Wednesday, March 4, 2009

To Bed a Beauty // Nicole Jordan

ด้วยความรู้สึกผิดที่ซื้อหนังสือเล่มสี่ในชุด The Courtship War มาแล้ว ทั้งที่เพิ่งอ่านเล่มหนึ่งในชุดไปเพียงเล่มเดียว แม็กซ์จึงลัดคิวหยิบเอาเล่มนี้มาอ่านทันที ทั้งที่ใจอยากจะอ่านเรื่องอื่นที่เพิ่งได้มามาก (โดยเฉพาะ Tempt All night ของนักเขียนขวัญใจตลอดกาลของเราอย่างลิซ คาร์ไลล์ แต่ก็คิดว่าเก็บของดีไว้อ่านช่วงเสาร์อาทิตย์ดีกว่า)

To Bed A Beauty ของนิโคล จอร์แดน

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุด The Courtship War ที่สามเล่มแรกเป็นเรื่องราวของสามสาวพี่น้องในตระกูลลอร์ริ่งค์ ที่มีประวัติอันอื้อฉาว อันเนื่องมาจากมารดาของพวกเธอทั้งสามหนีตามชู้รักไป ทำให้สามสาวกลายเป็นที่น่ารังเกียจของวงสังคม แต่การแต่งงานของพี่สาวคนโตกับขุนนางยศท่านเอิร์ล (ซึ่งเป็นเรื่องราวในเล่มแรกในชุดเรื่อง To Pleasure A Lady) ก็เริ่มทำให้น้องสาวทั้งสองได้รับการยอมรับมากขึ้น

และโรสลิน ลอร์ริ่งก็แตกต่างจากพี่น้องของเธอ นั่นเพราะเธอไม่ได้รังเกียจการแต่งงาน และเปิดใจกว้างกับเรื่องนั้น อันที่จริงเธอได้หมายตาชายในฝันของตัวเองไว้แล้ว เขาก็คือเรนน์ เคนย่อน ท่านเอิร์ลแห่งฮาวิแลนด์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้กับที่เธออยู่ สิ่งที่โรสลินไม่คิดถึงก็คือ บางครั้งความคาดหวังก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นเสมอ

นั่นเพราะว่า เมื่อหลายเดือนก่อน (ที่พี่สาวของเธอจะแต่งงาน) โรสลินซึ่งปลอมตัวไปร่วมงานเลี้ยงอันอื้อฉาว เนื่องจากที่นั่นเป็นงานเลี้ยงที่เหล่าขุนนางจะเข้ามาดูตัวสาว ๆ ที่พวกเขาจะเลือกไปทำเมียเก็บ เพื่อนสนิทของโรสลินเป็นหนึ่งในหญิงสาวกลุ่มนั้น และโรสลินอยากรู้ว่างานนั่นเป็นยังไง จึงแอบปลอมตัวเข้าไปด้วย และที่นั่นเธอก็ได้พบกับดรูว หรือดยุคแห่งอาร์เดน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับว่าที่สามีของพี่สาวเธอ

ทั้งสองติดใจกันตั้งแต่แรกเห็น แม้จะไม่ยอมรับความจริงกับตัวเอง จนกระทั่งได้พบกันอีกครั้งในงานแต่งงานของพี่สาวของโรสลิน และเพื่อนสนิทของดรูว ทั้งคู่ก็มีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และโรสลินสารภาพความจริงกับเขาว่า เธอต้องการแต่งงานกับเอิร์ลแห่งฮาวิแลนด์ และมันจะต้องเป็นการแต่งงานด้วยความรัก ไม่ใช่ความเหมาะสม หรือชาติตระกูล โรสลินไม่ต้องการชีวิตสมรสแบบเดียวกับที่พ่อและแม่ของเธอมี เธอต้องการความรักในชีวิต และยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อให้ฮาวิแลนด์รักเธอ

ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ดรูวก็ไม่อาจให้คำตอบตัวเองได้เช่นกัน เขาพบว่าตัวเองถลำลึกลงไปกับการใช้เวลาในการสอนให้โรสลินรู้จักว่าผู้ชาย ต้องการอะไร (อย่าคิดมากนะคะ ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว) และจากที่เคยเอ่ยปากว่าจะช่วยให้เธอสมหวังกับฮาวิแลนด์ ดรูวชักจะเกิดอาการหึงขึ้นมาแล้วล่ะสิ

โดยรวมแล้วนะคะ พล็อตเรื่องนี้ดีกว่าเล่มแรก มีความน่าสนใจมากกว่า แต่กระนั้นมันก็ยังน่าเบื่อ นิโคล จอร์แดนบอกว่า เธอเขียนเรื่องในชุดนี้ด้วยสไตล์ที่เบากว่าการเขียนเรื่องในอดีต แต่แม็กซ์มีความรู้สึกว่า เธออาจจะไม่เข้าใจว่า ความเบาของเนื้อเรื่องไม่ได้หมายความว่า เรื่องจะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ ทุกอย่างในเรื่องนี้ราบเรียบไปหมด และตัวละครเองก็ไม่ได้มีความน่าสนใจพอที่จะแบกเรื่องทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้ มันจึงกลายเป็นความราบเรียบและไม่น่าสนใจ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง

คนที่เขียนพล็อตเรื่องเบา ๆ จนดูเหมือนจะไร้สาระได้สนุก ในความเห็นของแม็กซ์ก็อย่างซูซาน อลิซาเบ็ท ฟิลลิปส์, จิล บาร์เน็ต (งานยุคเก่า ๆ ของเธอนะคะ), และ เจนนิเฟอร์ ครุยซี่ ซึ่งถ้าคุณอ่านหนังสือของพวกเธอ ก็จะเห็นชัดเจนเลยว่า พล็อตเรื่องธรรมดามาก แต่โดดเด่นในส่วนของตัวละครและบทสนทนา

ซึ่งนี่คือสิ่งที่ขาดหายไปจากนิยายของนิโคล จอร์แดน เธอโทนเรื่องให้เบาลง แต่ในเวลาเดียวกันคาแร็คเตอร์ของเธอก็ไม่แรงขึ้น ทั้งดรูวและโรสลินไม่มีอะไรเสียหาย แต่มีความน่าสนใจพอที่จะดึงให้แม็กซ์สนใจหนังสือเล่มนี้ได้ตลอดทั้งเล่ม เวลาที่ตัวละครสองตัวนี้อยู่ด้วยกัน มันไม่ีมีความน่าเชื่อในเรื่องของโรแมนซ์ ประกายไฟที่มี แม้ฉากเซ็กส์ยังฮ็อตสมราคาคุณจอร์แดน แต่มันก็ไม่ได้ร้อนแรงเพราะแรงโหยหาที่ตัวละครมีให้กันและกัน ทุกอย่างดูเสแสร้งและไม่สมจริง

และแม็กซ์บอกแล้วรึยังคะว่า น่าเบื่อ

เรื่องเริ่มมาน่าสนใจขึ้นตอนใกล้ ๆ จบเรื่องค่ะ เมื่อดรูวออกแนวพระเอ๊กพระเอกด้วยการตัดใจยกเธอให้กับผู้ชายที่ (เขาคิดว่า) เธอรัก อ่านแล้วน่ารักดีค่ะ แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ตอนนี้นี่แหละที่ทำให้เรื่องนี้ขุดตัวเองออกจากหลุมคะแนนต่ำกว่าห้าสิบได้

ลงท้ายเลยได้คะแนนที่ 57

No comments: