ขอเวลาให้แม็กซ์นึกถึงอดีตอันหวานชื่นระหว่างเรากับเฮทเธอร์ แกรมห์สักครู่นะคะ
สมัยที่เราเริ่มอ่านโรแมนซ์ใหม่ ๆ เฮทเธอร์เป็นหนึ่งในนักเขียนที่เราชอบมาก
โอเค โอเค (หน้าแดงนิดหน่อย) เรายอมรับว่าตัวเองก็ชอบเรื่องที่นางเอกเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา หัวดื้อ และเอาแต่ใจ กับพระเอกที่เย็นชา และใจร้ายกับนางเอกเหมือนกัน พูดไปก็ทำให้เกิดความรู้สึกอยากกลับไปนั่งอ่าน Sweet Savage Eden อีกรอบแล้วล่ะ
ปัญหาที่เกิดกับเราในการหยิบงานของเฮทเธอร์เล่มใหม่ ๆ มาเขียน แม็กซ์คงสรุปได้ว่าเป็นความผิดของเราทั้งสองฝ่าย จึงทำให้เราอยู่ด้วยกันอีกไม่ได้แล้ว (น้ำตามเริ่มไหลแล้วนะคะ)
ทางเราแม้จะโตเกินกว่าพล็อตแนวนางเอกดื้อ พระเอกโหดแล้ว แต่เรื่องเก่า ๆ ของเฮทเธอร์ก็ยังอยู่ในดวงใจเราอีกหลายเรื่อง เราเชื่อว่าถ้าเฮทเธอร์ยังเขียนเรื่องแนวนี้อยู่ แม็กซ์ก็คงยังอ่านนะคะ แต่อาจจะไม่ชอบเท่าที่เคยชอบเหมือนในอดีต แต่การเปลี๋ยนไป๋ก็ไม่ใช่แค่เราคนเดียว เพราะเฮทเธอร์ แกรมก็เปลี่ยนเหมือนกัน กระทั่งคนที่ชอบงานในอดีตของเธอก็คงได้ข้อสรุปเดียวกับแม็กซ์ว่า เธอไม่เหมือนเดิม
เสน่ห์ที่ทำให้เรื่องของเธอน่าอ่านมันสูญหายไปหมด เธอโดดเด่นในการเขียนเรื่องกระชากอารมณ์ กดดันคนอ่านในเรื่องความแตกต่างระหว่างพระเอกและนางเอก หนังสือไม่รู้กี่เล่มต่อกี่เล่มของเธอเริ่มต้นด้วยการที่พระเอกและนางเอกมี ความเชื่อคนละด้าน และต้องทำสงครามระหว่างกัน นางเอกเป็นแซกซอน พระเอกเป็นนอร์แมน นางเอกเป็นชาวใต้ พระเอกเป็นทหารชาวเหนือ พล็อตที่คาดเดาได้ง่าย แต่ก็โดดเด่นสำหรับเธอ
บัดนี้เธอไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ประเด็นก็คือ แม็กซ์ยังทนอ่านงานของเธออยู่ได้น่ะสิ อ่านทั้งที่รู้นะว่า มันไม่ดีเหมือนเดิม แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้เลือกของที่ดีสำหรับตัวเองเสมอไปหรอกจริงไหม โดยเฉพาะถ้าคุณไม่อ่านหนังสือแย่ ๆ คุณจะรู้ได้ยังไงเวลาคุณหยิบหนังสือดีมาอ่าน
หนังสือชุด The Flynn Brothers เป็นเรื่องราวของสามพี่น้องตระกูลฟรินน์ พี่น้องที่ร่วมมือกันเปิดสำนักงานนักสืบเอกชนที่ประสบความสำเร็จ หนังสือชุดนี้เดินตามรอยหนังสือขายดีหลายชุดก่อนหน้า ที่ออกวางขายสามเล่มในสามเดือน แม็กซ์เพิ่งอ่านจบไปสองเล่มค่ะ ส่วนเล่มสามที่ยังไม่ได้อ่าน เพราะยังไม่ออกขาย
เรามาว่ากันไปแต่ละเล่มแล้วกัน
Deadly Night ของเฮทเธอร์ แกรมห์
ที่สันหนังสือของเรื่องในชุดนี้เขียนไว้ว่า พารานอมอลนะคะ แต่สำหรับแม็กซ์แล้ว แม้จะมีองค์ประกอบของพารานอมอลเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องด้วย แต่มันก็ไม่มาก หรือสร้างสรรพอที่เราจะจัดประเภทให้เป็นหมวดหมู่นั้นเลย และโดยพื้นฐานของเรื่องก็คือ แนวสืบสวนที่บังเอิญมีพระเอกนางเอกเท่านั้นเอง
ในเล่มแรกเล่าเรื่องของไอแดน ฟรินน์ พี่ชายใหญ่ของพี่น้องตระกูลนี้ เขาและน้องชายทั้งสองได้รับมรดกเป็นบ้านโบราณในนิวออร์ลีนส์ (สามพี่น้องอาศัยอยู่ในฟลอริด้า อันเป็นถิ่นที่อยู่ของเฮทเธอร์เค้าด้วย) ในจังหวะเดียวกับที่เขาเดินทางมานิวออร์ลีนส์เพื่อสืบคดีคนหาย ไอแดนก็ได้พบเศษกระดูกมนุษย์ใกล้ ๆ กับที่ที่เขาเจอคนที่เขาตามหา ไอแดนแจ้งตำรวจ รวมทั้งเพื่อนเก่าที่เป็นเอฟบีไอ แต่กลับไม่มีใครสนใจสิ่งที่เขาค้นพบ พวกนั้นบอกว่า นับตั้งแต่พายุคาทริน่าเข้าถล่มนิวออร์ลีนส์ บรรดาศพต่าง ๆ ที่ถูกฝังไปนานแล้วกระจัดกระจายไปทั่วเมือง (หลุมศพในเมืองนิวออร์ลีนส์มีลักษณะพิเศษหน่อยนึงตรงที่หลายสุสานเป็นการฝัง บนดิน ไม่ได้ขุดลงไปใต้ดินเพื่อฝัง) ดังนั้นโอกาสที่กระดูกซึ่งไอแดนค้นพบจะเป็นของศพเก่าจึงมีมาก
แต่ไอแดนไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกสงสัยของตัวเองลงได้ โดยเฉพาะเมื่อเขากลับไปยังบ้านที่ตนเองได้รับเป็นมรดก และค้นพบว่า ยังมีเศษกระดูกในบ้านหลังนั้นอยู่อีกด้วย เขาจึงเริ่มต้นสอบสวนความลึกลับนี้ แม้จะโดนต่อต้านจากเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน (แม็กซ์เข้าใจว่าผู้รักษากฎหมายในนิวออร์ลีนส์ลืมตัวไปน่ะค่ะ คิดว่าอยู่ในเมืองไทยที่วันวันไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไร นอกจากไล่ตีพันธมิตร)
การสืบสวนนำเขาเข้าไปพัวพันกับเคนเดล หญิงสาวผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของป้าผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เป็นมรดกของเขา เธอเปิดร้านขายของเกี่ยวกับเวทมนตร์ และเธอทำหน้าที่เป็นหมอดูไพ่ยิปซี แม้เคนเดลจะยอมรับเสียงใสว่า ตัวเองไม่ได้มีญาณวิเศษอะไร แต่แล้วเคนเดลก็เริ่มมองฝันประหลาด และมองเห็นวิญญาณ
หนังสือเล่มนี้สอบตกทั้งในส่วนโรแมนซ์ ซึ่งเราให้อภัยนะคะ เพราะไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอโรแมนซ์ที่สนุกอะไร แต่การสอบตกในส่วนของการสืบสวนคือเหตุผลใหญ่ที่เราไม่ชอบเล่มนี้
ในเรื่องบอกว่าไอแดนเป็นอดีตทหารที่กลายเป็นเอฟบีไอ (ที่เก่งมาก) ก่อนจะผันตัวมาเป็นนักสืบเอกชน ในเรื่องเขาเป็นคนเดียวที่มองเห็นความสำคัญของเศษกระดูกที่ตนเองค้นพบ เขาสืบสวนจนรู้ว่ามีฆาตกรต่อเนื่องเพ่นพ่านอยู่ในเมือง ปัญหาก็คือ แม็กซ์ไม่รู้สึกประทับใจในวิธีการสอบสวนของเขาเลย มันไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีการตามรอยหรือใช้ความสามารถในการสรุปผล แต่เป็นเพราะไอแดนเป็นพระเอก เขาจึงสรุปเรื่องราวได้ถูกต้อง ข้อมูลที่นำเสนอในเรื่องที่ได้มาจากข้อสรุปของไอแดน ดูแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่นักสืบคนอื่นจะคิดได้ (สปอยล์) อย่างการที่เรื่องเขียนว่า ไอ แดนไปนั่งดูแฟ้มคดีคนหาย แล้วจู่ ๆ ก็สรุปออกมาซะงั้นว่า ต้องเป็นผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ เลยที่เขาเจอกระดูก (จากแฟ้มคนหายเป็นร้อย ๆ คน และกระดูกก็เหลือแต่เศษกระดูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสูงต่ำดำขาวยังไง)
ต้องขอบอกว่าไอแดนเป็นนักสืบที่โชคดีสุดสุดที่ข้อสรุปของเขากลายเป็นจริง ปัญหาก็คือถ้าเขาไม่ใช่พระเอกล่ะ จะมีความสามารถทำนายอนาคตอย่างนี้ไหม คนแต่งไม่ได้นำคนอ่านไปสู่ข้อสรุปเลย เพียงแต่สั่งให้ตัวละครพูดข้อสรุปออกมา เงื่อนงำก็ไม่ชัดเจน และนี่เป็นสิ่งที่แย่มากในหนังสือสืบสวน
เรื่องโรแมนซ์ไม่ต้องพูดถึง คนที่ติดใจเฮทเธอร์ในการเขียนเรื่องร้อนแรง ตัวละครที่ทะเลาะกันเสร็จก็ไปเคลียร์ปัญหาใจกันบนเตียง ก็รอเก้อนะคะ สำหรับเราไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก เพราะเรารู้มานานแล้วล่ะว่าเฮทเธอร์ไม่ใช่คนเดิมเมื่อ (ยี่) สิบกว่าปีก่อนอีกต่อไป
คะแนนที่ 43
Deadly Harvest ของเฮทเธอร์ แกรมห์
เล่มสองเ็ป็นเรื่องราวของน้องชายคนรองเจรามี่ ฟรินน์ผู้ถูกเรียกตัวโดยอดีตคู่หูที่เคยร่วมทำงานกันในหน่วยดำน้ำของสมัยที่ เขายังเป็นตำรวจ ให้ขึ้นไปที่เมืองซาเลม เมืองที่เลื่องลือในการเผาแม่มด เพราะภรรยาของเพื่อนเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากที่สามีภรรยาไปเดินเที่ยวกันในสุสานในเมือง
เจรามี่ผู้ซึ่งลาออกจากการเป็นตำรวจหลังจากประสบกับเหตุการณ์สะเืทือนใจ เพราะเขาดำน้ำลงไปช่วยเด็ก ๆ ที่รถขับตกลงไปในน้ำไม่สำเร็จ เป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพลังเหนือธรรมชาติ และนั่นทำให้เขาอยู่ด้านตรงข้ามกับโรวีน่า หญิงสาวที่แม้จะไม่ได้พูดว่า มีวิญญาณอยู่จริง แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานปฏิเสธการมีอยู่ของวิญญาณ
สองหนุ่มสาวได้พบกันในเมืองนิวออร์ลีนส์ ระหว่างการจัดงานเพื่อหาทุนสนับสนุนมูลนิธิที่เจรามี่ตั้งขึ้น และทั้งคู่ก็เจอกันอีกครั้งเมื่อเจรามี่เดินทางไปซาเลมอันเป็นบ้านเกิดของโร วีน่า เพื่อสืบหาความจริง
เล่มนี้ดีกว่าเล่มแรกนิดหน่อย ดังนั้นก็เป็นการบอกว่าไม่ได้ทำให้อะไรในเล่มนี้ดีขึ้นมามากนักหรอกนะคะ ในแง่โรแมนซ์ ทั้งเจรามี่และโรวีน่า ปิ๊งปั๊งและเริ่มมีความสัมพันธ์กันตั้งแต่บทต้น ๆ ดังนั้นจึงไม่มีคำถามในเรื่องหัวใจระหว่างทั้งสองเท่าไหร และเช่นเดียวกันหนทางในการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้น ดูไม่มีความชัดเจน นอกจากบอกว่า เป็นความเก่งของพระเอกที่ทำให้หาร่องรอยต่าง ๆ เจอ แต่ก็ยังไม่ถึงกับน่าเกลียด ชนิดที่เอาข้อสรุปมาจากสายลมอย่างที่เล่มแรกทำ (ดังนั้นแม็กซ์ถึงบอกว่าเล่มนี้ดีกว่าหน่อย)
คะแนนที่ 50
No comments:
Post a Comment