Tuesday, January 20, 2009

Beyond Seduction // Stephanie Laurens

ช่วงสองเดือนมาเนี่ย อารมณ์อ่านเรื่องแนวย้อนยุคกลับมาสู่แม็กซ์แบบกระฉูดมาก ๆ ไม่ใช่ว่าเราเลิกอ่านแนวย้อนยุคไปอะไรหรอกนะคะ แต่ไม่ได้อ่านมากเหมือนกับช่วงนี้เท่านั้นเอง เพราะถ้าพูดกันตามตรง อาทิตย์นึงเราอ่านหนังสือประมาร 7 - 8 เล่ม ครึ่งนึงในนั้นเป็นแนวย้อนยุค

หรือคิดอีกที แม็กซ์ก็เป็นคนทันเทรนด์ฮิตตอนนี้ก็ได้ เพราะว่ากันว่าเรื่องแนวย้อนยุคกำลังจะกลับมาฮิตในแวดวงโรแมนซ์อีกรอบ

และเนื่องจากอารมณ์กำลังไปในแนวย้อนยุคมาก เราก็เลยถือโอกาสหยิบงานที่อ่านค้างไว้เมื่อสักสามชาติที่แล้วของสเตฟานี ลอว์เรนส์มาอ่านเสียเลย เพราะรู้ดีค่ะว่า ถ้าเราไม่อ่านให้จบ ๆ ไปซะตอนนี้ ก็คงอีกนานมากกว่าเราจะบิวท์อารมณ์ให้กลับมาอ่านเล่มนี้อีกรอบได้ เราอ่านแล้ววาง แล้วอ่านแล้ววางเล่มนี้มาสามสี่ครั้งแล้วแหละ ดังนั้นนี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วที่เราจะอ่านให้จบเสียที

Beyond Seduction ของสเตฟานี ลอว์เรนส์

สเตฟานี ลอว์เรนส์เป็นหนึ่งในนักเขียนที่แม็กซ์ชอบมาก ในยามที่เราคลั่งเธอสุดขีด หนังสือของเธอกลายเป็นโรแมนซ์ในดวงใจของแม็กซ์หลายเล่ม (Devil's Bride, A Secret Love) เรากรี๊ดงานของเธอสนั่นลั่นเมือง เกิดอาการอยากอ่านเล่มใหม่ของเธอแบบบ้าคลั่ง

เวลาเหล่านั้นมันผ่านไปแล้วล่ะ งานเขียนของสเตฟานีสำหรับแม็กซ์ในเวลานี้เป็นงานที่เราต้องซื้อ เพราะเราค่อนข้างมั่นใจได้ว่าจะไม่ผิดหวัง (เพราะเธอเขียนเรื่องแนวเดิมตลอด แต่ดันเป็นแนวที่แม็กซ์ชอบ) แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้ดีพอที่จะไม่คาดหวังว่าจะเจองานระดับมาสเตอร์พีชจากเธออีกแล้ว

หนังสือของเธอในระยะหลังจึงมีเล่มที่ดีอ่่านได้ และระดับโอเคเท่านั้นเอง เราไม่คิดว่าจะได้เจองานแบบ Devil's Bride อีกแล้ว เพื่อความยุติธรรมนะคะ แม็กซ์ยอมรับว่างานต่อมาเกือบทุกเล่มของสเตฟานีก็เดินตามรอย Devil's Bride นั่นแหละ แต่ก็เหมือนกับของดีหลายอย่าง ที่มันรู้สึกสุดยอดก็เฉพาะครั้งแรกที่เราได้เจอเท่านั้นเอง

กลับมาที่เล่มนี้กันต่อ

Beyond Seduction เ็ป็นหนังสือเล่มที่หกในชุด The Bastion Club เรื่องราวของเจ็ดหนุ่มขุนนางที่กลับจากสงครามแล้วมารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ตั้งสโมสรของตัวเองเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการวางแผนรับมือบรรดาแม่สื่อที่ ต้องการจับพวกเขาไปเป็นลูกเขย พวกเขารู้ดีว่า ทั้งหมดต้องแต่งงาน เพราะทุกคนเป็นขุนนางดำรงบรรดาศักดิ์ที่ต้องการทายาทสืบสกุล แต่พวกเขาไม่ต้องการเป็นหุ่นเชิดหรือถูกหลอก พวกเขาต้องการผู้หญิงที่พวกเขาเลือกเอง

ในแต่ละเล่มสมาชิกในสโมสรแห่งนี้แต่งงานไปทีละคน และคราวนี้ก็ถึงคิวของเจอเวส เทคเกรต ผู้ซึ่งได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเอิร์ลแห่งโคว์เฮิร์ตสโดยไม่คาดคิด เขารู้ดีว่าในฐานะของผู้ชายคนเดียวในตระกูลที่ประกอบด้วยแม่เลี้ยง และน้องสาวสามคน เขามีหน้าที่ต้องหาภรรยาผู้เหมาะสม แต่ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปลอนดอนเพื่อร่วมฤดูกาลออกงาน ก็จะต้องมีเหตุเกิดขึ้นที่บ้านในชนบททุกครั้ง เหตุการณ์ที่เรียกตัวเขากลับไปจัดการแก้ปัญหา

จนกระทั่งครั้งนี้เขาก็ได้รู้สาเหตุที่แท้จริง น้องสาวทั้งสามของเขาไม่ต้องการให้เจอเวสแต่งงานกับหญิงในลอนดอน เพราะเกรงว่าพี่สะใภ้ใหม่จะส่งตัวพวกเธอไปอยู่กับญาติเหมือนอย่างที่ขุนนาง คนอื่นในละแวกบ้านทำกับน้องสาวของตัวเอง พวกเธอต่อรองให้เขามองหาสาวในแถบเดียวกัน ซึ่งเจอเวสก็ปฏิเสธว่าไม่มีใครเหมาะสม กระทั่งน้องสาวของเขาเอ่ยชื่อแมเดลีน แกสคอยจ์ เธอเป็นพี่สาวคนโตของน้องชายสามคน และเป็นผู้ปกครองที่ดูแลทรัพย์สมบัติของตระกูลเพื่อรอการบรรลุนิติภาวะของ ไวส์เคาท์แกสคอยส์ น้องชายคนโตวัยสิบห้าปี

เธอเป็นคนที่เหมาะสมกับเขาทุกประการ เพียงแต่เขาไม่เคยมองเธอในลักษณะนั้นมาก่อนเลย เขาคิดว่าเธอเป็นเพื่อนบ้าน เป็นหนึ่งในผู้นำของชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่ เป็นคนที่น่านับถือ และเก่งกาจ แต่ไม่ใช่คนที่เขาคิดว่าจะเหมาะกับเขาในฐานะภรรยา แต่คำพูดของน้องสาวก็เริ่มเปลี่ยนความคิด เจอเวสมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป และเริ่มปักใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าเธอคนนี้นี่แหละคือคนที่ใช่สำหรับเขา

การจีบกันแบบสเตฟานี ลอว์เรนส์ก็เกิดขึ้น คนที่อ่านงานเธอมาสักระยะก็คงพอนึกออกนะคะ ทั้งเจอเวสและแมเดลีนพบกันตามงานเลี้ยง หรือแอบนัดเจอกันในที่ลับตา มีความสัมพันธ์กัน ในขณะที่แมเดลีนพยายามปฏิเสธความจริงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันมันมีมากกว่านั้น ส่วนเจอเวสก็วางแผนให้แมเดลีนยอมเป็นภรรยาเขาด้วยการยั่วยวนเธอ

สำหรับคนที่ชอบสไตล์นี้ของสเตฟานีอย่างแม็กซ์ นี่จึงไม่ใช่ปัญหา (ความเหมือนกันไปหมดของหนังสือทุกเล่มของเธอ) แต่สิ่งที่น่าเบื่อมากในเล่มนี้ก็คือ มันยาวเกินไป

หนังสือใช้เวลาสามร้อยกว่าหน้าไปกับการ "จีบกัน" ของพระนาง เหตุการณ์ที่เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นสักอย่าง (ถ้าคุณไม่นับฉากเซ็กส์นะ) คนอ่านรู้ชัดเจนแล้วล่ะว่าทั้งสองเหมาะสมต่อกันและกัน และแม็กซ์ไม่เถียงว่าเรารู้สึกถึงความรักระหว่างตัวละคร แต่การใช้หน้าหนังสือหลายร้อยหน้าไปกับแค่เรื่องนี้ มันน่าเบื่อ

มันน่าเบื่อ

และมันก็น่าเบื่อ การพยายามอ่านให้ผ่านช่วงสามร้อยหน้าแรกไป เป็นงานที่มหาหินมาก ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง ก่อนที่จะเข้าร้อยหน้าสุดท้ายที่เริ่มมีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง เมื่อมีการผูกเรื่องคนทรยศที่บรรดาสมาชิกสโมสรบาสชั่นพยายามจับมาตั้งแต่ เล่มก่อนเข้ามายุ่งด้วย (เพื่อนำไปยังเล่มสุดท้ายในชุด) เรื่องก็เริ่มสนุกขึ้นมาบ้าง

อยากจะบอกคนแต่งค่ะว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนหนังสือหนาสี่ร้อยกว่าหน้าเล่มนี้ก็ได้นะคะ ขอแค่สักสามร้อยหน้า และตัดฉากที่ไม่จำเป็นช่วงกลางเรื่องออกไปบ้าง ชีวิตคนอ่านอย่างแม็กซ์คงจะสดใสมากกว่านี้

คะแนนที่ 63

No comments: