ์ขยายหนังสือแนว BDSM ไปอีกนานมาก เราอ่านแล้วอารมณ์ไม่ตื่นเลยนะคะ แต่เกิดความทุเรศในเรื่องเพศของมนุษย์ไปนานมาก เรื่องนี้ำทำให้เรารู้สึกว่าเซ็กส์ชนิด BDSM เป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง โดยรวม ทำเอาแม็กซ์ช็อคไปนานเลยแหละ
ที่ย้อนอดีตให้ฟังกัน ก็เพราะว่าหนังสือเล่มที่กำลังจะรีวิวต่อไป ก็เอาธีมเรื่องของเจ้าหญิงนิทรามาเขียนเป็นแนวอีโรติคอีกเล่มเช่นกัน แต่เป็นอีโรติกโรแมนซ์นะคะ
แม้จะไม่ได้ทำให้แม็กซ์ช็อคได้ แต่มันก็ไม่ได้ดีอะไรหรอกค่ะ
Ravish ของแคธี่ ยาร์ดลี่ย์
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในตำนานนิทาน (สำหรับเด็ก) ที่แคธี่ ยาร์ดลี่ย์เอามาดัดแปลงเป็นนิยายอีโรติค โรแมนซ์สำหรับผู้ใหญ่ แต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันหรอกนะคะในแต่ละเล่ม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มแรกก่อนเพื่อมาอ่านเล่มนี้หรอก ตัวละครก็ไม่เกี่ยวกัน เพียงแต่ลิงค์กันด้วยนิทานเท่านั้นเอง (เล่มแรกใช้เรื่องสโนไวท์ และเล่มสามเรื่องบิวตี้แอนด์เดอะบีสต์)
เล่มนี้เป็นกึ่งแนวพารานอมอล แต่เราว่ามันปัญญาอ่อนไปหน่อยน่ะสำหรับพล็อตส่วนพารานอมอล
เล่มนี้เปิดเรื่องขึ้นเมื่อหกปีก่อน เมื่อออโรร่านางเอกของเราพยายามเสียตัวเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรกัน เธอก็หมดสติ และหลับใหลลงนับจากนั้น แม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะทุ่มเทเงินทองเชิญหมอดังมารักษาสักกี่คน ก็ไม่สำเร็จ เธอไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลย จนกระทั่งคุณหมอจาค็อบ ไวท์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทคนดังถูกเชิญตัวมาดูอาการของเธอ
ออโรร่าเป็นคนไข้ที่แปลก เพราะแม้จะนอนหลับมานานหลายปี ร่างกายของเธอก็ไม่เสื่อมโทรม เธอดูเหมือนคนนอนหลับธรรมดา ไม่ใช่คนไข้อาการโคม่า จาค็อบรู้ว่า ถ้าเขาสามารถปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาได้สำเร็จ เขาจะกลายเป็นคนโด่งดัง แต่เพียงในคืนวันแรกที่เริ่มทำการรักษา จาค็อบก็เริ่มมีความฝันประหลาด
เขาได้พบกับออโรร่าในความฝัน ความฝันที่เร่าร้อนและรุนแรง ก่อนที่จะถูกพยาบาลที่เขาจ้างมาให้ดูแลออโรร่าปลุกให้ตื่น เขารู้จากนางพยาบาลว่า ในขณะที่เขาหลับ คลื่นสมองของออโรร่ามีการเปลี่ยนแปลง หลายวันถัดมา จาค็อบอดหลับอดนอนดูแลอาการของเธอ แต่ทุกอย่างเงียบกริบ อาการของเธอคงเดิม ไม่ดีขึ้น จนสุดท้ายเขาเผลอหลับไปอีกครั้ง
และเขาก้ได้เจอกับออโรร่าอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกปลุก เพื่อจะถูกบอกว่า คลื่นสมองของออโรร่าเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เขาจึงเริ่มเอะใจ และคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติไปจากอาการป่วยธรรมดาแล้วล่ะ
อย่างที่บอกนะคะ เรื่องนี้มีพล็อตพารานอมอลมาผสมด้วย นั่นคงเพราะเป็นสิ่งเดียวที่อาจใช้อธิบายอาการของออโรร่าให้ดูมีเหตุผลขึ้นมาได้
บอกตามตรงนะคะว่าเราชอบคอนเซ็ปต์ของหนังสือชุดนี้ ที่เอานิทานมาเล่าใหม่ แต่ขอบอกว่าคนแต่งทำได้แย่มาก เพราะอ่านไปไม่เห็นว่ามีอะไรน่าสนใจ ไม่สร้างสรร กระทั่งเซ็กส์ที่มีเต็มไปหมดทั้งเรื่อง ก็น่าเบื่อ และเหตุผลที่มันน่าเบื่อก็เพราะพล็อตเรื่องและตัวละครไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ พอ แม็กซ์ไม่ชอบอ่านฉากเซ็กส์เพราะเซ็กส์ และเล่มนี้ดูเหมือนมันจะเป็นอย่างนั้น
นี่ยังไม่นับว่า เรารู้สึกว่าพระเอกซึ่งเป็นหมอมีหน้าที่รักษานางเอก จะข้ามก้าวเส้น โอเคนะ ในเรื่องทำว่าเป็นความฝัน แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมอยู่ดี ผิดจรรยาบรรณอย่างรุนแรง (และเราไม่ชอบหมออยู่แล้วด้วยแหละ)
เป็นหนังสือที่พล็อตล่องลอย ไม่มีจุดหมาย ตัวร้ายก็เหมือนตัวตลก วิธีการเอาชนะตัวร้ายก็เหมือนเด็กเล่นขายของ (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าพระเอกนางเอกมาเล่นขายของกันหรอกนะ แต่ใช้เซ็กส์เป็นทางออกแบบห่วย ๆ)
ไม่มีอะไรดีที่จะพูดถึงเล่มนี้ค่ะ นอกจากมันทำให้แม็กซ์นึกถึงอดีตอันเลวร้ายพอกัน ตอนที่ได้อ่าน The Claiming of Sleeping Beauty
คะแนนที่ 37
ป.ล. ถ้าอยากอ่านแนวอีโรติคแท้ ๆ ที่สนุก ก็แนะนำเรื่อง Exit to Eden ดีกว่าค่ะ แต่งโดยแอน ไรซ์นี่แหละ แต่ดีกว่าเยอะ (อ้อแล้วอย่าเผลอไปดูหนังเข้านะคะ มันห่วยแตกมาก ถ้าจะดูหนังแนว BDSM สนุก ๆ ก็แนะนำเรื่อง Secretary ที่แม็กซ์ยกให้เป็นหนังในดวงใจของเราอีกเรื่องนึงเลยแหละ)
No comments:
Post a Comment