Thursday, January 22, 2009

Fallen Angels // Mary Jo Putney

Fallen Angels ไม่ใช่ชื่อหนังสือนะคะ แต่เป็นชื่อชุดของหนังสือแนวย้อนยุคของนักเขียนที่ชื่อแมรี่ โจ พุธเน่ย์

บลอก ในวันนี้เป็นการตอบคำถามที่ถามแม็กซ์เกี่ยวกับหนังสือแนวย้อนยุคที่แม็กซ์ ชอบมากที่สุด เราใช้เวลาคิดหนักและคิดนานกับคำถามนี้นะคะ และบอกเลยว่า อาจจะมีหนังสือเล่มอื่นที่แม็กซ์ชอบมากกว่า แต่ขอบอกเลยว่าไม่มีหนังสือชุดไหนที่แม็กซ์ชอบมากกว่าชุดนี้ (ในการประเมินความชอบโดยรวมของหนังสือทั้งหมดในชุด เพราะบางเรื่องแม็กซ์อาจจะชอบมาก อย่าง Devilish ในชุดมัลโลเรน แต่เมื่อรวมกับเล่มอื่นในชุดแล้วก็ยังสู้ชุดนี้ไม่ได้)

แม็กซ์เริ่ม อ่านโรแมนซ์จากแนวปัจจุบัน แนวย้อนยุคหลายเล่มที่เริ่มอ่านก็ไม่น่าประทับใจ จนกระทั่งแม็กซ์ไปห้องสมุดแล้วเจอกับเรื่อง Thunders and Roses อย่างบังเอิญ แล้วเพื่อนคนนึงที่อยู่ในชมรมห้องสมุดเดียวกันพูดกะแม็กซ์ว่า "ทำไมไม่ยืมเล่มนี้ไปลองอ่านล่ะ สนุกดีนะ"

ด้วยความเกรงใจ และไม่มีต้นทุนอะไร (ห้องสมุดใช้ยืมฟรี) ก็เลยเอามา แล้วก็โชคดีอีกว่าช่วงนั้นเป็นวันหยุดยาวอีสเตอร์ ก็เลยมีเวลา หลังจากอ่านหลายต่อหลายเล่มที่อยากอ่านจบไป ในที่สุดก็นั่งจ้องเรื่องนี้ จ้องไปจ้องมา ก็ไม่ได้ท้องเหมือนปลากัดหรอกนะคะ แต่ตัดสินใจหยิบมาอ่าน

และแมรี่ โจ พุธเน่ย์ก็ได้แฟนตลอดชีวิตอย่างแม็กซ์ไปเลย

Background ของชุด

Fallen Angels หรือเทวดาตกสวรรค์ไม่ใช่หนังสือแนวพารานอมอลหรอกนะคะ แต่เป็นชื่อนี้ถูกใช้เป็นชื่อชุดเพราะว่า ชื่อของพระเอกซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนที่โรงเรียนอีตัน (ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชื่อดังของอังกฤษเขา เหล่าลูกขุนนางมาเรียนกันเพียบ) ล้วนแต่มีที่มาเป็นชื่อของเทวดา (หรือเซ็นต์ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เซ็นต์เซย่า)

กลุ่ม Fallen angels ดั้งเดิมมีสี่คน นิโคลัส, ราฟาเอล, ลูเซียน, และไมเคิล แต่ก็ด้วยความดังอีกนั่นแหละที่ทำให้สุดท้ายแล้วชุดนี้ขยายออกไปเป็น 7+3 ซึ่งเราจะพูดต่อไป

เล่มแรก Thunders and Roses (เขียนปี 1993)

พล็อต เรื่องเล่มนี้เป็นไปตามสูตรทุกอย่าง นิโคลัสพระเอกของเราเป็นลูกครึ่งยิปซี และนั่นเป็นเหตุผลทำให้เขาไม่ได้รับการยอมรับจากผู้เป็นปู่เพราะสายเลือดที่ ไม่บริสุทธิ์ นิคเดินทางกลับจากยุโรปหลังจากร่อนเร่อยู่ที่นั่นหลายปีระหว่างสงครามอังกฤษ - ฝรั่งเศส เขาละทิ้งอังกฤษบ้านเกิดไปหลังจากภรรยาของเขาเสียชีวิตลงในอุบัติเหตุรถม้า ที่หลายคนสงสัยว่าเขาเป็นตัวการ

นิคเป็นพระเอกโรแมนซ์ย้อนยุคของแท้ เสเพลและไม่ใส่ใจในอาณาเขตที่ตนเองเป็นเจ้าของ และนั่นทำให้แคลร์ซึ่งเป็นลูกสาวของนักเทศน์ประจำหมู่บ้านที่ต้องพึ่งพานิ คทนไม่ได้ เธอเดินทางมาพบเขาที่บ้าน และพยายามทำให้เขาสนใจความเป็นไปของคนในหมู่บ้านที่บัดนี้กำลังเดือดร้อนจาก ภาวะสงคราม และก็เหมือนพระเอกโรแมนซ์ทั่วไป นิคไม่ยอมทำความดีอะไรง่าย ๆ ถ้านางเอกของเราไม่ยอมให้บางอย่างกับเขาก่อน และเขาก็เรียกร้องให้แคลร์ยอมให้เขาจูบวันละครั้ง แล้วเขาจะยอมหันมาสนใจหมู่บ้านตามที่เธอต้องการ

นางเอกของเราก็เป็น นางเอกโรแมนซ์ขนานแท้เช่นกัน เพราะเธอก็ช่างเสียสละเพื่อคนอื่น อย่างที่บอกค่ะเล่มนี้ตามสูตร แต่จุดเด่นของเรื่องนี้ที่ทำให้เข้ามาอยู่ในใจของแม็กซ์ได้ก็คือการดำเนิน เรื่อง เพราะเมื่อยิ่งอ่านไป เราก็จะได้พบว่านิโคลัสไม่ใช่คนที่เราคิด เขามีอดีต และความเจ็บปวด รวมทั้งการทรยศที่ไม่ควรมีใครต้องเจอ

และ แคลร์ก็ไม่ใช่สาวน้อยตาใส อันที่จริงเธอจดจำเขาได้ พ่อของเธอเป็นติวเตอร์ให้เขาตอนที่เขาถูกพรากมาจากมารดาที่เป็นยิปซีในวัย เด็ก เธอมองเห็นประกายความดีในตัวเขา และคิดว่าเธอสามารถทำให้เขากลายเป็นคนที่ดีขึ้นได้ (มันเป็นความเชื่อที่แม็กซ์ไม่คิดจะทำในชีวิตหรอกนะคะ แต่มันสนุกที่ได้อ่านในเล่มนี้ และแมรี่ โจ เขียนได้น่าเชื่อ)

หนังสือ เล่มนี้แนะนำให้แม็กซ์เริ่มต้นความคลั่งไคล้ที่มีต่อตัวร้าย โดยเฉพาะเมื่อนิโคลัสพาแคลร์เข้าลอนดอน และแนะนำให้รู้จักเหล่าเพื่อนรักสมัยเรียนของเขา นิโคลัสไม่คาดคิดว่าเพื่อนที่เขารักที่สุดอย่างไมเิคิลจะเปลี่ยนไป และกลายเป็นศัตรูคนสำคัญ นิคไม่รู้เหตุผล และไม่เข้าใจ แต่ไมเคิลดูเหมือนจะพยายามอย่างจริงจังที่จะฆ่าเขา เหตุผลทั้งหมดมันซ่อนอยู่ในอดีต อดีตที่นิคพยายามลืม

น่าแปลกที่ฉาก ที่แม็กซ์จดจำได้มากที่สุดในเล่มนี้ ไม่ใช่ฉากระหว่างพระเอกนางเอก เป็นฉากที่เมื่อหลังเกิดอุบัติเหตุเหมืองถล่มที่นิคและเหล่าคนงานติดอยู่ภาย ใน คนงานคนนึงเสียสละและช่วยนิคให้ออกมาข้างบนได้ ทั่งที่ในเวลานั้นเขายังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองเลยว่าเป็นคนดี และเมื่อคนงานคนนั้นซึ่งสุดท้ายก็รอดตายเช่นกันถูกถามคำถามว่าทำไมถึงช่วยนิ ค ก็ให้คำตอบที่ฮานะ แต่เราว่าลึกซึ้งที่สุด "เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาตาย เขาจะได้ไปสวรรค์ เขาไม่มีอะไรติดค้างกับพระเจ้า ในขณะที่นิคมีโอกาสเยอะมากที่จะลงนรก ดังนั้นเขาควรเสียสละให้นิครอดตายเพื่อจะได้มีเวลาไถ่บาปของตัวเอง"

คะแนนที่ 83

เล่มที่สอง Dancing on the wind (เขียนปี 1994)


เล่ม นี้ถ้านับเวลาตามเนื้อเรื่องจะเป็นเล่มสองในชุดในนะคะ แต่ออกขายเป็นเล่มที่สาม (เขียนทีหลัง) เล่าเรื่องของลูเซียน หนึ่งในแก็งค์ Fallen Angels ที่ก็ทำตัวสมกับชื่อลูเซียนด้วยการเป็นหัวหน้าสายลับใหญ่แห่งเกาะอังกฤษ (อันนี้แม็กซ์ตั้งข้อสังเกตนะ มีใครเห็นอย่างเราบ้างไหมว่า พระเอกที่ชื่อลูเซียนนี่จะต้องมีอาชีพเป็นสายลับกันเป็นส่วนใหญ่) และเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เล่มนี้เขียนก่อนเรื่อง Lord of Ice ของแกลเลน โฟลีย์นะคะ (เพราะพล็อตสองเรื่องนี้มันโคตรจะเหมือนกัน ต้องให้เครดิตแมรี่ โจก่อนค่ะ)

ในฐานะหนังสือชุด Fallen Angels สอบผ่านในเรื่องที่ว่าคนอ่านไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มก่อนหน้าเพื่อที่จะอ่าน เล่มนี้ได้รู้เรื่อง Dancing on the wind เป็นเอกเทศจากเล่มอื่นในชุด อันที่จริงแทบจะไม่มีตัวละครอื่นเข้ามายุ่งในเรื่องด้วยซ้ำ

ธีมของ เล่มนี้ก็คือ คู่แฝด เพราะเริ่มต้นเรื่องลูเซียนเดินทางกลับมาอีตันอย่างคนหัวใจสลาย เขาสูญเสียพ่อแม่ และน้องสาวที่เป็นแฝดกับเขาในอุบัติเหตุ จากคนที่มีครอบครัวอันอบอุ่น เขากลายเป็นคนตัวคนเดียวในโลก และก็มีแต่เพื่อนที่อีตันเท่านั้นที่เป็นจุดเชื่อมต่อเดียวกับเขาเอาไว้

เวลา ผ่านไปลูเซียนกลายเป็นหัวหน้าสายลับใหญ่ที่สุดในเกาะอังกฤษ เขาขอร้องให้เพื่อนรักอีกคนอย่างราฟาเอลเดินทางไปยุโรปเพื่อติดต่อกับเคาส์ เตสสาวชาวฮังการี (ซึ่งคุณจะได้อ่านเรื่องนี้ต่อไป) ส่วนเขาจัดการค้นหาคนทรยศ และนั่นหมายถึงเขาต้องแทรกตัวเข้าไปในสมาคมลับที่เชื่อในลัทธิซาตาน

ไม่ มีอะไรเกี่ยวกับซาตานในลัทธินั้น นอกจากฟรีเซ็กส์และเหล้า ที่นั่นเขาได้พบกับหญิงสาวลึกลับ คนที่เป็นครั้งแรกในชีวิตทำให้เขารู้สึกบางอย่าง เธอต้องการบางอย่างจากสมาคมลับแห่งนี้ แต่เธอไม่ไว้ใจเขามากพอที่จะบอกความจริงทั้งหมด

คนที่ชอบอ่านเรื่อง ราวของตัวละครที่ฉลาด และทันกันน่าจะชอบเล่มนี้ค่ะ เพราะคิทนางเอกของเราก็ไม่เป็นรองหัวหน้าสายลับอย่างลูเซียนเลย เธอมีเป้าหมายและภารกิจ ที่บังเอิญลูเซียนยืนขวางอยู่

จุดอ่อนในเล่ม นี้สำหรับแม็กซ์คงอยู่ที่แม็กซ์ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ต่อเชื่อมกันระหว่างคิท และลูเซียนมากนัก อาจเพราะธีมหลักในเรื่องเป็นการพูดถึงความรักระหว่างพี่น้องที่เป็นคู่แฝด และการตามหาคนที่คิทต้องการเจอตัว (ซึ่งก็คือคู่แฝดของเธอนั่นแหละ) ทำให้เรารู้สึกเหมือนไม่ได้รู้จักทั้งสองคนนี้ดีมากนัก และนี่คือข้อเสียเดียว (แต่ใหญ่นะ) สำหรับเรา

คะแนนที่ 63

เล่มที่สาม Petals in the strom (ดัดแปลงจากเรื่อง The Controversial countess เขียนใหม่ปี 1993)

เล่ม นี้เป็นเรื่องที่ดัดแปลงมาจากนิยายเก่าของแมรี่ โจเองและสำหรับคนที่มีทั้งสองเวอร์ชั่นก็ขอบอกว่า ถึงเปลี่ยนไปเยอะค่ะ เพิ่มเติมหลายฉาก แต่สาระสำคัญของเรื่องยังคงเหมือนเดิม

ราฟาเอลหรือ เรฟเป็นคนที่มีบรรดาศักดิ์สูงที่สุดในกลุ่ม Fallen Angels และเขาก็มีความทรนงตัวดังเช่นที่คนในบรรดาศักดิ์ของเขามี และนั่นทำให้เขาตัดสินใจพลาดครั้งสำคัญในชีวิต

ในวัยหนุ่ม (ยี่สิบต้น ๆ) เขาพบรักกับมาร์ก๊อต ลูกสาวของนายทหารชาวอังกฤษ ความรักดูดดื่มและรวดเร็ว เพียงชั่วข้ามคืนเขาก็หมั้นหมายกับเธอ และฝันถึงอนาคตอันแสนหวาน แต่ทุกอย่างก็พังทลายลง เขาพบว่าเธอทรยศเขากับชายอื่น เขาถอนหมั้น และทำให้เธอไม่อาจใช้ชีวิตในเกาะอังกฤษได้ มาร์ก๊อตจากไปพร้อมกับชื่อเสียงที่ป่นปี้

เกือบสิบปีผ่านไป เรฟได้รับการขอร้องจากลูเซียนเพื่อนซึ่งเป็นหัวหน้าสายลับ ให้เดินทางไปยุโรปเพื่อสืบข่าวเกี่ยวกับการประชุมสันติภาพหลังสงครามสสงบ เพื่อพบกับเคาส์เตสสาวชาวฮังการีซึ่งเป็นสายลับของอังกฤษ

และคนที่เขา ได้พบก็คือมาร์ก็อต ซึ่งบัดนี้คือแม็กกี้ สายลับสาวผู้แปลงกายเป็นเคาส์เตสจาโนส และมีเส้นสายและกุมความลับหลายอย่างของอังกฤษไว้ เรฟพบว่าเขายังไม่เคยลืมเธอไปจากใจ แม้จะไม่อาจให้อภัยกับการทรยศของเธอได้

แต่ การได้พบกับแม็กกี้อีกครั้ง เรฟก็ได้พบกับความจริงที่น่าเจ็บปวดที่ว่า คนที่ทรยศในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่เธอ แต่เป็นเขาที่ไม่รักและเชื่อใจเธอมากพอ และก็เป็นเขานั่นเองที่ขับไล่เธอออกจากความปลอดภัยในอังกฤษ ไปสู่สงครามและความเจ็บปวดที่สุดที่ลูกผู้หญิงคนนึงได้พบ มาร์ก็อตเสียพ่อไปในการจลาจล ส่วนเธอก็ปางตายจากการถูกรุมโทรม และนั่นเปลี่ยนแปลงเธอจากหญิงสาวใสซื่อมาสู่สายลับอันตราย งานของเธอเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีชีวิต มันมอบเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อให้เธอ

หนังสือเล่มนี้อ่านยากนะคะ เพราะอดีตของนางเอกที่ไม่โสภานัก แต่อยากให้อ่านกัน มันไม่สนุก และเจ็บปวด ซึ่งแม็กซ์คิดว่า เราเองก็ไม่ใช่คนที่เปิดกว้างมากพอหรอก เพื่อนคนนึงของเราให้ข้อคิดที่น่าสนใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ ตรงที่ทำไมคนแต่งถึงใจร้ายกับแม็กกี้เอามาก ๆ ไม่ใช่เพราะเธอชอบแต่งเรื่องให้รันทดหรอกนะ แต่เพื่อเป็นการสั่งสอนเรฟในความผิดพลาดของเขา เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เจ็บปวดไปกับอดีตของแม็กกี้ไม่ใช่ตัวเธอ (ซึ่งเธอยอมรับและทำใจกับมันได้แล้ว) แต่เป็นตัวเรฟเอง ที่รับรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดกับแม็กกี้เป็นเพราะเขา ผู้ชายที่ควรจะรักเธอมากที่สุด

อย่างที่บอกค่ะ คะแนนไม่ค่อยสูงเท่าไหรที่ 60

เล่มที่สี่ Angel Rogue (ดัดแปลงจากเรื่อง The Rogue and the Runaway เขียนใหม่ปี 1995)

เล่มนี้เป็นเล่มที่แม็กซ์ชอบมากทีสุดในชุด แต่ก็เป็นเล่มที่ไม่ค่อยจะอยู่ในชุดเท่าไหรนักหรอกค่ะ โรบินพระเอกไม่ใช่เพื่อนนักเรียนร่วมรุ่นกับ Fallen Angels คนอื่น ๆ ความสัมพันธ์ที่เขามีต่อกลุ่มนี้ก็ผ่านมาร์ก็อตนางเอกของเรื่อง PITS

โร บินเป็นสายลับเกษียณอายุที่กลับมาอยู่บ้านในชนบท ปัญหาของเขาก็เหมือนกับสายลับทุกคน นั่นคือการว่างงานและความน่าเบื่อ จนกระทั่งเขาบังเอิญได้พบกับแม็กซี่ สาวน้อยลูกครึ่งอินเดียนแดงที่ออกเดินเท้าไปยังลอนดอนเพื่อสืบหาความจริง เกี่ยวกับการตายของพ่อ แรกพบเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่อาจปล่อยให้สาวน้อยคนนี้ผจญภัยในถนนที่อันตราย ระหว่างทางไปลอนดอนตามลำพังได้ เขาทำทุกอย่างเพื่อให้เธอยอมรับเขาเป็นเพื่อนร่วมทาง

มันเป็นการเดินทางที่โรบินคิดว่าเขาช่วยเหลือแม็กซี่ แต่เมื่อถึงจุดหมายกลับเป็นเธอที่ช่วยเหลือดวงวิญญาณของเขาไว้

นั่น เพราะโรบินไม่ใช่เจมส์ บอนด์ที่ไร้ความรู้สึก ทุกอย่างที่เขากระทำไปในนามของประเทศชาติ มันหลอกหลอนเขาทุกขณะจิต เขาฆ่าคนที่อาจจะเป็นเพื่อน ทรยศคนที่ช่วยเหลือเขาด้วยความจริงใจ ทุกอย่างเพื่อประเทศ และมันกัดกร่อนดวงวิญญาณของเขา การเดินทางไปกับแม็กซี่ทำให้เขาค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิตอีกครั้ง

หนังสือ เล่มนี้ไม่มีตัวร้ายนะคะ แต่นั่นไม่สำคัญเลย การไ้ด้เดินทางร่วมไปกับโรบินและแม็กซี่ การได้รู้จักตัวละครอย่างพวกเขาเป็นเรื่องสำคัญกว่า หนังสือเล่มนี้ทำให้แม็กซ์รู้ถึงคุณค่าของหนังสือแนว Road Romance ที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้ว่ามันสนุกตรงไหน

แล้วแม็กซ์บอกรึยังว่า โรบินเ็ป็นพระเอกที่แม็กซ์ใช้เทียบกับผู้ชายทุกคนที่แม็กซ์รู้จักในชีวิต จริง ผู้ชายที่หัวเราะได้เสมอแม้ในยามที่หัวใจของเขาเจ็บปวดที่สุด

คะแนนที่ 97

เล่มห้า Shattered Rainbows (ปี 1996)


เล่มนี้เป็นหนังสือในดวงใจของใครหลายคนค่ะ แต่สำหรับแม็กซ์ เล่มนี้ก็ยังเป็นรองอีกหลายเล่มในชุด ด้วยเหตุผลที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า คนเรารสนิยมต่างกันจริง ๆ เพราะเหตุผลที่แม็กซ์ชอบเล่มนี้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ก็คือเหตุผลที่ทำให้เพื่อนของแม็กซ์หลายคนรักเล่มนี้

ขอเตือนสปอยล์ก่อนแล้วกันค่ะ เล่มนี้ต่างกับเล่มอื่นนิดนึงตรงที่เกี่ยวเนื่องกับ Thunders and Roses เยอะหน่อย เพราะพระเอกในเล่ม ไมเคิลเป็นตัวเกือบร้ายใน T&R เขาตกเป็นเหยื่อของผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่เล่นกับความรักของเขา เพราะเธอ ไมเคิลทรยศเพื่อนรักอย่างนิโคลัส เป็นชู้กับเมียเพื่อน และเมื่อหล่อนตายลง เขาก็ตกเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น จนเกือบฆ่าเพื่อนรักลงกับมือ

ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ไมเคิลจะเข็ดกับความรัก และผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว จนกระทั่งเขาได้เจอกับแคธเทอลีน เมลเบิร์น ภรรยาสาวและแสนจะเพรียบพร้อมของเพื่อนนายทหารของไมเคิล ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่พวกเขาได้รู้จักกัน ไมเคิลก็ได้รับรู้ว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร แต่เพราะเขาคือคนที่ไร้เกียรติและเคยทำพลาดกับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว เขาไม่กล้าจะกระทั่งคิดให้อะไรมันเกินเลยไปกว่านี้

และเช่นเดียวกัแคธเทอลีนก็มีศีลธรรมพอที่แม้จะรู้ว่า ตนเองเลือกผู้ชายผิดมาเป็นคู่ชีวิต และไมเคิลมีค่าเหนือสามีของเธอเพียงใด เธอก็เลือกที่จะไม่ทรยศคำสาบานที่ให้ไว้กับพระเจ้า เรื่องราวของความรักที่เจอกันช้าเกินไปกับคนสองคนที่มีเกียรติเกินกว่าจะให้ ความรักทำลายคุณธรรมทุกอย่างที่ตัวเองมี

ประเด็นนี้แหละที่ชนะใจเพื่อนของแม็กซ์หลายคน แต่สำหรับแม็กซ์มันรันทดไปหน่อยน่ะค่ะ สงสารทั้งไมเคิลและแคธเทอลีน อ่านไปน้ำตาก็ร่วงเผาะ สงสารก็สงสาร คนแต่งใจร้ายมาก ๆ ที่เลือกแคธเทอลีนที่มีเจ้าของแล้วให้เขา แต่ก็เพราะโรแมนซ์ที่สุดท้ายทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแหละค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องรักระหว่างรบ ฉากหลังของเรื่องเกิดในช่วงก่อนศึกที่วอเตอร์ลู แมรี่ โจเขียนบรรยายฉากได้ดีมาก ทำให้เราเข้าใจสถานการณ์และความตึงเครียดก่อนศึกครั้งใหญ่ครั้งนั้น ไมเคิลเป็นทหาร เป็นนักรบที่พร้อมยอมตายเพื่อชาติ แคธเทอลีนเป็นภรรยาของนายทหารที่ต้องเตรียมใจกับการจากไปได้ทุกเมื่อของสามี และเราต้องไม่ลืมความรักที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ระหว่างชายและหญิงสองคน ที่น่าทึ่ง

ทั้งหมดนี่เป็นครึ่งแรกของเล่มค่ะ ส่วนครึ่งหลังเป็นเรื่องราวของแคธเทอลีน (ที่เป็นหม้ายตามระเบียบแล้ว) ขอให้ไมเคิลช่วยในการเดินทางไปยังเกาะสกายเพื่ออ้างสิทธิในมรดก สำหรับแม็กซ์รู้สึกว่าทั้งสองช่วงนี้ดูแยกจากกันมากไปหน่อย ทำให้เรื่องดูสะดุดและไม่ค่อยเ้ข้ากันเท่าไหร อารมณ์ของเรื่องก็เปลี่ยนไปพอสมควร และส่วนนี้แหละที่เรามองว่าเป็นข้อด้อย

เล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มที่พล็อตอาจจี้จุดใครหลายคน รวมทั้งแม็กซ์ด้วย ที่ไม่ค่อยชอบเรื่องที่นางเอกกำลังแต่งงานอยู่แล้วดันมาเจอกับพระเอก แต่พูดเลยนะคะว่า ถ้าใครไม่อ่านเรื่องนี้เพราะพล็อตนี้ ก็เท่ากับว่าคุณพลาดหนังสือที่ดีมากที่สุดเรื่องนึงไปเลย

คะแนนที่ 83

เล่มที่หก River of fire (เขียนปี 1996)

พูดตามตรงก็คือ ชุด Fallen Angels ควรจะจบตั้งแต่ Shattered Rainbows ไปแล้วล่ะ เพราะสมาชิกคนสุดท้ายในกลุ่มก็แต่งงานไปอย่างแฮ็ปปี้แล้ว แต่ด้วยความดังของชุด ก็เลยต้องมีเสริมนิดเสริมหน่อยนะคะ โดยพระเอกในเล่มนี้เป็นตัวละครที่ออกมามีบทใน Shattered Rainbows โดยเป็นเพื่อนทหารของไมเคิล

และเช่นเดียวกับหนังสือทุกเรื่องของแมรี่ โจ ที่การหาข้อมูลของเธอแน่นปึกมาก เพราะหลังจากอ่านเล่มนี้ไปแล้ว แม็กซ์ก็กลายเป็นแฟนของนักวาดภาพนามโกแกงไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะการบรรยายที่ทำให้เห็นภาพชัดเสียจนแม็กซ์อยากเห็นของจริง

เคนเน็ธอาจจะเป็นขุนนางมีบรรดาศักดิ์ แต่มรดกที่หลงเหลือไว้ให้เขาหลังจากสงครามสงบกลับเป็นบ้านร้าง และหนี้สินกองโต ดังนั้นเมื่อเขาได้รับข้อเสนอจากอดีตผู้บังคับบัญชาให้ช่วยสืบเกี่ยวกับการ ตามอย่างลึกลับของหญิงสาวคนนึง เขาจึงตอบตกลง แม้นั่นจะทำให้เขาต้องปลอมตัว และหลอกลวงคนอื่นก็ตาม

แต่แล้วการสืบหาความจริงครั้งนี้ก็พาเคนเน็ธเข้าไปสู่ความฝันในวัยเด็ก ที่เขาลืมเลือน ในอดีตเขารักการวาดภาพ แต่เพราะนั่นไม่ใช่งานอดิเรกที่เหมาะสมกับลูกชายขุนนาง เขาถูกบังคับให้ละทิ้งมันไป แต่ในตัวตนที่ถูกสร้างขึ้น เขาเข้าไปในบ้านของนักวาดรูปชื่อดังเพื่อสืบเกี่ยวกับการตายของภรรยาของชาย คนนั้น เขาแฝงกายเข้าไปในฐานะของศิลปินที่มีความใฝ่ฝันจะเรียนรู้จากนักวาดรูปชื่อ ดัง

และที่นั่นเขาก็ได้พบกับรีเบคก้า ลูกสาวของนักวาดรูปชื่อดัง หญิงสาวที่วิถีการใช้ชีวิตที่ผิดแปลกจากคนอื่น ทำให้เธอกลายเป็นคนนอก ความใฝ่ฝันจะเป็นนักวาดรูปของเธอยิ่งกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้เธอไม่ได้รับ การยอมรับในสังคม แต่สำหรับเคนเน็ธที่ตลอดชีวิตก็เป็นคนนอก ทั้งสองเกิดมาเพื่อกันและกัน

ยอมรับค่ะว่า ตอนอ่านเรื่องนี้ เราล่องลอยไปกับสังคมแบบโบฮีเมียในเรื่อง การบรรยายความใฝ่ฝันที่จะถ่ายทอดความรู้สึกออกมาเป็นรูปภาพชัดเจนและสวยงาม มาก แม็กซ์ชอบภาษาและการบรรยายเรื่องในเล่มนี้มาก ๆ

คะแนนที่ 83

เล่มที่เจ็ด One Perfect Rose (เขียนปี 1997)

หนังสือเล่มสุดท้ายในชุด (อย่างเป็นทางการ) และเป็นเล่มที่น้ำตาร่วงมากที่สุดแล้ว

เล่าเรื่องของสตีเฟ่น เคนย่อน พี่ชายของไมเคิล ท่านดยุคแห่งแอชเบอร์ตันผู้สุขุม เย็นชา และสมบูรณ์แบบ แม็กซ์พูดตรง ๆ เลยนะคะว่าไม่คิดว่าตัวเองจะชอบเล่มนี้ เพราะไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าสตีเฟ่นเป็นตัวละครทีน่าสนใจ ในเล่มที่เขาออกมามีบท (Shattered Rainbows) เขาก็เป็นแค่พี่ชายพระเอก เขาสมบูรณ์แบบทุกอย่าง หล่อเหลา ร่ำรวย เก่งกาจ ไม่มีอะไรน่าท้ายทาย แค่ตัวละครที่ออกมาผ่านหน้ากระดาษ

แต่ก็เป็นแมรี่ โจ พุธเน่ย์ที่พิสูจน์ว่าเธอเป็นนักเขียนที่มากกว่านักเขียนคนอื่น เธอโยนสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดกับคนสักคนให้กับสตีเฟ่น และโชคก็เป็นของคนอ่านที่ได้อ่านเรื่องราวการเดินทางเพื่อค้นพบตัวเองของเขา

ในฉากเปิดเรื่อง สตีเฟ่นได้รับแจ้งจากหมอส่วนตัวว่าเขากำลังจะตาย ด้วยวัยเพียงสามสิบกว่าปี มันเร็วเกินไป แม้เขาจะรู้สึกไม่สบายอย่างหนักมาตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายอย่างนี้ เขายังไม่ได้ใช้ชีวิต ตลอดเวลาเขาเป็นลูกชายตัวอย่าง เป็นคนรับผิดชอบ เป็นคนดูแลทรัพย์สมบัติของตระกูล ในขณะที่น้องชายกลายเป็นฮีโร่ในสงคราม เขาต้องอยู่โยงเฝ้าบ้าน และดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อย

แต่ความจริงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เขามีอาการป่วย และหมอที่รักษาเขาก็เป็นหมอประจำครอบครัวยืนยันถือเวลาอันน้อยนิดของเขา

ความตายเป็นแรงกระตุ้นที่ดี เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่สตีเฟ่นทำบางอย่างที่ไม่เคยทำ เขาหนีไปจากความรับผิดชอบ หนีไปจากทุกอย่างที่ตัวเองรู้จัก เพื่อเรียนรู้ว่า แท้จริงแล้วสตีเฟ่น เคนย่อนคือใคร นอกจากการเป็นเพียงแค่ดยุคแห่งแอชเบอร์ตันที่คนอื่นรู้จักกัน

แม็กซ์น่ะน้ำตามร่วงตั้งแต่สตีเฟ่นเริ่มนับถอยหลังเวลาแห่งการมีชีวิต อยู่ของเขาแล้ว การเดินทางนำสตีเฟ่นไปพบหญิงสาว แม่ม่ายแห่งคณะละคร ผู้หญิงที่เขาอาจมีชีวิตอยู่จนแก่ก็ไม่มีสิทธิได้พบ แต่ความตายที่ใกล้เข้ามา นำเขามาพบกับเธอ โรสลินด์ หญิงสาวที่สำคัญต่อเขามากที่สุด หญิงสาวที่ทำให้เขาสัมผัสความรักเป็นครั้งแรก

ความรักที่อาจจะสายเกินไป

หนังสือเล่มนี้สวยงาม ทั้งการเขียน ตัวละคร แต่ก็ต้องยอมรับว่า เพื่อให้เล่มนี้จบอย่างมีความสุข ความน้ำเน่าหลายอย่างก็ต้องเ้ข้ามามีส่วนในเรื่องแต่แม็กซ์ว่าคนแต่งหา ทางออกให้กับการตายของสตีเฟ่นได้ดีนะคะ แม็กซ์ชอบน่ะ ไม่ถึงกับเป็นปาฏิหาริย์ มีเหตุผลรองรับได้ ส่วนที่แม็กซ์ว่ามันน้ำเน่าก็คงเป็นเรื่องชาติกำเนินของโรสลินด์น่ะ

แล้วก็ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ หลังจากเสียน้ำตาเป็นปี๊บไปกับเล่มนี้ อะไรก็ได้ที่ทำให้ตัวละครมีความสุขอย่างสมบูรณ์ แม็กซ์ก็เอาทั้งนั้นแหละ

คะแนนที่ 90

No comments: