ช่วงนี้สงสัยจะเฮงค่ะ เพราะหยิบหนังสืออะไรมาอ่านก็เข้าข่ายชั่วถึงชั่วมากตลอด เล่มนี้ว่ากันตามตรงกํไม่ถึงกับเลวร้ายหรอกนะคะ แต่แม็กซ์รับไม่ได้น่ะในความมั่วของพล็อต
สำหรับคนแต่งคนนี้ แม็กซ์เคยอ่านหนังสือของเธอมาแล้วหนึ่งเล่ม (Take Me) ซึ่งก็อ่านได้ผ่าน ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจนัก นอกจากฉากเซ็กส์ที่ทำเอาแม็กซ์ในเวลานั้น (ปี 2005) หูตาโตอยู่พอสมควร
หลายปีผ่านไป เธอออกหนังสือมาอีกสองเล่มซึ่งก็ไม่ได้ดูน่าสนใจอะไรนัก จนมาถึงเล่มนี้ที่เธอกล้าโฆษณาว่าเป็นหนังสือแนวเดียวกับชุดชิคาโก้ สตาร์ เพียงแต่ร้อนแรงกว่า
และนี่คือเหตุผลที่แม็กซ์ซื้อ
ซึ่งเมื่ออ่านจบ ก็คงจะเป็นเหตุผลที่แม็กซ์เลิกอ่านงานของนักเขียนคนนี้ไปเลยแหง๋
Game for Anything ของเบลล่า แอนเดร
สิ่งเดียวที่เล่มนี้เหมือนกับชุดชิคาโก้ สตาร์ก็คือ พระเอกที่เป็นนักอเมริกันฟุตบอลเหมือนกัน ที่เหลือเป็นแค่จินตนาการของคนแต่งเท่านั้นที่คิดว่าเรื่องของตัวเองเหมือน ชุดชิคาโก้ สตาร์
ไทเป็นควอเตอร์แบ็คระดับเจ้าของแชมป์ซุปเปอร์โบวล์ แต่เขาเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมที่มีปัญหาภาพลักษณ์อันไม่โสภานัก เขาเป็นเพลย์บอลที่มีพฤติกรรมเสเพลและเป็นข่าวฉาวโฉ่ และนั่นเป็นเหตุให้เจ้าของทีมคนใหม่ที่เพิ่งซื้อทีมของเขาบังคับให้เขาปรับ เปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการให้นักประชาสัมพันธ์สาวสวยที่ชื่อจูลี่ สเปนเซอร์มาปรับภาพลักษณ์ของเขาให้ดูดีขึ้นในสายตาประชาชน
แต่ทั้งไทและจูลี่เคยมีอดีตร่วมกันมาก่อน ทั้งสองเรียนในโรงเรียนมัธยมเดียวกัน และแม้จะไม่เคยพูดกันสักครั้งในระหว่างเรียน แต่ในงานฉลองการสำเร็จการศึกษาเด็กสองคนที่แตกต่างกันอย่างมากก็มีความ สัมพันธ์กัน จูลี่แอบรักไทมาตลอดแต่คิดว่าเขาคงไม่สนใจเธอซึ่งเป็นเด็กคงแก่เรียน ในขณะที่ไทก็มองจูลี่มาตลอดเช่นกัน แต่คิดว่าเธอฉลาดเกินกว่าจะสนใจนักกีฬาโง่ ๆ อย่างเขา แต่ความสัมพันธ์ที่เริ่มขึ้นในคืนวันจบการศึกษาก็จบลงในตอนเช้า เมื่อไทขี้ขลาดเกินกว่าจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ เขาบอกปัดจูลี่ตอนหน้าเพื่อนของเขา และนั่นทำให้จูลี่เกลียดนักกีฬาทุกคน
เนื่องจากจูลี่เพิ่งเปิดบริษัทประชาสัมพันธ์ใหม่ ทำให้เธอไม่อาจเล่นตัวไม่ยอมรับงานที่ถูกเสนอให้ได้ เธอยินยอมเป็นประชาสัมพันธ์ส่วนตัว ทำการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทใหม่ และเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด เธอประกาศว่าเขาจะต้องอยู่กับเธอตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง (เพื่อว่าไทจะได้แอบหนีไปเที่ยวไม่ได้) และนั่นก็เป็นการเปิดช่องให้ไทกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง
ที่เล่าไปเป็นพล็อตเรื่อง ที่กำลังจะพูดต่อเป็นปัญหาของแม็กซ์ที่มีต่อเล่มนี้ (จะเริ่มด่าแล้วนั่นเอง)
1. แม็กซ์ไม่เห็นว่าพฤติกรรมของไทจะเสียหายยังไง นักฟุตบอลและคำว่าเพลย์บอลก็ถูกพูดในประโยคเดียวกันมาเป็นชาติ โดยเฉพาะควอเตอร์แบ็คหนุ่มโสดที่ทั้งร่ำรวยและหล่อเหล่า ผู้หญิงคนไหนก็อยากได้ เราเห็นข่าวการควงสาวแบบไม่ซ้ำหน้าของทั้งทอม เบรดี้ (ที่มีลูกนอกกฎหมายด้วยซ้ำ) และโทนี่ โรโม (ที่ควงดาราสาวผมบลอนด์ติดโง่เป็นอาชีพ) เราก็ไม่เห็นว่าจะมีใครออกมาบอกว่าพฤติกรรมแบบนี้มันแย่ หรือห่วย ไม่เรื่องก็ไม่ได้บอกว่าไทเมาเหล้าไล่ต่อยใคร หรือชักปืนออกมาขู่ชาวบ้าน เราจึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมองว่าเขาเลวร้ายถึงขนาดต้องการการปรับเปลี่ยนภาพ ลักษณ์ อันที่จริงมันเป็นจุดขายด้วยซ้ำ (และยิ่งไปกว่านั้นคนแต่งอย่างเขียนในทำนองที่ว่า แท้จริงแล้วไทไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่บรรยายด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาไปกับเพื่อนแล้วเพื่อนชอบควงสาวไม่เลือกหน้า)
มันงี่เง่าสิ้นดีที่ให้เจ้าของทีมเข้ามาเสือกเรื่องของผู้เล่น แม็กซ์ไม่เคยเห็น และไม่คิดว่าจะเห็น ธุรกิจ NFL เป็นธุรกิจพันล้าน (เหรียญนะคะ ไม่ใช่บาท) ด้วยเงินมากขนาดนี้ ทุกอย่างเป็นธุรกิจ ไม่ใช่ความรู้สึก แล้วการที่คนแต่งปัญญาอ่อนอธิบายว่าการที่เจ้าของทีมมาบังคับไทให้รับจูลี่ เป็นประชาสัมพันธ์ส่วนตัว (สปอยล์) เป็นเพราะแค้นไทที่เคยเอาชนะลูกชายของเขาในการเล่นฟุตบอลสมัยเด็ก ๆ ยิ่งโคตรปัญญาอ่อน นี่แม็กซ์โกรธจนไม่รู้จะด่ายังไงให้สมกับความงี่เง่าของคนแต่งแล้วนะ ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตจะต้องมาอ่านพล็อตเรื่องห่วยแตกอย่างนี้ ไม่รู้ว่าใช้อะไรคิดขึ้นมา แต่ที่แน่ ๆ เราแน่ใจว่าไม่ใช่สมองหรอกนะ
2. ในเรื่องบอกว่าจูลี่เ็ป็นนักประชาสัมพันธ์มือหนึ่ง แต่พฤติกรรมในเรื่องไม่เคยบอกอะไรอย่างนั้นเลย ขอโทษนะคะ เคยได้ยินบ้างไหมที่นักประชาสัมพันธ์จำเป็นจะต้องเอาลูกค้าตัวเองไปค้างที่ บ้าน ทำตัวเป็นผู้คุมความประพฤติของเขา พล็อตนี้มันนิยายวัยรุ่นเขียนแล้ว (ไม่ได้จะดูถูกวัยรุ่นที่แต่งนิยายหรอกนะคะ แต่ยอมรับความจริงเธอนักเขียนวัยรุ่นหลายคนคิดพล็อตประมาณนี้กันเยอะมาก) จูลี่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และบอกตามตรงนะ เราอ่านเล่มนี้จนจบก็ยังไม่เห็นว่าจูลี่ทำอะไรที่พัฒนาภาพลักษณ์ของไทสัก อย่าง เพราะความจริงก็คือไทเป็นคนดีอยู่แล้ว เขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง เพียงแต่จูลี่เปลี่ยนความคิดตัวเองคนเดียว แม็กซ์ไม่เห็นว่าสังคมภายนอกจะเข้ามาเกี่ยวอะไรในความเปลี่ยนแปลงนี้ (ไททำทุกอย่างเหมือนเดิม เพียงแต่ลากจูลี่ไปด้วยแค่นั้น)
3. เอเจ้นส์ของไทก็ถูกเขียนขึ้นมาให้ปัญญาอ่อนพอ ๆ กับเจ้าของทีม ชีวิตนี้แม็กซ์รู้จักเอเจ้นส์ของนักกีฬาคนนึง และเขาไม่มีอะไรเหมือนกับเอเจ้นส์ของไทเลย เหตุผลที่เอเจ้นส์ของไททรยศเขาก็งี่เง่าและปัญญาอ่อน (อาจใช้คำนี้มาไปหน่อยนะ แต่มันปัญญาอ่อนมาก) ไม่มีเหตุผล และเป็นไปไม่ได้ในชีวิตจริง โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าไทมีค่าตัวและความโด่งดังแค่ไหน ทำไมเอเจ้นส์ต้องเสี่ยงทำให้ไทไม่พอใจเพื่อเงินเพียงเล็กน้อย
4. เรื่องเขียนบรรยายซะเห็นภาพว่าไทใฝ่ฝันถึงจูลี่มาตลอด ขนาดชนะซุปเปอร์โบวล์แล้วก็ยังเห็นหน้าเธอ ตลอดเวลาก็คิดถึงเธอตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าอะไร เขาถึงไม่เคยออกตามหาเธอ ถ้ามันรักเสียขนาดนั้น ทำไมถึงไม่พยายามดูว่าเธอเป็นยังไงตลอดหลายปีที่ผ่านไป ทำไมถึงต้องรอให้เจ้าของทีมปัญญาอ่อนยัดเยียดจูลี่เข้ามาในชีวิต เรื่องไม่เคยอธิบายตรงนี้ สื่อแต่ในทำนองที่ว่า ทุกอย่างที่ไททำ เขาคิดถึงจูลี่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่ซื้อ เขาก็พยายามซื้อชนิดที่มีหรูหราได้ระดับของครอบครัวจูลี่ (ซึ่งร่ำรวย) เขาทำทุกอย่างก็เพื่อให้ตัวเองขึ้นไปถึงระดับเดียวกับจูลี่เสมอ แต่ดันไม่เคยคิดตามหาเธอ (แม็กซ์นึกถึงเรื่อง Mine to posess ของนรินี ซิงค์น่ะ แต่เล่มนั้นพระเอกคิดว่านางเอกตายไปแล้ว ดังนั้นแม้ไม่เคยลืม แต่ก็คงตามหาไม่ได้แน่ ต้องรอให้นางเอกมาหาเอง แต่เล่มนี้ไม่มีข้ออ้างอะไรเลย)
5. นางเอกห่วยแตก จูลี่ไม่เคยแสดงสติปัญญาตามที่คนแต่งเล่าว่าเป็นคนเก่งสักนิด ทำงานก็ไม่ได้เรื่อง นิสัยก็เสีย ไม่เชื่อใจพระเอกทั้งที่ไทไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วเราจะเชื่อว่านางเอกเก่งได้ยังไงในเมื่อตอนท้ายเรื่องก็เป็นไทอีกนั่น แหละที่ฝากงานให้นางเอก แม้คนแต่งจะพยายามเขียนทำนองว่า นางเอกมีเครดิตดีพอตัวอยู่แล้ว แต่มันน่าเชื่อที่ไหน แล้วเรื่องฝากงานอีก มันโคตรจะไม่น่าเชื่อว่าลีกใหญ่ ๆ อย่างเอ็นเอฟแอลที่สร้างตัวเองจนดังที่สุดในอเมริกาแล้ว จะต้องการประชาสัมพันธ์มาเพิ่มอีก ทำยังกะว่าเป็นลีกตะกร้อโน่นแน่ะ
โดยรวมถือเป็นหนังสือที่น่าสนใจค่ะ เพราะทำให้แม็กซ์เกิดอารมณ์ด่าได้มาขนาดนี้ คะแนนก็สะท้อนการด่านะคะ ได้ที่ 33
No comments:
Post a Comment