นี่เป็นอีกเล่มที่อ่านจบไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้วค่ะ แต่เพิ่งถึงคิวเขียนรีวิว เพราะเล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มนึงของอเล็กซานดร้า ไอวี่ที่อ่านได้เรื่อย ๆ ไม่ถึงกับจับใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดใจจนเราจะคิดเลิกซื้องานของเธอมาอ่านหรอกค่ะ
Darkness Everlasting ของอเล็กซานดร้า ไอวี่
ท่ามกลางหนังสือชุดแนวพารานอมอลที่ขายกันดาษดื่น หนังสือชุด Guardian of Eternity (ที่จนบัดนี้แม็กซ์ยังไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร เพราะแวมไพร์ในเรื่องก็ไม่เห็นว่าจะต้องพิทักษ์รักษาอะไรสักอย่าง แถมไม่ได้อยู่ร่วมกันเป็นองค์กรอะไรอีกด้วย) ของอเล็กซานดร้า ไอวี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนอ่าน โดยเฉพาะคนที่เบื่อพระเอกแวมไพร์หูตึงที่ไม่เคยฟังคำพูดของนางเอก
พระเอกของอเล็กซานดร้าจะอ่อนโยน และรู้ใจตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เรื่องทำร้ายจิตใจนางเอกเพื่อบีบหัวใจคนอ่านไม่มีหรอกค่ะ แถมนิสัยประเภทอัลฟ่าแบบปัญญาอ่อนก็ไม่ปรากฎ เราถือว่านี่เป็นจุดเด่นมาก ๆ ข้อนึงของงานของเธอเลยค่ะ
หนังสือของเธออาจไม่มีจุดที่น่าติดตามชนิดที่ต้องรีบอ่านทันทีที่ซื้อมา หรือว่ามีพล็อตเรื่องที่สร้างสรรสุดสุด แต่ก็ไม่มีอะไรบกพร่องรุนแรง ถือว่าเป็นงานที่ีอ่านฆ่าเวลาได้โดยไม่ต้องเสียดายเงิน
สติกซ์พระเอกของเล่มนี้คือตัวละครรองที่ออกมามีบทในเล่มก่อนหน้า (Embrace the darkness) เขาจำใจต้องมารับบทกษัตริย์แห่งเหล่าแวมไพร์ทั้งปวงเพราะเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในเล่มนั้น (ไม่เล่านะคะ เพราะจะสปอยล์เล่มสองไป) หนึ่งในภารกิจแรก ๆ ที่เขาทำก็คือการลักพาตัวหญิงสาวที่เขาเชื่อว่าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาอย่าง ดาร์ี่ซี่ สมิธ เพราะว่าแม้เธอจะเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เธอกลับกลายเป็นเป้าหมายของหัวหน้าเหล่ามนุษย์หมาป่า
และเพื่อกุมอำนาจเหนือมนุษย์หมาป่าที่พวกแวมไพร์เชื่อว่าต้องอยู่ภายใต้ อำนาจของพวกเขา สติกซ์จึงลักพาตัวดาร์ซี่ไปกักขังไว้ที่รังของเขา แต่การกักขังครั้งนี้ไม่ใช่ละครเรื่องจำเลยรักภาคการสร้างครั้งที่สิบห้า หรอกนะคะ เพราะสติกซ์ไม่ได้สวมบทโหดทั้งด่า ทั้งเฆี่ยนนางเอก และดาร์ซี่ก็ไม่ใช่เหยื่อ
นั่นเพราะดาร์ซี่ฉลาดพอที่จะรู้ว่า ผู้หญิงธรรมดาสามัญอย่างเธอซึ่งอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นเป้าหมายการแย่งชิงกันระหว่างแวมไพร์ และหมาป่า เธอไม่มีทางเอาชีวิตรอดตามลำพังได้ และแม้สติกซ์จะลักพาตัวเธอ แต่เขาก็ดีกับเธอ และไม่ทำร้ายเธอ ดังนั้นเธอจึงคิดว่าการเลือกที่จะอยู่กับเขา แทนที่จะทำตัวเป็นนางเอกที่โง่เกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ด้วยการหนีออกไป (และจะโดนพวกหมาป่าจับตัวไปในทีสุด)
และเมื่อได้ดาร์ซี่มาอยู่ใกล้ชิด ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สติกซ์อ่อนโยนลง ก่อนหน้าที่เขาจะกลายเป็นราชาแห่งเหล่าแวมไพร์ เขาคือราเวน หรือองครักษ์ผู้คุ้มกันราชาคนเก่า ตลอดชีวิตเขามีแต่หน้าที่ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับใครสักคนที่มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ผ่านฉากหน้าที่เย็นชา และรู้ว่าแท้จริงแล้วภายใต้หน้ากากนั้นยังมีผู้ชาย (ที่อาจไม่ใช่มนุษย์) ซ่อนตัวอยู่
เช่นเดียวกับหนังสือสองเล่มแรกในชุดค่ะ พล็อตเรื่องไม่ใช่จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ มันไม่ได้สร้างสรรหรือท้าทายสติปัญญาคนอ่าน หากแต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกที่โดดเด่น และเราคิดว่าเป็นจุดเด่นของคนแต่งค่ะที่เขียนความรักที่น่าเชื่อ แม้มันจะเกิดขึ้นเพียงชั่วเวลาไม่กี่วัน คนแต่งทำให้แม็กซ์เชื่อได้ว่า ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นดาร์ซี่
และแม้จะเป็นเล่มสามในชุด แม็กซ์ก็คิดว่า ถ้าอยากจะเริ่มต้นอ่านที่เล่มนี้ก็ย่อมทำได้ แม้จะเป็นการสปอยล์ตอนจบของเล่มสองไปบ้าง แต่อย่างที่บอกพล็อตไม่ใช่สิ่งสำคัญในหนังสือชุดนี้อยู่แล้ว สปอยล์ไปก็เท่านั้น
คะแนนที่ 67
ขอนอกเรื่องส่งข่าวถึงเพื่อน ๆ นิดนึงนะคะ เนื่องจากหนังสือเรื่อง Swallowing Darkness ของลอเรล เค. แฮมิลตันออกขายแล้ว และเรารู้นะว่าใครบางคนได้อ่านจบเรียบร้อยแล้ว เราก็เลยขอนัดชมรมเมอรี่ เจนทรี้พบกันเพื่อพูดคุยและสังสรรประจำปี แม็กซ์ขอนัดเป็นวันที่ 14 พฤศจิกายน 2008 นะคะ สำหรับสถานที่ของให้ส่งอีเมลล์มาหาแม็กซ์ที่อีเมลล์ส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่อีเมลล์ของบลอก เราจะส่งรายละเอียดสถานที่ไปให้
No comments:
Post a Comment