หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเก่าเก็บค้างนานหลายปีค่ะ (ตั้งแต่ปี 2005) ที่แม็กซ์ปฏิญาณกะตัวเองว่าจะไม่ยอมอ่านจนกว่าคริสติน่า ดอจจ์จะเขียนเรื่องราวของตัวละครสุดท้ายที่เหลือเอาไว้ในเล่มนี้ออกมาเสียที
สำหรับคนที่ไม่คุ้นกับเรื่องชุดนี้ก็ขอท้าวความย้อนอดีตนิดหน่อยแล้วกัน
คริสติน่า ดอจจ์ซึ่งเป็นนักเขียนแนวย้อนยุคที่มีชื่อเสียงพอตัว ได้หันมาเขียนหนังสือชุดแนวปัจจุบันโดยใช้ชื่อชุดว่า Lost Texas Hearts ซึ่งเป็นเรื่องราวของพี่น้องสามสาวในตระกูลเพรสค็อตต์ที่พ่อและแม่ถูกกล่าว หาว่ายักยอกเงินของโบสถ์หนีไป ก่อนที่จะรถคว่ำตายทั้งคู่ ทำให้ทั้งสามสาวถูกจับแยกกัน และถูกส่งไปเลี้ยงดูโดยไม่ได้มีโอกาสได้พบหน้ากันอีกเลย เรื่องราวในชุดทั้งสามเล่มเล่าเรื่องราวของสาวน้อยแต่ละคนที่พยายามต่อสู้ ชีวิต และค้นหาพี่น้องของตัวเองให้พบ โดยรวมแม็กซ์ชอบหนังสือชุดนี้มากค่ะ
แต่นอกจากสามสาวพี่น้องแล้ว ก็ยังมีกาเบรียลซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของตระกูลเพรสค็อตต์ ในชุดเขาเป็นตัวละครที่ค่อนข้างมีบทบาทสำคัญไม่น้อย แต่เรื่องราวของเขาไม่เคยถูกเล่าออกมา นั่นเพราะคริสติน่าเปลี่ยนสำนักพิมพ์จากที่เคยเขียนให้กับสนพ. พ็อตเก็ต ไปเขียนให้กับสนพ.ซิกเน็ต เธอจึงไม่ได้เขียนเรื่องของกาเบรียลออกมา
กระนั้นเธอก็ยังให้ความหวังแฟนหนังสือโดยบอกว่า เธอจะนำกาเบรียลไปเป็นตัวละครในนิยายชุดใหม่ของเธอ ซึ่งก็คือ The Fortune Hunter ด้วย
สำหรับแม็กซ์แล้ว มันไม่ใช่ข่าวที่เราอยากจะเชื่อนัก เราเจอนักเขียนที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับคริสติน่า และเข้าใจนะคะว่า มันยากที่จะเปลี่ยนสนพ. แล้วจะเริ่มต้นเขียนเรื่องราวของตัวละครที่ทิ้งค้างมาจากสนพ.เดิม สนพ.ส่วนใหญ่มักไม่ต้องการเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชุดที่พิมพ์อยู่กับอีกสนพ. นึง (เพราะเหมือนตัวเองไปทำการตลาดให้อีกสนพ.) บอกตามตรงว่าไม่ค่อยอยากเชื่อคำพูดของคริสติน่าเท่าไหร (แต่ไ่ม่ได้โกรธอะไรเธอหรอกนะคะ)
ดังนั้นเราจึงตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่อ่าน Close to you เล่มนี้ซึ่งเป็นเล่มสามในชุด Lost Texas Hearts จนกว่าเรื่องของกาเบรียลออกขาย
เวลาผ่านไปสี่ปี ในที่สุดเรื่องของกาเบรียลก็ออก และแม็กซ์ก็ได้ฤกษ์เปิดหนังสือเล่มที่เราบอกตามตรงว่าอยากอ่านมากเรื่องนึง
Close to you ของคริสติน่า ดอจจ์
อย่างที่บอกค่ะ เล่มนี้เป็นเล่มที่สามในชุด Lost Texas Hearts บอกเล่าเรื่องราวของน้องนุชสุดท้องอย่างเคทลิน เพรสค็อตต์ ที่เป็นเพียงเด็กวัยสิบเดือนในเวลาที่พ่อและแม่ของเธอเสียชีวิต เคทลินถูกพรากออกจากอ้อมอกของพี่สาวที่รักเธออย่างโฮป และเพพเพอร์ แต่ก็ยังเป็นโชคของเธอที่ผู้อุปการะเลี้ยงดูเธอมาเป็นอย่างดี
ในนามของเคท มอนต์โกเมอรี่ เธอเป็นนักข่าววัยยี่สิบสี่ปีผู้มีอนาคตไกล เธอเริ่มต้นทำงานในสถานีโทรทัศน์ขนาดเล็ก แต่แล้วการรายงานข่าวพายุเฮอลิเคนก็ทำให้เธอเป็นที่เตะตาของศัตรูในอดีต คนที่คลั่งไคล้เธออย่างมาก
มากขนาดที่จะวางแผนและนำตัวเธอกลับมาทำงานใกล้ชิดกับเขา เคทเริ่มต้นทำงานในฐานะนักข่าวสายการเมืองซึ่งทำให้เธอได้มีโอกาสได้รู้จัก ผู้ทรงอิทธิพลหลายคน แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนตามปองร้ายเธอเช่นกัน และนั่นนำเคทไปรู้จักกับทีค รามอสซึ่งกลายมาเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องความปลอดภัยแก่เธอ ซึ่งเช่นเดียวกับเรื่องแนวโรแมนติคสืบสวนทั่วไป หญิงสาวผู้ตกอยู่ในอันตรายก็ตกหลุมรักบอดี้การ์ดของเธอ
ในแง่ของพล็อตมันแทบจะไม่มีอะไรใหม่เลย แต่อาจเพราะนี่เป็นสูตรสำเร็จที่แม็กซ์ชอบอยู่ก็เป็นได้ มันถึงไม่ได้เป็นปัญหาแก่เราในการอ่านเล่มนี้ เราชอบคาแร็คเตอร์ของทั้งเคทลินและทีค ที่มีความลึก และมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง การกระทำที่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดทำ (อย่างการที่เคทตัดสินใจเดินทางไปโฮบาร์ตตามลำพัง) แต่เป็นการกระทำที่เราเข้าใจได้ (ในเมื่อเธอไม่รู้ว่ามีอันตรายรอคอยอยู่) เรื่องราวอาจจะขาดความลึกไปบ้างในส่วนของภูมิหลังของทีค ที่เราคิดว่าน่าจะมีประเด็นให้เล่นได้มากกว่านี เพิ่มความลึกซึ้งให้กับคาแร็คเตอร์ของเขา แต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้เรื่องราวเสียหาย ทีคยังคงเป็นตัวละครที่น่าจดจำ
ปัญหาที่เราพบกลับเป็นตัวร้าย สำหรับเรื่องราวที่ต้องอาศัยหนังสือสามเล่มในการค้นหาคนร้ายผู้นี้ แม็กซ์รู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายดายเกินไป ผู้ร้ายไร้ประสิทธิภาพเกินไป เมื่อคิดว่าต้องอาศัยพระเอกนางเอกจากเล่มหนึ่ง สอง และสามในการเอาชนะเขา คนร้ายดูไม่น่าจะมีแววเก่งอะไรเลย ไม่น่าที่จะอยู่เบื้องหลังการกระทำที่เลวร้ายหลายอย่าง (ที่ไม่เฉพาะแยกครอบครัวเพรสค็อตต์ออกจากกันเท่านั้น แต่ยังแบล็คเมลล์ผู้มีอำนาจใหญ่โตมากมาย) แม็กซ์อ่านไปทั้งเรื่อง ไม่เห็นจะเจอเลยว่าผู้ร้ายมีลูกน้องที่ทำงานแทนตัวเอง ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้น เขาทำตามลำพัง และเมื่อคิดถึงฐานะ และความยิ่งใหญ่ที่เขาเป็น มันไม่น่าเชื่อค่ะว่าจะไม่มีลูกน้อง
แล้วยังเรื่องโกหกที่เขาสร้างสรรขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบแต่งงาน จำนวนปีที่แต่งงาน มันไม่น่าเชื่อว่าคนร้ายจะมองข้ามจุดพวกนี้ไป เพราะเขาโกหก โดยจัดงานครบรอบแต่งงาน ทั้งที่ยังไม่ถึงวันนั้น แถมโกหกเรื่องจำนวนปีอีก งานเลี้ยงนั้นใหญ่โต เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ มันเสี่ยงเกินไปสำหรับวุฒิสมาชิคที่จะทำอย่างนั้น คนอเมริกันไม่ชอบให้นักการเมืองของตัวเองโกหก เขาไม่น่ามองข้ามจุดนี้ไปน่ะ โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าเรื่องพยายามนำเสนอว่า นี่แหละคือตัวร้ายสูงสุดที่ทั้งเลวและชั่วชนิดที่ใครก็เอาผิดเขาไม่ได้
สรุปก็คือ เป็นตัวร้ายที่ไร้น้ำยาค่ะ
และนั่นทำให้ตัวเอกดูไม่เก่งเท่าที่ควร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายค่ะ
ส่วนที่แม็กซ์ชอบมากที่สุดก็คงเป็นการเอาตัวละครจากเล่มก่อนมามีบทบาท ช่วยกันในการวางแผนเพื่อเอาผิดคนร้าย เรื่องชอบความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของสามสาวพี่น้องที่น่ารักมาก
แต่คงเป็นเพราะเรามีงานของคริสติน่าที่ชอบมากกว่าเล่มนี้อยู่หลายเล่มก็ได้ มั้งคะ เราจึงไม่รู้สึกว่าเล่มนี้เป็นผลงานที่โดดเด่นอะไรนัก (ซึึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของนักเขียนหรอกค่ะ ที่เขียนหนังสือให้แม็กซ์ชอบได้เยอะมาก) คะแนนเล่มนี้จึงอยู่ที่ 70
ป.ล. สำหรับคนที่สนใจเรื่องของกาเบรียลอยู่ในหนังสือที่ชื่อว่า Danger in Red Dress
No comments:
Post a Comment