Wednesday, January 21, 2009

สัมภาษณ์บรรณาธิการสำนักพิมพ์แก้วกานต์

เป็นครั้งแรกนะคะที่บลอกของแม็กซ์ได้รับเกียรติจากบรรณธิการของสำนักพิมพ์มา ให้สัมภาษณ์ ก่อนจะเข้าบทสัมภาษณ์ขอแม็กซ์พูดความรู้สึกของตัวเองก่อนแล้วกันนะคะ

คนที่ติดตามอ่านบลอกของเรามา ก็คงรู้ว่าแม็กซ์ไม่ใช่คนที่ประหยัดถ้อยคำนักในการแสดงความเห็น ไม่ค่อยแคร์ว่าใครจะคิดว่าแม็กซ์เป็นคนดีหรือไม่ดี และคิดว่าตัวเองพูดอะไรตามที่ใจคิดเสมอ ความเห็นอาจไม่ถูกต้อง ความคิดอาจไม่ได้เรื่อง แต่ก็เป็นสิ่งที่แม็กซ์คิดและเห็นเสมอมา

สรุปว่าเราไม่ได้โกหก ไม่ว่าจะเป็นการโกหกเพื่อให้แม็กซ์ดูเป็นคนดี หรือโกหกเพื่อเอาใจใคร

ที่ต้องเริ่มต้นอย่างนี้ เพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจกันว่า ทุกอย่างที่เราเขียนไปในบลอกระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งนี้มาจากสิ่งที่เราคิด และเห็นจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเลีย หรือทำให้สำนักพิมพ์เห็นว่าเราเป็นคนดีหรอกนะคะ

เราเริ่มต้นการอ่านหนังสือโรแมนซ์จากฉบับภาษาอังกฤษ การอ่านฉบับภาษาไทยมาทีหลังหลายปี และขอบอกว่า ไม่ใช่ฉบับที่เราเลือกอ่านนัก ยกเว้นว่าจะเป็นการแปลเรื่องที่เราชอบมากจริง ๆ ถึงจะหยิบมาอ่าน ดังนั้นจึงไม่มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับผู้ผลิตหนังสือโรแมนซ์ใน เมืองไทยมากนัก

แต่เราก็รู้มากพอจะรู้ว่า สำนักพิมพ์แก้วกานต์เป็นเบอร์หนึ่งในวงการ (ความเห็นของเราคนเดียวนะคะ) การผลิตหนังสือที่มีมาตรฐานในระดับหนึ่ง เป็นสำนักพิมพ์ที่เราเชื่อใจได้ว่า คุณภาพของงานแปลที่ออกมาอยู่ในระดับใช้ได้ทีเดียว

แต่แม็กซ์ไม่รู้หรอกว่าบรรณาธิการของสำนักพิมพ์นี้เก่งแค่ไหน จนกระทั่งแม็กซ์ได้อ่านหนังสือจากนักแปลคนเดียวกันสองเล่ม เล่มหนึ่งมีบรรณาธิการคนที่แม็กซ์กำลังจะสัมภาษณ์ต่อไป ส่วนอีกเล่มเป็นของอีกสำนักพิมพ์นึง (ซึ่งไม่ขอเอ่ยถึงนะคะ) ผลก็คือ แม็กซ์รู้สึกเหมือนอ่านหนังสือโดยคนแปลสองคน เพราะคุณภาพห่างไกลกันขนาดฟ้ากับเหว เข้าใจนะคะว่า สาเหตุอาจจะเป็นเพราะนักเขียนคนละคน สำนวนก็ย่อมต่างกัน แต่เราไม่ิเชื่อว่า กะแค่นักเขียนคนละคนจะมีผลต่อความสามารถในการแปลของนักแปลหรอกค่ะ

ปัจจัยเดียวที่เราคิดว่ามีส่วนสำคัญมาก ๆ ก็คือ บรรณาธิการ

ตำแหน่งที่เราคิดว่า ยังไม่ได้รับความนับถืออย่างที่สมควรเท่าไหรนักในสังคมไทย ซึ่งแตกต่างไปจากต่างประเทศที่บรรณาธิการมีผลขนาดชี้เป็นชี้ตายกับอาชีพของ นักเขียนได้เลย (คิดถึงงานของซูซาน อลิซาเบ็ธ ฟิลลิปสมัยที่เธอเขียนให้สนพ.พ็อตเก็ต ก่อนที่จะย้ายมาสนพ.เอว่อนแล้วกันค่ะ ว่ามันแตกต่างกันขนาดไหน)

โดยเฉพาะในวงการหนังสือแปล เราคิดว่าตำแหน่งบรรณาธิการมีส่วนสำคัญมากพอ ๆ กับคนแปล หรือมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะคนคนนี้คือคนที่ควบคุมคุณภาพในภาพรวม เป็นหน่วยตรวจสอบก่อนที่จะปล่อยหนังสือออกมาสู่ท้องตลาด เป็นดวงตาคู่สุดท้ายที่มองเห็นข้อผิดพลาดก่อนที่นักอ่านจะเจอ และในกรณีที่แม็กซ์เจอกับตัวเอง เป็นคนที่สร้างความแตกต่างให้กับอาชีพของนักแปล

ดังนั้นเมื่อแม็กซ์มีความคิดที่จะเริ่มต้นซีรี่ย์การสัมภาษณ์บุคลากรในวงการ โรแมนซ์ เพื่อทำความรู้จักอุตสาหกรรมของโรแมนซ์ไทยให้ดีขึ้น แม็กซ์นึกถึงชื่อของคนคนนี้ก่อนคนอื่น เพราะเขาคือบรรณาธิการที่แม็กซ์ชื่นชมด้วยใจจริง

คุณแกล้วกล้า แก้วไทย บรรณาธิการของสำนักพิมพ์แก้วกานต์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในนามคุณบี

นอกจากที่คุณบีจะกรุณามาให้สัมภาษณ์แล้ว ก็ยังเปิดโอกาสให้แฟนของบลอกถามคำถามคาใจ หรืออยากรู้ด้วยนะคะ ดังนั้นถ้าใครมีข้อสงสัยก็ขอให้ทิ้งคำถามเอาไว้ในคอมเม้นต์ของบลอกนี้ด้วย ค่ะ

เมย์: เรารู้สึกมาเสมือนว่าสำนักพิมพ์แก้วกานต์อยู่คู่กับวงการนิยายโรแมนซ์มานานมาก ก็เลยอยากรู้ค่ะว่า สำนักพิมพ์ตั้งมาตั้งแต่เมื่อไหร และเรื่องอะไรคือเล่มแรกของสำนักพิมพ์

คุณบี: สำนักพิมพ์แก้วกานต์ก่อตั้งเมื่อปี 2530 โดยคุณกัณหา แก้วไทยครับ เริ่มจากคุณกัณหาเองเป็นคนที่รักการอ่าน อ่านหนังสือหลากหลายประเภทมาตั้งแต่เด็ก และเมื่อได้มีโอกาสอ่านนวนิยายจากต่างประเทศก็ชอบ บวกกับมีอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ จึงได้คิดที่จะแปลนวนิยายภาษาอังกฤษเพื่อให้นักอ่านชาวไทยได้รับรู้ความสนุก ของนิยายจากทางฝั่งตะวันตกบ้าง เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเริ่มแปลส่งให้สำนักพิมพ์เม็ดทราย สำนักพิมพ์วรรณวิภา และสำนักพิมพ์ไต้ฝุ่น ซึ่งส่วนมากจะเป็นวรรณกรรมเยาวชนและนิยายบู๊แอคชั่น

และเมื่อคุณกัณหาได้อ่านนิยายโรมานซ์เล่มหนึ่ง คือเรื่อง The Trustworthy Redhead ของ Iris Johansen ก็ประทับใจมาก จึงแปลส่งให้สำนักพิมพ์วรรณวิภา โดยตั้งชื่อภาษาไทยว่า รักระแวง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงได้แปลนวนิยายโรมานซ์ตามมาอีกมากมาย เมื่อคุณกัณหามีชื่อเสียงมากขึ้น จึงได้คิดก่อตั้งสำนักพิมพ์เป็นของตนเอง และหนังสือแปลเล่มแรกของสำนักพิมพ์แก้วกานต์ก็คือนิยายโรมานซ์เรื่อง รักปริศนา ซึ่งเป็นนิยายชุดคลื่นรักอันดับ 1 (ของเฟย์รีน เพรสตัน) และได้ผลิตนิยายโรมานซ์ออกมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

เมย์: แล้วตัวคุณบีล่ะคะ เข้ามาทำงานตรงนี้ได้ยังไง แล้วรู้สึกแปลกบ้างไหมคะที่มาทำงานที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น

คุณบี: ไม่เคยรู้สึกแปลกนะครับ เพราะช่วยคุณแม่ทำสำนักพิมพ์มาตลอดยี่สิบกว่าปีแล้ว และลูกค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นแนวโรมานซ์ วรรณกรรมเยาวชน หรือนิยายสืบสวน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้หญิง ลูกค้าบางท่านก็จะเป็นลูกค้ากันมาอย่างยาวนานจนคุ้นเคยกันดีครับ

เมย์: เราเคยอ่านเจอมาว่ากระบวนการผลิตหนังสือของฝรั่งเริ่มตั้งแต่การเซ็นต์สัญญาซื้อต้นฉบับจากนักเขียน ไปจนถึงหนังสือวางแผงนี่ใช้เวลาประมาณสองปี ทำให้เราอยากรู้ว่าแล้วกระบวนการของเมืองไทยนี่ใช้เวลานานอย่างนั้นไหมคะ

คุณบี: ถ้าเป็นงานประพันธ์ ของเมืองไทยก็คงใช้เวลาใกล้เคียงกันครับ ผู้ประพันธ์กว่าจะแต่งหนังสือออกมาได้เล่มหนึ่งก็คงใช้เวลาเป็นปี แต่ในส่วนของแก้วกานต์จะผลิตหนังสือแปล โดยทั่วไปผู้แปลจะใช้เวลาในการแปลประมาณ 1 เดือน และทางเราจะมาตรวจทานขัดเกลาอีกราว ๆ 1-2 สัปดาห์ หรือบางเล่มอาจถึง 1 เดือน และกระบวนการพิมพ์ออกมาเป็นเล่มใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะฉะนั้น ทั้งกระบวนการจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน แต่เนื่องจากเรามีนักแปลหลายท่าน เราจึงออกหนังสือได้หลายเล่มต่อเดือนครับ

เมย์: อยากรู้น่ะค่ะว่า บรรณาธิการเค้าทำงานกันยังไงบ้าง หลายคนอาจจะไม่เห็นความสำคัญนะคะ แต่เราซื้อหนังสือแปลก็ตรงที่ตัวบรรณาธิการนี่แหละ เพราะเคยเชื่อใจนักแปลแล้ว แต่พอต่างบรรณาธิการ ผลงานก็ออกมาคนละเรื่องกันเลย

คุณบี: หน้าที่ของบรรณาธิการพูดอย่างกว้าง ๆ ก็คือ ดูแลให้หนังสือออกมามีคุณภาพที่สุด ถ้าผู้อ่านอ่านแล้วมีความสุข พึงพอใจ ก็เท่ากับเราประสบความสำเร็จ

สำหรับแก้วกานต์ซึ่งผลิตนิยายแปล เราก็จะเริ่มจากคัดเลือกหนังสือที่สนุก ซึ่งเรามีผู้มีพระคุณและมิตรแท้ให้คำแนะนำมากมาย เมื่อเลือกหนังสือได้แล้ว ก็ส่งให้ผู้แปล เมื่อผู้แปลแปลเสร็จ จะส่งงานแปลมาให้เราเพื่อตรวจทานขัดเกลา ซึ่งหน้าที่ของบรรณาธิการก็คือ

1. ดูความถูกต้องของการแปล การแปลที่ดีจะต้องแปลให้ตรงตามต้นฉบับ ไม่ดัดแปลง ตัดทอน หรือเพิ่มเติมเนื้อหาอะไรลงไป

2. ดูการใช้ภาษาไทย การแปลนั้น ถึงแม้จะแปลอย่างถูกต้องตรงตามต้นฉบับ แต่ถ้าการใช้ภาษาไทยไม่ดี ไม่สละสลวยไพเราะ ก็ทำให้คุณค่าหรือความสนุกของนิยายเล่มนั้นลดลงไปได้ เพราะฉะนั้น บรรณาธิการจึงต้องขัดเกลางานแปลให้ออกมาเป็นภาษาไทยที่สละสลวย อ่านแล้วเข้าใจ เป็นธรรมชาติของภาษาไทย มีอารมณ์ มีรสชาติ

หลังจากขัดเกลาตรวจทานอย่างดีแล้ว ก็จัดรูปเล่มส่งโรงพิมพ์ได้เลยครับ



เมย์: คำถามนี้น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตค่ะ อยากรู้ว่าสำนักพิมพ์แก้วกานต์จะมีแผนการผลิตหนังสืออะไรออกมาบ้าง ทั้งในช่วงงานสัปดาห์หนังสือที่กำลังจะมาถึง แล้วก็ต้องไปในอนาคตด้วย

คุณบี: นอกจากหนังสือชุดที่กำลังออกอยู่อย่างต่อเนื่อง อันได้แก่ ชุดพลังแห่งรัก (Psy-Changeling Series)Nalini Singh, ชุดพรานราตรี/พรานล่าฝัน – Sherrilyn Kenyon, ชุดเครซี่ – Tara Jansen, ชุดองครักษ์แห่งอีเดน – Cindy Gerard, และชุดแฮทธาเวย์ – Lisa Kleypas แล้ว ก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เตรียมจะออกอีกมากมายดังต่อไปนี้

Nalini Singh เป็นเล่มบางที่ไม่ใช่ชุด พลังแห่งรัก เรื่อง Bound by Marriage, และ Secret in a Marriage Bed

Nora Roberts ชุด The MacGregor Series (11 เล่ม), Donovan Legacy Series (4 เล่ม), และ Night Tales Series (5 เล่ม)

Kresley Cole ชุด The Immortals After Dark Series (6 เล่ม)
Jennifer Crusie เรื่อง Bet Me และ Welcome to Temptation

Linda Howard เรื่อง Kiss Me While I Sleep, Son of the Morning, Angel Creek, Duncan’s Bride, Loving Evangeline, After the Night, และ Dream M

Lisa Gardner เรื่อง The Other Daughter

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายชุดหลายเรื่องที่กำลังติดต่อลิขสิทธิ์อยู่ หากได้แน่นอนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ

เมย์: ขอตารางหนังสือที่จะออกขายช่วงสองถึงสามเดือนที่จะถึงนี้ได้ไหมคะ

คุณบี: อันที่จริง ยังไม่ค่อยกล้าบอกว่าจะออกเรื่องอะไรบ้าง ไม่ได้เป็นความลับหรอกนะครับ แต่กลัวว่าจะทำไม่ทันตามที่บอกไว้ แล้วคนอ่านจะคอยเก้อ ที่จัดคิวไว้ก็จะมี

ทาสเสน่หา พิมพ์ครั้งที่ 2

ชุดแมคเกรเกอร์ สองเล่มแรก

ของลินดา โฮเวิร์ด 4 เล่ม ได้แก่ Kiss Me While I Sleep แล้วก็พิมพ์ใหม่ 3 เรื่อง คือ บ้านไร่เรือนรัก ริมธารรัก และ หัวใจที่ใฝ่รัก

แต่ยังไม่แน่ใจว่าก่อนงานสัปดาห์หนังสือเดือนมีนาคมปีหน้าจะทำทันทั้งหมดรึเปล่า

ต้องขอบคุณมาก ๆ ด้วยนะคะที่ใ้ห้เกียรติมาเยือนบลอกของเรา ขอบคุณค่ะ

และอย่าลืมนะคะ คนที่ยังมีคำถามข้องใจอยากรู้ ทิ้งคำถามไว้ได้ที่คอมเม้นต์ของบลอกนี้

No comments: