หนังสือเก่าเก็บอีกเล่มที่ถึงคิวอ่านเสียทีค่ะ พักนี้เราอ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นเยอะหน่อยน่ะค่ะ เพราะเหลือค้างไว้เพียบเลย ปกติแม็กซ์ไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องสั้น แต่ก็นิสัยเสียซื้อมาเกือบทุกเล่ม เพราะเรามักรู้สึกอยากจะเก็บงานของคนแต่งที่ชอบให้ครบทุกเล่ม อีกอย่างเดี๋ยวนี้คนแต่งชอบเอาตัวละครในเรื่องเรื่องที่ตัวเองเขียนไว้เป็น ชุดมาเขียนในเรื่องสั้น ด้วยความที่ติดอ่านชุด ก็เลยต้องตามมาซื้อจนได้
หนังสือเรื่องนี้อยู่ในชุดที่เรียกกันว่า The School of Heiresses ซึ่งเล่าถึงมิสซิสชาร์ล็อตต์ แฮร์ริส เจ้าของโรงเรียนซึ่งเคยเป็นทายาทสาวผู้ร่ำรวยคนนึง แต่โดนหลอกแต่งงานกับผู้ชายที่หวังสมบัติของเธอ จนสุดท้ายเมื่อสามีตาย เธอจึงคิดที่จะเปิดโรงเรียนสอนเด็กสาวลูกคนรวยให้ดูผู้ชายที่หวังปอกลอก สมบัติของพวกเธอออก เพื่อที่จะไม่โดนหลอกอย่างเธอบ้าง
คอนเซ็ปต์ของเรื่องนี้เป็นแนวคิดของซาบริน่า เจฟฟรีย์ ซึ่งเธอเขียนเรื่องในชุดนี้ออกมาหลายเล่ม แม็กซ์หมายถึงเล่มเดี่ยว ๆ นะคะ แต่เรื่องสั้นเล่มนี้เป็นแนวคิดของสนพ.พ็อตเก็ตที่เอาคอนเซ็ปต์ และโรงเรียนของมิสซิสแฮร์ริสที่ซาบริน่าสร้างขึ้นมาขยายต่อ แล้วให้นักเขียนอีกสามคนช่วยกันเขียนเรื่องราวของเหล่านักเรียนในโรงเรียน ของมิสซิสแฮร์ริส
หนังสือรวมเรื่องสั้นเรื่อง The School of Heiresses
อย่างที่บอกนะคะ แม็กซ์ไม่ชอบอ่านเรื่องสั้น ดังนั้นคะแนนไม่สูงหรอกค่ะ แต่ก็ยังยืนยันเหมือนหลายครั้งว่า สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านผลงานของนักเขียนทั้งสี่คนในเรื่องสั้นเล่มนี้ ก็ลองหาซื้อมาอ่านกันได้ จะได้รู้ด้วยค่ะว่าสไตล์ของแต่ละคนเป็นยังไง เพราะแม็กซ์อ่านไปก็คิดว่ามันสะท้อนแนวทางการเขียนของแต่ละคนได้พอสมควร
Ten reasons to stay ของซาบริน่า เจฟฟรีย์
เ่ล่มนี้นอกจากจะเล่าเรื่องของอดีตนักเรียนคนนึงในโรงเรียนของมิสซิสฮาร์ริ สแล้ว ยังเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับเรื่อง Only duke will do ซึ่งเป็นเล่มที่สองในชุด The School of Heiressess อีกด้วย (เพราะเล่มเอกในเล่มนั้นช่วยจนพระเอกในเรื่องสั้นเล่มนี้ได้บรรดาศักดิ์มาจน ได้) แต่แม้จะเกี่ยวกันโดยตรงก็ไม่จำเป็นหรอกนะคะว่าต้องอ่านเรื่อง ODWD ก่อน เพราะทั้งพระนางในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ปรากฎตัวในเล่มนั้นแต่อย่างใด
คอลินซึ่งเป็นลูกครึ่งพ่อซึ่งเป็นคนอังกฤษ และแม่ที่เป็นคนอินเดียเป็นคนนอกมาตลอดชีวิต เขาไม่ได้รับการยอมรับจากญาติทางแม่ที่เป็นคนอินเดีย เพราะสายเลือดอังกฤษในกาย แต่ก็ไม่อาจเป็นคนอังกฤษได้เพราะเลือดอินเดียที่ถูกเหยียดหยาม แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตัดสินใจเดินทางมาอยู่อังกฤษ หลังจากใช้ชีวิตในอินเดียมาตลอดชีวิต เพราะอย่างน้อยในอังกฤษ เขาก็สามารถหนีจากสงครามที่เกิดในอินเดียได้ แต่ชีวิตในฐานะของท่านเอิร์ลผู้สูงศักดิ์ก็ถูกขัดจังหวะโดยการมาอย่างไม่ได้ รับเชิญของสาวน้อยเอไลซ่าที่ทำทุกทางเพื่อหนีจากการบังคับแต่งงานของผู้เป็น ลุง
เอไลซ่ารู้จักกับภรรยาของขุนนางผู้เป็นเจ้าบ้านที่เธอลักลอบเข้ามาเพื่อ "ขอยืม" ม้าในการเดินทางหนี สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ บ้านหลังนี้ได้กลายมาเป็นสมบัติของคอลินแล้ว (เพราะอดีตเจ้าของบ้านเป็นคนที่ยกบรรดาศักดิ์ในคอลิน -- คำอธิบายอยู่ในเรื่อง ODWD แต่ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ สรุปว่าเอไลซ่าเจอกับคอลินอย่างไม่คาดคิด) และแม้เธอจะพยายามเล่าเรื่องให้คอลินฟัง เขาก็ยังคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวฟุ้งซ่าน ชีวิตของเธอมันไม่แย่อย่างที่เป็นหรอก เขาปฏิเสธที่จะช่วย และยังไม่ยอมให้เธอเดินจากไป เพราะห่วงในความปลอดภัย เขาตั้งใจจะส่งตัวเอไลซ่าคืนให้กับผู้ปกครองของเธอ แต่เมื่อเขาค้นพบความจริงว่าสิ่งที่เอไลซ่าพูดเป็นความจริง คอลินก็เปลี่ยนใจ
เรื่องนี้ถือว่าสนุกใช้ได้ค่ะ สำหรับเรื่องสั้น ทั้งคอลินและเอไลซ่าเป็นตัวละครที่โอเค (นั่นคืออ่านได้ไม่ต้องคิดมาก) แต่เพราะเป็นเรื่องสั้นเราจึงรู้สึกเหมือนทุกอย่างโดนเร่ง ไม่ว่าจะเป็นความรักที่เกิดชั่วข้ามคืน (และมันก็ข้ามคืนจริง ๆ)
คะแนนที่ 63
After Midnight ของลิซ คาร์ไลร์
นี่เป็นเรื่องที่แม็กซ์ชอบมากที่สุดในชุด (ถ้าอ่านบลอกของแม็กซ์มานานพอ และเห็นชื่อลิซบนปกเล่มนี้ ก็น่าจะเดากันออกนะคะ) และเหตุผลที่เราชอบก็ทุเรศมาก เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่อง หรือตัวเอกในเล่ม แต่เป็นเพราะเล่มนี้เราได้เห็นโรธเวลล์
ง่าย ๆ แค่นั้นแหละ
เล่มนี้ถือเป็นเล่มแรกจริง ๆ ในชุด Never หรือเรื่องราวของพี่น้องตระกูลเนวิลล์ เป็นเรื่องราวของหลานสาวของบารอนโรธเวลล์ (พระเอกเล่มสามในชุดเรื่อง Never Romance a Rake) ที่ถูกคุณอาส่งมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนของมิสซิสแฮร์ริสตั้งแต่แม่ของเธอ ตายลง มาร์ตินิคไม่ใช่หลานแท้ ๆ ของโรธเวลล์ เธอเป็นลูกติดที่แม่ของเธอแต่งงานกับพี่ชายของโรธเวลล์ และเมื่อทั้งพ่อเลี้ยงและแม่ของเธอตายลง เธอก็ถูกส่งมาที่อังกฤษเสมือนเป็นสัมภาระที่ไม่มีใครต้องการ
นี่เป็นปมในใจของเธอพอสมควร เมื่อมาร์ตินิคอายุได้สิบเก้าปี ทั้งอาทั้งสองของเธอก็เิดินทางมาอังกฤษเพื่อหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้ต้องการเลย เธออยากใช้ีชีวิตเหมือนอาสาวแซนเธียที่มีอิสระในการใช้ชีวิต ทำงานในบริษัทเดินเรือของตระกูล แต่ดูเหมือนเธอจะไม่มีทางเลือก เมื่อเหตุการณ์เข้าใจผิดเกิดขึ้น และมาร์ตินิคพบว่าตัวเองหมั้นหมายกับขุนนางหนุ่มผู้อื้อฉาว
บอกตามตรงนะคะ ถ้าเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องสั้น แม็กซ์คงจะชอบมากกว่านี้อีก เพราะมีองค์ประกอบที่เราชอบครบถ้วน โดยเฉพาะภูมิหลังของจัสตินพระเอกที่ได้ใจเรามาก มาร์ตินิคเองก็เป็นนางเอกที่น่าสนใจ มีประเด็นให้เล่นได้เยอะ แต่ด้วยข้อจำกัดที่เป็นเรื่องสั้นทำให้ทุกอย่างดูเร่งไปหมด
คะแนนที่ 70
The Merchant's Gift ของจูเลีย ลอนดอน
จาำกคำวิจารณ์ ส่วนใหญ่เขาชอบเรื่องนี้กันนะคะ เรื่องราวของเกรซลูกสาวของพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่โดนแรงกดดันจากครอบครัวให้หา คู่แต่งงานที่เป็นขุนนางเพื่อยกระดับครอบครัวขึ้น ในขณะที่นับวันเธอก็เริ่มตกหลุมรักบาร์เล็ตต์พ่อค้าจากลีดส์ที่อยู่ในเมือง เดียวกับเธอ พล็อตหลักของเรื่องจึงเป็นการตอบหัวใจตัวเองของเกรซว่าเธอจะเลือกใครระหว่าง ชายที่เธอรัก กับชายที่เหมาะสม
และแม็กซ์ก็ไม่เหมือนกับคนทั่วไปอีกแล้ว เพราะเราไม่ชอบเรื่องนี้อ่ะ เราไม่ชอบความลังเลของเกรซ แม้จะเข้าใจนะว่าเธอต้องคิดเยอะในการตัดสินใจ แต่เราไม่ชอบผู้หญิงโลเลน่ะ
ถ้าคนอ่านสังเกตนิดนึงก็จะเจอว่าเรื่องนี้มีนางเอกจากเรื่อง The Hazards of hunting a duke โผล่มาให้เห็นนิดนึง โดยเป็นเพื่อนกับเกรซ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรถึงขนาดต้องอ่านเล่มนั้นก่อนหรอกนะคะ (แต่อ่านก็ดีนะคะ เพราะเราชอบ THOHAD พอสมควร)
คะแนนที่ 57
Mischief's Holidy ของเรเน่ เบอร์นาร์ด
นี่เป็นเรื่องที่อ่อนที่สุดในชุดค่ะ ซึ่งถ้าไม่ได้ตอนจบของเรื่องมาช่วยไว้ คะแนนคงจะเทกระจาดมากกว่านี้อีก บอกตามตรงว่าเราคิดว่าเรเน่น่าจะเขียนได้ดีกว่านี้นะคะ แต่เป็นไปได้ว่าเธอเขียนเรื่องสั้นได้ไม่ดีนัก
พล็อตของเรื่องนี้คล้ายคลึงกับ The Merchant's Gift ที่นางเอกเป็นลูกสาวของพ่อค้าผู้ร่ำรวยและเรียนจบจากโรงเรียนของมิสซิสแฮ ร์ริส ผิดกันตรงที่พ่อของนางเอกเราไม่บีบบังคับลูกสาวให้แต่งงานกับขุนนางหรืออะไร เขารักลูกสาวและอยากให้เธอมีความสุข และนั่นอาจะทำให้เรื่องไม่มีอะไรที่น่าสนใจเลยน่ะสิ เพราะไม่มีพล็อต ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อย ๆ จะมีก็แค่ว่า นางเอกของเราเป็นคนที่ชอบเจอปัญหาแล้วได้ทำตัวน่าอาย ซึ่งก็ไม่เห็นจะเป็นประเด็นอีก (สำหรับแม็กซ์) เราอาจจะเข้าใจสังคมรีเจนซี่ไม่ดีพอ แต่เราไม่รู้สึกว่าการที่เธอทำกระโปรงเปื้อน หรือเล่นกับลูกหมามันจะเสียหายน่าอับอายร้ายแรงอะไร มันเป็นเรื่องน่าขำก็จริง แต่ไม่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่
ความราบเรียบของเรื่องนี้คือข้อเสียใหญ่ที่สุด เรื่องราวในงานเลี้ยงช่วงวันคริสต์มาสที่พ่อของอลิสานางเอก เชิญลีแลนด์พระเอกของเรามาร่วมงาน สองหนุ่มสาวได้เจอกัน ปิ๊งกัน จีบกัน และลงเอยกัน มันไม่น่าสนใจน่ะ ไม่เลวร้ายนะ แต่ไม่น่าสนใจเลย
คะแนนที่ 53
No comments:
Post a Comment