Friday, January 23, 2009

Kiss of Fury // Deborah Cooke

เล่มนี้อ่านจบไปตั้งแต่เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนแล้วล่ะค่ะ แต่ด้วยความที่ไม่ได้ถึงกับประทับใจมากมายนัก เมื่อเทียบกับเล่มอื่นที่อ่านทีหลัง แม็กซ์ก็เลยไม่หยิบมารีวิวสักที

แต่สำหรับคนที่เขียนหนังสือได้ไม่คงที่คงวาเอาเสียเลยอย่างแคลร์ เดอลาครัวซ์ (ซึ่งเป็นอีกนามปากกานึงของเดบอร่าห์) แม็กซ์ว่าเล่มนี้ก็ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียวล่ะ

Kiss of Fury ของเดบอร่าห์ คุ๊ก

แต่ขอร้องว่าอย่างหวังอะไรมาก เพราะตามความคิดของแม็กซ์แล้ว เล่มนี้มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากดีขึ้น เมื่อพิจารณาว่าเ่ล่มแรกมันแย่แค่ไหน

เล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุด Dragonfire ที่เล่าเรื่องของมนุษย์มังกร หรือไพร์ซึ่งเป็นมังกรฝ่ายดีที่ต้องต่อสู้กับสเลเยอร์ มังกรฝ่ายร้ายที่หวังทำร้ายมนุษย์ ในคำทำนายที่เกิดขึ้นในคืนวันจันทรคราส ที่ทำนายถึงผู้วิเศษ (The Wizard) ซึ่งจะเป็นคู่ชีวิตของนักรบ หรือ The Warrior และการครองคู่กันของทั้งสองจะเป็นจุดเริ่มต้นของการช่วยเหลือโลก

อเล็กซ์ แมดิสันเป็นนักวิทยาศาสตร์ เธอและเพื่อนอีกคนช่วยกันค้นคิด The Green Machine (ซึ่งไม่อยากบอกนะคะว่ามันคืออะไร เรารีวิวหนังสือน่ะค่ะ ไม่ใช่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังกัน แต่สำหรับคนที่อยากรู้ เจ้าเครื่องจักรสีเขียวนี่ไม่ใช่ The Incredible Hulk แต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เข้ากับยุคน้ำมันแพงตอนนี้มาก) แต่ยังไม่ทันที่สิ่งประดิษฐ์นี้จะออกสู่สายตาชาวโลก เธอและเพื่อนก็ถูกลอบทำร้ายโดย... มังกร

ทุกคนคิดว่าอเล็กซ์บ้าไปแล้วจากการที่เห็นเพื่อนโดนฆ่าตายต่อหน้าต่อตา แต่เธอไม่ได้บ้า เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะหาคำอธิบายใดมาใช้บรรยายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้ และเมื่อเธอถูกลักพาตัวออกจากโรงพยาบาลโดยชายหนุ่มสุดหล่อ (หาประเภทไม่หล่อยากนะคะในโรแมนซ์นี่) เธอก็ได้เห็นศึกระหว่างมังกรอีกรอบ

โดโนแวน เชย์คือไพร์ที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นนักรบตามตำนาน เขาไม่ต้องการคู่ชีวิต ไม่ต้องการไฟร์สตรอม (ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่มังกรได้พบผู้หญิงมนุษย์ที่จะตั้งท้องลูกของเขาได้) แต่เขากลับเป็นผู้ถูกเลือก โดโนแวนไปโรงพยาบาลที่อเล็กซ์รักษาตัวเพื่อพาตัวเธอหลบหนีจากการตามล่าของ สเลเยอร์ โดยไม่รู้ว่าเขาถูกวางแผนให้ไปพบกับคู่ชีวิต และเพื่อทั้งสองพบหน้า ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งไฟร์สตรอมได้

โดโนแวนและอเล็กซ์หนีการตามล่า ในฐานะเดียวกันเวลาก็กระชั้นเข้ามา เพราะอเล็กซ์ต้องนำสิ่งประิดิษฐ์ของตัวเองให้ไปถึงมือนายทุนเพื่อทำการผลิต และนำเสนอต่อโลกให้ได้

เล่มนี้ถือว่าสอบผ่านสำหรับแม็กซ์ค่ะ พล็อตเรื่องในส่วนต่อเนื่องกับเล่มแรก ในเรื่องคำทำนาย และชะตากรรมของโลกก็ยังไม่ชัดเจนอีกนั่นแหละ (แม็กซ์คิดจริง ๆ นะ ว่าคนแต่งก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะกำหนดทิศทางเรื่องยังไงดี เพราะเห็นว่าได้สัญญาแค่สามเล่ม ถ้าวางพล็อตละเอียดเกินไป เดี๋ยวก็สรุปไม่จบ โดนคนอ่านด่าอีก แต่จะรวบรัดให้จบในสามเล่ม ก็กลัวอีกว่าจะดัง แล้วถูกขอให้เขียนเพิ่ม เดี๋ยวจะไม่มีพล็อตให้เขียนเหมือนสเตฟานี เมเยอร์กะชุดทไวไลท์อีก)

แต่การดำเนินเรื่องของเล่มนี้ถือว่าน่าติดตามใช้ได้ อเล็กซ์เป็นนางเอกที่เข้มแข็ง อาจจะเก่งจนโง่ไปก็ได้ (หนีพระเอกไปจนเกือบถูกผู้ร้ายฆ่าหลายรอบมาก แต่เราพอจะเข้าใจเธอนะ ลองเจอกะตัวเองก็ต้องเผ่นเหมือนกันแหละ) ส่วนโดโนแวนก็หัวดื้อกับการไม่อยากมีคู่จนดูงี่เง่า

ส่วนที่ขัดใจเรามาก็คงเป็นเจ้าเครื่องจักรสีเขียวนี่แหละ เพื่อนคนนึงของเราบอกว่า เครื่องจักรนี้ดูมันไม่น่าจะมีพลังเพียงพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลก เหมือนอย่างที่ทำนายกันไว้เลย เราก็เห็นด้วยนะ แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นขัดใจ ประเด็นที่ติดใจเรามากก็คงเกี่ยวกับเส้นตายที่อเล็กซ์ต้องทำเครื่องจักรนี้ ให้สำเร็จ เพราะต้องนำเสนอกับนายทุนภายในไม่กี่วัน ที่ขัดใจก็เพราะพวกไพร์นี่มันรวยกันนะ เป็นมังกรที่บ้าสะสมข้าวของ ก็แสดงว่าจะต้องมีทรัพย์สมบัติเก็บไว้ไม่น้อย ทำไมไม่มีใครคิดกันเลยหรือไงว่า ถ้านายทุนคนนั้นไม่เอาโครงการของอเล็กซ์ พวกนี้ก็จะเป็นนายทุนให้แทน ไม่ีมีใครคิดอย่างงี้สักคน มัวแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อให้เครื่องจักรสำเร็จ

แม็กซ์ชอบประเด็นที่หลอกคนอ่านเรื่องคนที่ทำให้โดโนแวนอ่อนแอ (สปอยล์) ที่ทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วเป็นเดลานี่ย์ญาติของเขาต่างหาก ทั้ง นี้เพราะมังกรจะเสียเกร็ดที่เป็นเกราะปกป้องตัวเองเมื่อเขารักใครสักคน และก่อนที่จะได้พบกับอเล็กซ์ โดโนแวนก็เสียเกล็ดไปแล้วหนึ่งจุด

เห็นว่าเล่มหน้าจะเป็นเรื่องของหัวหน้ากลุ่มไพร์ ซึ่งดูเป็นตัวละครที่ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย แม็กซ์ดูแววแล้ว อยากอ่านเรื่องของคนอื่นมากกว่า (เดลานี่ย์)

โดยรวมถือว่าเป็นเล่มที่พอจะทำให้ชุดนี้มีความหวังขึ้นมาได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้แม็กซ์ตัดสินใจได้ว่าจะยังซื้อเล่มสามมาอ่านต่อ คะแนนที่ 67

No comments: