Thursday, June 27, 2013

Review: Heart of Obsidian


Heart of Obsidian
Heart of Obsidian by Nalini Singh

My rating: 5 of 5 stars



เป็นรีวิวที่เขียนยากค่ะ เพราะนี่เป็นหนังสือเรื่องที่เราชอบมากที่สุด ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน ชอบไปหมดทุกส่วนในหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะเล่มนี้เล่าเรื่องราวของคาแร็คเตอร์ที่เรารอคอยมานาน เรื่องราวที่เราคาดหวัง ตั้งความหวัง มากเสียจนเราแทบจะไม่กล้าหยิบมาอ่าน

เป็นหนังสือที่อ่านแล้ว ทำให้เรามีความสุขในชีวิตมาก ไม่รู้จะอธิบายยังไงนะคะ อ่านแล้วรู้สึกดีใจที่เราอ่านหนังสือออก เพราะทำให้เราได้เข้าถึงหนังสือที่สนุกมากอย่างเล่มนี้

รีวิวที่จะเขียนต่อไป เป็นไปไม่ได้เลยนะคะที่จะไม่สปอยล์เนื้อหาในเล่มนี้ และเล่มก่อนหน้า ดังนั้นโปรดใช้ความระมัดระวังในการอ่านด้วยค่ะ

ความขัดแย้งที่เริ่มต้น และดำเนินผ่านหนังสือหลายเล่ม ในที่สุดก็มาถึงจุดแตกหัก สังคมชาวไซเกิดสงครามกลางเมือง ฝ่ายหนึ่งคือกลุ่มเพียวไซที่ทำทุกอย่างเพื่อรักษามาตรการไซเลนซ์เอาไว้ พวกเขาเชื่อว่า มาตรการนี้เท่านั้นจะทำให้ชาวไซกลับมาเป็นผู้นำของโลกได้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่คิดเช่นนั้น และหลังจากหนึ่งร้อยปีที่ไซเลนซ์ถูกนำมาใช้ ทุกอย่างกำลังพังทลายลง กลุ่มเพียวไซซึ่งเชื่อในไซเลนซ์ แต่ในแง่หนึ่งพวกเขาก็มีส่วนในการทำลายไซเลนซ์เช่นกัน เมื่อวิธีการที่พวกเขาใช้ก็คือ การก่อการร้าย ฆ่าทุกคนที่ไม่เห็นด้วย เมื่อแผนการหลายอย่างล้มเหลว การฆ่าก็กลายเป็นการฆ่าแบบไม่เลือก โลกกำลังอยู่ในภาวะอันตราย เพราะแม้จะเป็นเรื่องของชาวไซ แต่ผลกระทบกำลังส่งมาถึงมนุษย์ และชาวเชนจิ้งค์

แต่สำหรับเคเลบ ครายแช็คแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ๆ สำหรับอดีตสมาชิกสภาชาวไซ คนที่มีความทะเยอทะยานมาเกือบตลอดชีวิตที่จะขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด ต้องการครอบครองไซเน็ตแต่เพียงผู้เดียว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการที่สุด มันแค่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาเพียงเพื่อคนเพียงคนเดียว

เป็นเวลาเจ็ดปีที่คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาหายตัวไป และในฐานะของคนที่ถูกเรียกว่าทรงอิทธิพลที่สุดในไซเน็ต เคเลบไม่สามารถแม้แต่จะตามหาเธอได้ด้วยซ้ำ หลังจากวางแผนยาวนาน และทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายเดียวในการให้เธอคืนกลับมา ในที่สุดเขาก็เจอหญิงสาวที่เขาตามหา หญิงสาวคนที่เขาคิดเสมอว่า คือของของเขา คนที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอกลับมา และมากไปกว่านั้น คนที่เขาเชื่อฟังขนาดที่หากเธอต้องการให้ทำลายโลกใบนี้เพื่อการแก้แค้น เขาก็พร้อมจะยอมทำ

เพราะสำหรับเขาแล้ว เธอคือคนเพียงคนเดียวที่สำคัญที่สุด และหากเธอไม่ชีวิตอยู่อีกต่อไป ก็ไม่มีใครสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เหมือนกัน

"Only this star matters." His thumb brushing over her inner wrist. "Should it be erased, o other has the right to live."
"I'd line the streets with bodies before I'd ever hurt you."

คุณจะไม่กรี๊ดได้ยังไงกับหนังสือโรแมนซ์ที่พระเอกแสดงออกอย่างชัดเจนว่า เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคนเพียงคนเดียว และตัวตนที่เขาเป็นอยู่ในปัจจุบัน ตัวตนที่หลายคนตั้งข้อสงสัย หวาดกลัว ไม่ไว้วางใจ เกิดขึ้นเพราะเขาจำเป็นต้องกระทำ ฉากที่เขามอบของขวัญวันเกิดให้กับซาฮาราย้อนหลังตั้งแต่ปีที่เธอหายตัวไป จนถึงเวลาที่เธอกลับมา เป็นการเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในชีวิตของเคเลบ การที่เขากลายเป็นมีดที่ถูกชักออกมา กลายเป็นอาวุธอันตราย ก็เพราะนั่นคือสิ่งที่เขากลายเป็นในวันที่เธอหายตัวไป

เราลุ่มหลง คลั่งไคล้ คาแร็คเตอร์ของคาเลบ ครายแช็คแทบจะตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเขาถูกกล่าวถึงใน Vision of Heat ทั้งที่เขาไม่มีบทบาท และการที่ถูกกล่าวถึงก็ไม่ได้ส่งสัญญาณ "พระเอกเล่มหน้า" ด้วยซ้ำ นั่นเพราะเราใจอ่อนเสมอกับคาแร็คเตอร์สีเทา ตัวละครที่ไม่มีใครรู้ว่า เจตนาที่แท้จริงของเขาคืออะไรกันแน่ ตัวละครที่การกระทำของเขาตีความไปได้ในหลายรูปแบบ วิธีการที่คนแต่งสร้างคาแร็คเตอร์ของเคเลบ เขาสามารถกลายเป็นผู้ร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหนังสือชุดนี้ได้ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อเธอเลือกที่จะทำให้เขากลายเป็นตัวเอกของเรื่อง เธอก็คงความเป็นเคเลบที่คนอ่านรู้จักมาตั้งแต่ต้น

นลินี ซิงห์ไม่ได้เอาเคเลบไปชุบตัว ย้อมสีแล้วทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ เขายังคงเป็นคนเดิม ชายที่ทำอะไรหลายอย่างที่เลวร้าย คนที่แทบจะไม่เคยทำอะไรโดยที่ไม่วางแผน หรือมีเหตุผลแอบแฝง นี่คือคนคนเดียวกับที่เราหลงใหลตอนที่ได้เจอกับเขาในเล่มก่อนหน้า แต่ในขณะเดียวกันเราอ่านเล่มนี้ด้วยความเชื่ออย่างสุดใจว่า เขาจะไม่ทำอะไรที่เลวร้ายเกินไป อย่างน้อยเขาก็คงจะไม่ทำตราบใดที่ซาฮาร่ายังมีชีวิตอยู่ เราไม่อยากคิดนะคะว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกในหนังสือชุดนี้ ถ้าบางสิ่งเกิดกับซาฮารา เพราะคนเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่ควบคุมเขาได้ ก็คือซาฮารา

แม้กระนั้นเมื่อเขาหาซาฮาราจนเจอ เคเลบไม่ได้เปลี่ยนแปลง หรือพยายามกลายเป็นคนดีที่สุดเพื่อเธอ หลายฉากหลายตอนในเรื่องเขาก็ยังคงเล่นเกมเพื่ออำนาจอยู่ การกระทำหลายอย่างดูเหมือนเป็นการจัดฉาก และวางแผนไว้ล่วงหน้า คนอ่านได้มองเห็นมุมมองของเคเลบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่อง แต่อย่างที่บอกว่า มันเป็นมุมมองแบบเดิมที่พวกเราเคยเห็น ความคิดที่เจ้าเล่ห์ เล็งเห็นผลล่วงหน้า จนหลายครั้งทำให้สงสัยว่า การกระทำของเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่

การที่เขาปรากฎตัวไปช่วยเหลือผู้เดือดร้อนจากเหตุการณ์ก่อการร้ายของกลุ่มเพียวไซ เป็นการกระทำที่พระเอกมาก เท่ห์มาก แต่ในเวลาเดียวกัน เมื่อเคเลบคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เขากลับมองว่า นี่เป็นทางที่เขาจะสร้างความมั่นใจ และทำให้ชาวไซเลือกที่สนับสนุนเขาในการขึ้นเป็นผู้นำสูงสุด เราไม่รู้ว่า คนอื่นจะคิดยังไงนะคะ แต่สำหรับเรานี่มันเคเลบมาก ๆ และไม่ได้ทำให้เรามองเขาในแง่ลบเลยแม้แต่น้อย

นั่นเพราะในความเห็นของเรา สิ่งที่เคเลบมองว่า ตัวเองเป็น หรือคิดจะเป็น ไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่ตัวตนของเขาเป็น ตลอดทั้งเรื่องเราได้เห็นความคิดของเขา (หรืออีกตัวตนนึงของเขา) ก็จะเห็นชัดเจนว่า เขามักจะคิดว่า ตัวเองสามารถทำในสิ่งที่เลวร้ายได้ เย็นชาพอที่จะลงมือ แต่พอมาถึงจุดที่จะต้องทำ เขาหาเหตุผลมาอธิบายการที่ตัวเองเลือกที่จะทำอีกทางเลือกนึงเสมอ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ในเรื่อง Kiss of Snow เมื่อเขา (ในฐานะของโกสต์) คิดที่จะไม่บอกความจริงกับจัดด์เกี่ยวกับอลิซ อัลดริจท์ คิดว่าเซียนนาเป็นตัวแปรที่อาจทำให้แผนการของเขาล้มเหลวได้ แต่ในท้ายที่สุดเขาส่งมอบอลิซให้กับจัดด์ และอธิบายตัวตนของเซียนนา (ซึ่งมีพลังอันร้ายกาจ) ต่อซาฮาราในเล่มนี้ว่า เขาปล่อยเธอไว้ตามลำพัง เพราะเธอไม่ได้เข้ามายุ่งกับเรื่องของเขา ถ้าใครที่ไม่ได้อ่านเรื่อง Kiss of Snow คงจะไม่คิดอะไรมากกับคำอธิบายนี้ และเชื่อว่าจริง แต่เห็นได้ชัดว่า เคเลบเลือกที่จะช่วยเซียนนา เพราะเห็นแก่มิตรภาพกับจัดด์

แล้วสิ่งที่เขาวางแผนมาตลอดเกี่ยวกับซาฮารา คิดกระทั่งจะออกตามล่าถ้าเธอหนีเขาไป วางแผนสารพัดที่จะทำได้ ท้ายที่สุดก็แค่เธอบอกว่า เธอต้องการอิสระ และกลับไปครอบครัว ง่าย ๆ แค่นั้น แผนการทุกอย่างที่วางมา สิ่งที่เขาคิดว่า ตัวเองจะทำเพื่อรั้งให้หญิงสาวคนนี้อยู่กับเขาก็จบลง เขาเลือกที่จะปล่อยเธอไป (พร้อมกับแผนการในใจที่จะดึงตัวเธอกลับมา) นี่เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่เขาคิด กับสิ่งที่เขาจริง ๆ มันแตกต่างกันมาก

แต่ทั้งหมดนั่นไม่ได้หมายความว่า เราคิดว่า เคเลบเป็นคนดี และจะไม่ทำในสิ่งที่เลวร้าย เราเชื่อว่า เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อซาฮารา และถ้าเขาสูญเสียเธอไป จะไม่มีใครที่ปลอดภัยอีก

จากตัวตนของเคเลบ นำมาสู่ตัวตนของนางเอกของเขา ซาฮารา ไคราคัสเป็นคาแร็คเตอร์ที่คนอ่านไม่เคยเจอมาก่อน (นอกจากชื่อที่ถูกเอ่ยถึงใน Vision of Heat) เราไม่ได้มีความคาดหวังใด ๆ ทั้งสิ้น อันที่จริงก่อนเริ่มอ่าน จากตอนจบของ Tangle of Need เราออกจะขยาดเล็ก ๆ ด้วยค่ะ เพราะซาฮาราเพิ่งหลุดมาจากที่คุมขัง เวลาเจ็ดปีที่เธอเป็นนักโทษ และถูกทรมานต่าง ๆ นานา เราไม่อยากจะคิดว่า สภาพร่างกายและจิตใจของเธอจะพังทลายขนาดไหน เรานึกถึงเรื่อง Blaze of Memory เลยนะคะ ไม่อยากอ่านเรื่องที่นางเอกเป็นเหยื่อ เราอยากให้เคเลบได้นางเอกที่เข้มแข็ง

ความกลัวของเราที่มีต่อนางเอกเป็นความคิดฟุ้งซ่านของเราเองค่ะ เพราะซาฮาราคือคนคนนั้นสำหรับเคเลบ เธอเป็นนางเอกที่ให้เราจินตนาการเองก็คงจะคิดไม่ถึง และคิดไม่ได้ เธอคือคนที่สมบูรณ์แบบสำหรับเขา

ในยามที่ความทรงจำลางเลือง เธอไม่รู้ว่าตัวเองและเคเลบเคยเป็นอะไรต่อกัน แต่สัญชาตญาณก็ยังบอกเธอเสมอว่า เขาคือคนที่ปลอดภัย และเธอเลือกที่จะเชื่อสัญชาตญาณนั้นด้วยการต่อสู้เพื่อจิตวิญญาณของเขา ฉากหลังจากที่เธอทวงของขวัญวันเกิดจากเคเลบ หลังจากที่ก่อนหน้าวิ่งหนีไปจากเขา (เมื่อเขาบอกเธอเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เขามีกับซานตาโน เอนริค) ชนะใจเราไปเลย ในเวลานั้นซาฮารายังไม่แน่ใจว่า เขาคือใคร และสำคัญอย่างไรในชีวิตของเธอ แต่เธอเชื่อ และเลือกจะเดินกลับมาหาเขาก่อน

นั่นทำให้เราเชื่อว่า เธอเป็นคนที่สามารถพาเขาออกจากโลกมืดที่เขาใช้ชีวิตอยู่ได้ และจะเป็นหลักยึดทางศึลธรรมที่ตัวเขาไม่มี ยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้จักเขาดียิ่งกว่าใคร เวลาที่เธอให้เหตุผลเพื่อให้เขาเลือกทำในสิ่งที่ถูก ซาฮาราไม่ได้อ้อนวอนขอให้เขาคิดถึงความดีงาม หรือความถูกต้อง แต่เธอให้เหตุผลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขา เพราะเธอรู้จักเขาดี ไม่ใช่เพราะว่าเป็นคนชั่วร้ายที่คิดถึงแต่ประโยชน์ของตัวเอง แต่เป็นเพราะเธอรู้ว่า เขามองตัวเองเป็นคนอย่างไร (ก็กลับไปสิ่งที่เราคิดว่า เคเลบไม่ได้มองตัวเองตามความเป็นจริง และคิดว่าตัวเองเลวร้ายกว่าความเป็นจริง)

คิดไปแล้วนะคะ ถ้าเคเลบไม่ได้เจอกับซาฮาราเมื่อหลายปีก่อน ตอนจบของเล่มนี้คงจะเป็นอีกแบบนึง และคงจะไม่ใช่หนังสือโรแมนซ์แน่ ๆ

นางเอกเล่มนี้เข้มแข็งมาก แต่ถ้าเธอไม่ใช่คนแบบนี้ เราก็ไม่คิดว่า เธอจะสามารถจัดการกับผู้ชายที่ซับซ้อนอย่างเคเลบได้ และแม้แต่ในยามที่เธออ่อนแอ (ทางร่างกาย) สับสนกับสิ่งที่เกิด ซาฮาราไม่เคยเป็นเหยื่อ และที่เราชอบเธอมากที่สุดก็คือจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง เมื่อความจริงทุกอย่างเปิดเผย ว่าอะไรกันแน่ที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดปีก่อน เราคาดการณ์เอาไว้นะคะว่า มันจะต้องมาสู่ปัญหาในความสัมพันธ์ของทั้งสอง จะต้องมีความเข้าใจผิด แต่ไม่เลย เธอต่างหากที่เห็นทุกอย่างตามที่มันเป็น และเป็นคนพาเคเลบออกมาสู่แสงสว่าง (มากเท่าที่จะเป็นไปได้)

ในแง่นึงเรื่องนี้ทุกอย่างโอเวอร์เกินเหตุนะคะ พระเอกที่เก่งเสียจนไม่มีใครสู้ได้ เรื่องนี้คนอ่านไม่ต้องลุ้นให้ผู้ร้ายเลยนะคะ ยังไงก็สู้ไม่ได้แน่ ๆ รัศมีก็เทียบกันไม่ได้แล้ว (ยิ่งเอาวาสเควซมาเป็นตัวร้ายหลัก ซึ่งเขาเหมือนเป็นใครไม่รู้โผล่มากลางเรื่อง) แต่ละฉากก็ล้วนเน้นให้คนอ่านประจักษ์และทึ่งในความสามารถของเคเลบ การเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้าย (แต่ฉากที่ฮ่องกง เราคิดว่า จะดูน่าตื่นตามากกว่านี้ ถ้าเรื่องไม่บอกใบ้ว่า มีแต่เคเลบเท่านั้นที่ทำได้) ทำให้เราทึ่งไป และเข้าใจได้ว่า ทำไมเขาจึงใช้เป็นโอกาสในการเข้าใกล้การเป็นผู้นำสูงสุดของชาวไซ

ดังนั้นพล็อตของเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องพระเอกต่อสู้จนชนะผู้ร้าย หากแต่เป็นการต่อสู้กับตัวเอง เคเลบไม่รู้ว่า เขาจะตัดสินใจยังไงต่ออนาคตของไซเน็ต เพราะมันไม่ใช่การตัดสินใจของเขา ทุกอย่างขึ้นอยู่กับซาฮารา เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าถึงการออกจากความมืด และการหาจุดยืนร่วมกันของเขาและหญิงสาวคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต

เล่มนี้เป็นจุดเปลี่ยนของหนังสือชุดนี้ เหตุการณ์ที่เกิดยิ่งใหญ่และผลกระทบมากมาย แต่ในขณะเดียวกันวิธีการเล่าเรื่องราวของคนแต่ง ก็ไม่ได้ทำให้ความสนใจหักเหไปจากความสัมพันธ์ของตัวละครหลักแม้แต่นิดเดียว (ซึ่งถูกต้องอย่างมาก เมื่อคิดว่า ทุกอย่างที่เคเลบเป็น และต้องการจะเป็น ก็เพียงเพื่อซาฮาราเท่านั้น)

เรื่องนี้ซึ้งและเข้าถึงอารมณ์ของเรามาก อ่านแล้วดึงยึดเราเข้าไปในเรื่อง กระทั่งจบเรื่องก็ยังไม่ปล่อยเราออกมา เป็นหนังสือเรื่องแรกที่ไม่ใช่แค่อ่านจบแล้วอยากกลับไปอ่านใหม่ แต่เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้ว ทำให้เรากลับไปอ่านหนังสือทั้งชุดอีกรอบ (หลังจากอ่านทั้งชุดอีกรอบมาแล้วเพื่อเตรียมตัวอ่านเล่มนี้) เพราะเราต้องการอยู่ในโลกของหนังสือเล่มนี้ในนานกว่านี้ ได้มองเห็นเคเลบในยามที่ความมืดล้อมรอบกายของเขา ได้เห็นเขาในยามที่เขาหลงทาง และพยายามตามหาสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต และได้เห็นการเดินทางของไปสู่ตอนจบอย่างมีความสุข

ตามข่าวเล่มนี้ไม่ใช่ตอนจบของชุดไซ/เชนจิ้งค์ แม้ด้วยเนื้อเรื่องจะจบลงที่เล่มนี้ก็สมบูรณ์แบบ (แต่เราไม่ต้องการให้จบนะคะ เราอยากเห็นเคเลบ และซาฮาราในรูปแบบบทส่งท้ายในเล่มอื่น เหมือนที่ลูคัส/ซาชา, ฮอร์ค/เซียนนา, และตัวละครในเล่มก่อนหน้าได้รับ เราอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขา หลังจากเขาได้ซาฮารากลับมาในชีวิต อยากรู้ถึงปฏิกริยาของคนอื่น ๆ เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซาฮาราเปิดเผย

ฉากที่เคเลบเดินทางไปเจรจากับเอเดน ผู้นำกลุ่มแอโรว์ และโชว์ให้เอเดนเห็นว่า เขาและซาฮาราได้พังทลายมาตรการไซเลนซ์ และผูกพันดวงวิญญาณเข้าด้วยกัน สิ่งที่เอเดนคิด ขอบอกว่าฮาอย่างแรง

"...if Kaleb Krychek had been able to bond with another living being... Perhaps salvation could come for even the most broken among them."

คะแนนเต็มร้อย



View all my reviews

No comments: