สำหรับแฟนโรแมนซ์ส่วนใหญ่ คิมเบอร์ลี่ ดีนเป็นชื่อของนักเขียนใหม่ในจำนวนเป็นร้อยคนที่อยู่ ๆ ก็ได้เขียนหนังสือไซด์เทรด (ซึ่งหมายถึงราคาแพงกว่าปกติ) ในแนวอีโรติค โรแมนซ์ เพราะกระแสของอีโรติค โรแมนซ์กำลังมาแรง แต่สำหรับแม็กซ์ซึ่งชื่นชอบงานเรื่อง Fever ของเธออย่างมาก เมื่อได้ทราบข่าวว่าเธอได้สัญญาเขียนหนังสือชุดแนวพารานอมอลกึ่งอีโรติค โรแมนซ์กับสนพ.พ็อตเก็ต เราก็ตัดสินใจอย่างไม่ยากที่จะซื้อหามาอ่าน
สิ่งที่แม็กซ์ลืมไปก็คือ มากพอ ๆ กับที่เราชอบเรื่อง Fever เราก็เกลียดหนังสืออีกเรื่องที่เธอเขียนมากยิ่งกว่าเสียอีก (เรื่อง On the prowl)
ผลลัพธ์ที่ได้ออกมา มันจึงเป็นอะไรที่อยู่ตรงกลางพอดี
แบ็คกราวด์ของชุด
ชุดดรีมรีคเกอร์เ็ป็นเรื่องของเหล่าลูกหลานเชื้อสายเทพกรีกที่มีพลังควบ คุมความฝัน พวกเขาไม่ใช่อมตะ หรือมีพลังพิเศษอะไร (ชัดเจนนัก) แต่ละคนทำงานตามปกติเหมือนพวกเรานั่นแหละ แต่ในยามค่ำคืนทีทุกคนหลับใหล คนเหล่านี้จะออกเดินทางไปยังความฝันของทุกคนเพื่อทำให้พวกเขาหลับฝันดี และคุ้มครองพวกเขาจากอันตรายในรูปแบบของปีศาจต่าง ๆ ที่หากินกับความฝัน
เล่มแรก What she wants at midnight
บอกตามตรงนะคะว่า ถ้าตอนที่แม็กซ์อ่านเล่มนี้ เรายังไม่ได้ซื้อเล่มสองมาแล้ว เราคงเลิกอ่านไปเด็ดขาดแ่น่นอน ในฐานะของหนังสือเล่มแรกของชุดซึ่งทำการแนะนำให้แฟนหนังสือรู้จักหนังสือชุด นี้ มันสอบตกชนิดที่ไม่ได้เห็นเดือนเห็นดาวเลยล่ะ
เรื่องราวเล่าถึงเดวอน แบรดชอว์หญิงสาวที่ทุกคืนฝันถึงชายในฝันที่แสนจะหล่อเหลา และทุกครั้งพวกเขาเกือบที่จะมีเซ็กส์กัน เพียงแต่เธอดันตื่นขึ้นมาก่อนทุกครั้ง และในวันนึงเพื่อนสนิทของเธอก็พอเธอไปพบกับหมอไสยศาสตร์ที่ทำพิธีให้ฝันของ หญิงสาวทั้งสองเป็นจริง เมื่อกลับมาถึงบ้าน คืนนั้นเมื่อเธอฝัน มันจึงเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าของเขา
เรื่องมันซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเดวอนพบว่า เจ้าของกิจการคนใหม่ที่ซื้อบริษัทที่เธอทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ไม่ใช่ใครอื่น เลย นอกจากชายในฝันของเธอ เขาชื่อคาเอล โอเนียรอส และยิ่งไปกว่านั้นเดวอนพบว่า พิธีที่เธอทำกับเพื่อนเพื่อให้ฝันเป็นจริง ทำให้เธอมีความสามารถพิเศษในการเดินเข้าสู่โลกแห่งความฝันได้เช่นเดียวกับ พี่น้องตระกูลโอเนียรอส ที่สืบทอดเชื้อสายมาจากเทพเจ้ากรีก
การได้พบกับเดวอนทำให้ชีวิตของคาเอลยุ่งยาก ในฐานะของดรีมรีคเกอร์ เขามีหน้าที่ปกป้องมนุษย์ที่อยู่ในความดูแลจากปีศาจในยามค่ำคืน ทำให้ทุกคนฝันเพื่อให้มีชีวิตอย่างมีความสุข (ความฝันถูกมองว่าเป็นการปลดปล่อยแรงกดดันที่อยู่ภายใน ถ้าไม่ฝันมนุษย์ก็จะเครียดมาก) แต่เดวอนทำให้เขาละทิ้งหน้าที่ของตัวเองไป และมนุษย์ที่อยู่ในความดูแลของเขาเริ่มมีปัญหา
พล็อตเรื่องมีแค่นี้จริง ๆ ค่ะ แม็กซ์อ่านไปจนจบเรื่องก็คิดในใจนะว่า เรื่องนี้มันมีประเด็นไหมวะ ไม่มีตัวร้ายเป็นเรื่องเป็นราว มันก็แค่เรื่องของหนุ่มเจอสาว แล้วหลงรักจนไม่มีเวลาไปทำงาน แค่นี้เองจริง ๆ
เรื่องราวที่ไม่น่าค้นหา ไม่น่าสนใจ เซ็กส์ก็ไม่ได้เรื่อง (แต่คิดว่าที่แม็กซ์ไม่ชอบ คงเพราะเราไม่มีความรู้สึกผูกพันกับตัวละครเลยสักนิดเดียวมากกว่าเป็นที่ตัว ฉากนั้นเอง) เป็นหนังสือที่อ่านไปแล้วไร้จุดหมาย ไม่รู้ว่าเรื่องจะนำพาเราไปไหน ไม่มีอะไรต้องลุ้น เพราะไม่รู้ว่าทุกอย่างที่ตัวละครทำ จะมีผลอะไรบ้าง เป็นการเสียเวลาอ่านมากที่สุดเล่มนึงที่แม็กซ์เคยอ่านมา ไม่ใช่ว่าเลวร้าย หรือห่วยหรอกนะคะ เพียงแต่เสียเวลาทำมาหากินเท่านั้นเอง
เพราะถ้าเราอ่านเล่มที่เราเกลียด (ถุงยางรีไซเคิลของซานดร้า มาร์ตัน) เรายังรู้ึสึกสนุกไปกับความทุเรศนั้น ยังมีประเด็นมาคุยและเล่าให้เพื่อนฟัง แต่เล่มนี้มันว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย
คะแนนที่ 30
เล่มที่สอง In her wildest dreams
ถ้าเทียบกับเล่มแรก เล่มนี้ถือว่าดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะดีมากหรอกนะคะเมื่อเทียบกับพารานอมอลโรแมนซ์เล่มอื่น ๆ และแม็กซ์ไม่รู้นะคะว่า มันจะดีมากพอที่จะทำให้มีเล่มสามตามมาได้ไหม เพราะเท่าที่รู้คิมเบอร์ลี่เซ็นต์สัญญาเขียนเรื่องในชุดนี้แค่สองเล่ม เรายังไม่ได้ข่าวว่ามีการต่อสัญญาให้เธอเขียนต่อเลยค่ะ แต่ถ้าเธอไม่ได้เขียนต่อ แม็กซ์ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอะไรใหญ่หลวงหรอกนะ
พระเอกเล่มนี้ก็คือหนึ่งในพี่น้องตระกูลโอเนียรอสซึ่งเป็นผู้ดูแลความฝันเช่นกัน
ในเวลากลางวัน เดเร็ค โอเนียรอส เป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัยที่มีชื่อเสียง และหนึ่งในลูกค้าของเขา เชย์ แคดเวลล์ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเครื่องสำอางค์ใหญ่กำลังถูกคุกคามจากคน ไม่ทราบชื่อ
เดเร็คหลงรักเชย์มานานแล้ว ตั้งแต่แรกที่ได้พบกันเมื่อหลายปีก่อน แต่เขาเข้าใจผิดคิดว่าเชย์ และหุ้นส่วนของเธอเป็นคู่รักกัน เขาไม่ต้องการจะเป็นมือที่สาม ดังนั้นจึงเก็บความรู้สึกไว้ตลอด จนกระทั่งเธอเริ่มถูกคุกคามโดยมือมืด
สิ่งที่เดเร็คไม่ตระหนักก็คือ คนที่คุกคามเชย์นั้นใกล้ชิดกับงานของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเชย์ตกเป็นเหยื่อของปีศาจที่เข้าสิงร่างเชย์ตอนหลับ และัพาร่างของเธอเดินละเมอไปทำอะไรหลายอย่างที่เชย์ไม่กล้าแม้แต่จะคิด
อย่างที่บอกไปแล้วค่ะ เล่มนี้ถือว่าโอเคเลยนะ อ่านได้สนุก เพราะทั้งเดเร็คและเชย์เป็นคนที่น่าสนใจ เดเร็คที่ตลอดชีวิตถูกพี่น้องเรียกกว่า "เครื่องจักร" ไม่หลงเหลือความเป็นเครื่องจักรอยู่เลยเมื่อเขาอยู่กับเชย์ ผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักมานาน ส่วนเชย์เองก็รับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ปราดเปรื่องได้ดี พล็อตลึกลับเกี่ยวกับคนที่คุกคามเชย์ถือว่าสอบผ่าน แม้จะไม่จำเป็นต้องถึงกับใช้ตัวแทนโอลิมปิควิชาการมาเพื่อแก้ปริศนา แต่ก็ยังดีกว่าเล่มแรกที่มีแต่ความว่างเปล่า
คิดว่าคงเพราะเล่มแรกมันไม่ได้เรื่องอย่างรุนแรงด้วยมั้งคะ ที่ทำให้เรามีความรู้สึกว่าเล่มนี้ดีขึ้นหลายขุม แต่จำไว้นิดนึงนะคะ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเล่มนี้ดีเด่นอะไร
คะแนนที่ 60
No comments:
Post a Comment