ตอนแรกที่แม็กซ์ได้ข่าวว่าคริสติน่า ดอจจ์กระโดดเข้ามาร่วมวงคณะเขียนเรื่องแนวพารานอมอลตามสมัยนิยม เรายอมรับนะว่ารู้สึกแหยง ๆ ชอบกล เพราะเราไม่ชอบการที่นักเขียนต้องเปลี่ยนสไตล์ตัวเองเพื่อตามตลาด เราไม่เชื่อว่าพวกเขาจะทำได้ดี
และก็เว้ากันตามตรงนะคะ หลังจากอ่านหนังสือชุดพารานอมอลชุดนี้ของคริสติน่าจบลง เราก็ไม่คิดว่า เธอเป็นนักเขียนที่เก่งกาจอะไรในการวางพล็อตพารานอมอล
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เรื่องชุดนี้ไม่สนุก
หนังสือเล่มที่สี่ และเป็นเล่มสุดท้ายในชุด Darkness Chosen ซึ่งเล่มนี้อาจจะเป็นเล่มเดียวในชุดที่เราไม่แนะนำให้อ่านโดยที่ไม่อ่านเล่ม ก่อนหน้า เพราะเล่มนี้จะสรุปประเด็นที่ค้างคาใจคนอ่านในสามเล่มแรก และปิดชุดส่งท้าย ที่สำคัญอ่านเล่มนี้ก็จะเจอสปอยล์ที่ทิ้งท้ายเอาไว้ในหลายเล่มก่อนด้วย ถ้าอ่านเล่มนี้ก่อนก็อาจจะทำให้คุณไม่ได้ใช้ความสามารถในเดาของคุณเองได้
ดังนั้นไม่ต้องเตือนนะคะว่า ที่จะเขียนต่อไปเป็นการสปอยล์เนื้อเรื่องในสามเล่มแรกทั้งหมด
ขอเริ่มต้นด้วยการเล่าพล็อตคร่าว ๆ ของชุดนี้ก่อนแล้วกัน (ซึ่งลอกมาจากบลอกเก่า ๆ น่ะค่ะ ขี้เกียจเขียนใหม่)
ตระกูลวารินสกี้ต้องคำสาปเนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาไปทำสัญญากับซาตาน เพื่อให้มีพลังเหนือมนุษย์ (นั่นก็คือสมาชิกในตระกูลกลายร่างเป็นสัตว์นักล่าชนิดต่าง ๆ ได้) แต่พวกเขาต้องแลกพลังที่ได้มาด้วยวิญญาณของสมาชิกในครอบครัว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน และเมื่อสามสี่สิบปีที่แล้ว หัวหน้าของครอบครัวคอนสแตนติน วารินสกี้ละทิ้งทุกอย่างเพื่อสาวน้อยยิปซีที่เขาลักพาตัวมา เขาพาเธออพยพมาอเมริกาเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เปลี่ยนนามสกุลเป็นไวด์เดอร์ พวกเขามีลูกชายสามคน และในที่สุดหลังจากพันปีวารินสกี้ก็มีลูกสาวเป็นคนแรก
แต่แม้จะตัดขาดจากครอบครัวในรัสเซีย คำสาปก็ยังตามมา คอนสแตนตินในวัยหนุ่มทำชั่วไว้มาก ทำให้วิญญาณของเขาถูกกลืนกิน และจะต้องตายลงนรก หากลูกชายทั้งสี่ของเขา (แม็กซ์ไม่ได้พิมพ์ผิด) ไม่สามารถค้นหาวัตถุโบราณหรือที่เรียกว่าไอคอนที่เคยเป็นสมบัติประจำตระกูล กลับคืนมาได้
ผ่านมาแล้วสามเล่ม ลูกชายสามคนตามหารูปมาดอนน่าได้สำเร็จ แต่ความหวังที่จะหาอันที่สี่เจอกลับลางเลือนนั่นก็เพราะ พวกเขาไม่มีลูกชายคนที่สี่
เล่มนี้เปิดเรื่องต่อเนื่องจากตอนจบในเล่มสาม Into the shadow ทันที เมื่อไฟร์เบิร์ด ลูกสาวคนเล็กของตระกูลค้นพบความจริงว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคอนสแตนติน แต่ด้วยความบังเิอิญที่จะเกิดได้ในหนังสือโรแมนซ์เท่านั้น เธอรู้ว่าลูกชายคนที่สี่ที่หายไปของคอนสแตนตินอยู่ที่ไหน
เขาคือดักลาส แบล็ค นายตำรวจหนุ่มที่เป็นคู่รักเก่าของเธอ ซึ่งเธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นหนึ่งในพวกวารินสกี้ที่ถูกส่งมาตามล่าครอบครัว เธอ
เมื่อเกือบสามปีก่อน ไฟร์เบิร์ดหนีจากผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก ผู้เป็นพ่อของลูกในท้องของเธอ เมื่อเธอเห็นเขาแปลงร่างเป็นเสือดาว เธอคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในพวกวารินสกี้ ศัตรูตัวสำคัญของครอบครัว ด้วยใจแตกสลายไฟร์เบิร์ดกลับบ้าน และไม่ยอมปริปากว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง
จนกระทั่งความจริงเปิดเผยว่าเธอที่ไม่ใช่ลูกสาวของตระกูล นั่นทำให้เธอแน่ใจว่าดักลาสต่างหากที่เป็นลูกชายที่หายไป และไฟร์เบิร์ดตัดสินใจตามหาชายที่เธอหนีจากไปเพื่อให้เขากลับคืนสู่ตระกูล
ในขณะที่ดักลาสเองก็ไม่เคยลืมไฟร์เบิร์ดเลย เขาตามหาเธอตลอด และในที่สุดก็เห็นหนทางที่จะได้ตัวเธอกลับคืนมา เขาเชื่อว่าเธอถูกควบคุมโดยครอบครัวใจร้ายที่ไม่ต้องการให้เธอมีอิสระ ดักลาสฝันว่าตัวเองจะเป็นอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยไฟร์เบิร์ด แต่ก่อนที่แผนของเขาจะสำเร็จ กลับเป็นไฟร์เบิร์ดที่มาพบเขาก่อน
อาจจะเพราะเป็นเล่มสุดท้ายในชุดที่ต้องสรุปเรื่องราวทั้งหมด ก็เลยทำให้แม็กซ์รู้สึกว่า เรื่องราวของดักลาสและไฟร์เบิร์ดไม่ใช่โฟกัสของเรื่องมากนัก แต่อย่าเข้าใจผิดว่าพระเอกนางเอกไม่มีความสำคัญนะคะ เพียงแต่ต้องแบ่งเวลาให้กับบทสรุปจบของเรื่องเสียเยอะ
และขอบอกว่ามันเป็นบทสรุปที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องอย่างยิ่ง
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นนะคะ เรายังยืนยันว่าคริสติน่า ดอจจ์ไม่ใช่นักเขียนแนวพารานอมอลที่เก่ง แต่จุดเด่นของเธอก็คือการเล่าเรื่อง และตัวละครที่ดึงความสนใจของเราได้ตลอดทั้งเรื่อง และเล่มนี้ (หรือจะพูดว่าหนังสือทั้งชุดก็ได้) แม้จะไม่ใช่พารานอมอลที่น่าสนใจ หรือสร้างสรรสุดสุด แต่ตัวละครและเนื้อเรื่องของเธอก็ดึงความสนใจของแม็กซ์ได้เต็ม ๆ
อันที่จริงด้วยตัวละครและเนื้อเรื่องเช่นนี้ มันไม่จำเป็นด้วยซ้ำว่าต้องเป็นพารานอมอล หากเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้พวกวารินสกี้เป็นแก๊งค์มาเฟียรัสเซียก็ไม่ได้ทำให้ เนื้อเรื่องแตกต่างอะไรออกไป ดังนั้นนั้นถ้าจะสรุปว่า เธอสอบผ่านในการเขียนแนวพารานอมอลหรือไม่ก็คงตอบยาก เพราะส่วนที่ทำให้แม็กซ์ชอบหนังสือชุดนี้ไม่ได้เป็นเพราะพารานอมอล หากแต่เป็นการเล่าเรื่องของเธอต่างหาก
อย่างที่บอกค่ะ แม็กซ์ชอบตอนจบของเรื่องที่พี่น้องทุกคนรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่ละคนแสดงความสามารถของตัวเอง รับบทบาทที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะของหนังสือชุด Darkness Chosen สอบผ่าน ในฐานะของส่วนหนึ่งในชุดและเล่มสุดท้ายในชุด Into the flame ก็สอบผ่าน มันอาจจะไม่สนุกเท่ากับ Into the shadow แต่แม็กซ์ก็เชื่อว่ายากจะมีเล่มไหนเทียบได้
คะแนนที่ 73
No comments:
Post a Comment