คนที่ติดตามอ่านบลอกของเรามาระยะนึงคงพอรู้สึกกันได้นะคะว่า แม็กซ์เป็นแฟนประจำของหนังสือชุด The Sons of Destiny ด้วยเหตุผลที่ตัวเองก็ไม่อาจอธิบายได้จนบัดนี้ เพราะก็ใช่ว่าจะมีเล่มไหนในชุดที่สนุกซู้ดยอด ทำเอาเราเกิดอาการคลั่งหนัก บางเล่มก็ทำเราผิดหวังไม่น้อย แต่กระนั้นทุกครั้งที่เราได้เล่มใหม่ในชุดนี้มา ก็ต้องเริ่มอ่านเป็นเล่มแรกทุกครั้ง
ครั้งนี้ก็เหมือนกันค่ะ สำหรับเล่มที่เจ็ดแล้วในชุด
The Flame ของจีน จอห์นสัน
เราไม่แนะนำให้คนที่ไม่ได้อ่านหนังสือชุดนี้มาก่อนเริ่มต้นที่เล่มนี้ หรอกนะคะ เพราะชีวิตอาจจะสับสนจนมึนไปเลยก็ได้ คิดเอาแล้วกันว่า ชุดนี้เล่าเรื่องพี่น้องฝาแฝดสี่คู่ มีทั้งหมดแปดเล่ม เรื่องนี้เป็นเล่มที่เจ็ดในชุดของเรื่องราวที่ร้อยเรียงกันอย่างเป็นระบบ ถ้าคุณอ่านเล่มนี้โดยไม่อ่านเล่มก่อนหน้า นอกจากจะไม่รู้เรื่องแล้ว ก็ยังเป็นการสปอยล์ตัวเองเกี่ยวกับเรื่องราวในเล่มก่อนหน้าอีกต่างหาก
ดังนั้นแม็กซ์คงไม่ต้องเตือนเรื่องสปอยล์หรือนะ เพราะถ้าอ่านมาถึงตอนนี้ แล้วจะมาร้องคร่ำครวญว่า "สปอยล์กูทำไม" ก็ไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ
พี่น้องฝาแฝดสี่คู่ที่เกิดในวันเดียวกัน ห่างกันคู่ละสองปี เป็นพี่น้องในตำนาน ทำคำทำนายของหมอดูชื่อดังเมื่อสองพันปีก่อน การเกิดของพี่น้องที่ถูกเรียกรวมกันว่า The Sons of Destiny จะเป็นสาเหตุทำให้เมืองคาตาน บ้านเิกิดของพวกเขาถูกทำลาย ดังนั้นเมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พี่น้องตระกูลคอร์วิสคือคนที่คำทำนายนั้นหมายถึง ทั้งแปดคนก็ถูกเนรเทศออกจากคาตาน และส่งไปอยู่บนเกาะไนท์ฟอล
จากเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วหกเล่ม (เล่าย้อนหมดไม่ไหวหรอกนะคะ) เป็นที่รู้กันชัดเจนแล้วว่า การตีความหมายของคำทำนายของคนในเมืองคาตานผิดพลาด แต่มันก็สายไปแล้ว พี่น้องตระกูลคอร์วิส และเหล่าภรรยาของพวกเขาได้ประกาศตนเป็นอิสระ และสร้างประเทศใหม่บนเกาะไนท์ฟอล พวกเขามีเวลาหนึ่งปีในการเรียกเทพเจ้ามาชุมนุมกันเพื่อรับรองความเป็นรัฐของ ไนท์ฟอล งานที่ไม่ได้ทำกันง่าย ๆ เลย ภาระอันยิ่งใหญ่ที่เป็นหน้าที่ของมอร์แกนเนน น้องชายคนเล็ก ผู้ซึ่งเป็นพ่อมดที่ทรงอำนาจมากที่สุดในคาตาน
แต่สำหรับพระเอกของเรื่องนี้แล้ว คอร์แรนเนนเขาอาจเป็นคู่แฝดของมอร์ค (มอร์แกนเนนนั่นแหละ) แต่ก็รู้ตัวเองดีว่า ตนเองไม่ใช่พ่อมดผู้ทรงอำนาจ ความสามารถของเขาอยู่กับไฟ คอร์เป็นผู้ควบคุมไฟ เป็นช่างเหล็กประจำไนท์ฟอล แต่การเป็นผู้ควบคุมไฟก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาง่ายขึ้น คอร์อาจจะเป็นผู้ชายอายุยี่สิบสี่คนสุดท้ายบนไนท์ฟอลที่ยังคงรักษาความ บริสุทธิ์ผุดผ่องไว้ได้ และมันไม่ใช่เพราะคุณค่าทางศีลธรรมหรืออะไรหรอกนะที่กำหนดให้เป็นเช่นนั้น เป็นเพราะเขาไม่อาจควบคุมไฟในกายได้ ทุกครั้งที่เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็ม คอร์จะปล่อยพลังงานออกมา ร้อนแรงพอที่จะแผดเผาหญิงสาวที่เขาสัมผัสได้
สิ่งเดียวที่ำทำให้เขามีความหวังก็คือ คำทำนายเกี่ยวกับ The Sons of Destiny ที่ว่าจะมี "น้ำ" ผู้ซึ่งควบคุมไฟของเขาได้ เกิดมาเพื่อเขา คอร์จึงเป็นหนึ่งในพี่น้องไม่กี่คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอการมาของหญิงสาว เขารู้ว่าพี่ชายทั้งหกของเขาต้องได้เจอคู่ของตัวเองก่อนที่จะถึงคิวของเขา แต่ก็หลายเดือนผ่านไปแล้วที่ไรเดน พี่ชายคนที่หกของเขาพบคู่ของตัวเอง คอร์ก็ยังเหงาและเปล่าเปลี่ยนต่อไป
จนกระทั่งการเจรจาทางการทูตระหว่างไนท์ฟอล และอาณาจักรใต้ทะเล ที่ตกลงส่งหญิงสาวสี่คนที่มีความสามารถในการควบคุมน้ำมาเยือนไนท์ฟอล คอร์ก็ได้โอกาสที่จะรู้จักหญิงสาวที่อาจจะเป็นคู่ที่พรหมลิขิตให้เขา
สำหรับดานัวแล้ว ภารกิจมาเยือนไนท์ฟอลเป็นงานที่เธอไม่ต้องการ แต่ในฐานะของผู้ควบคุมน้ำที่มีพลังสูงสุดในราชอาณาจักร เธอจึงถูกส่งมา และสำหรับดานัวแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่างานที่ได้รับมอบหมาย เพราะเธอไม่อาจจะมีชีวิตส่วนตัวเหมือนคนอื่น ๆ ได้ เนื่องจากลักษณะพิเศษที่เธอแช่แข็งทุกคนที่เข้าใกล้ (คนที่แตะตัวเธอจะรู้สึกถึงความเย็นเยือก) เธอไม่อาจมีครอบครัว งานจึงเป็นสิ่งเดียว แต่ความคิดนี้กำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับคอร์แรนเนน ทูตแห่งไนท์ฟอลที่ถูกส่งมาดูแลพวกเธอ
ในแง่ของพล็อตเล่มนี้เกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นมากกว่าค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมการเพื่อเล่มต่อไป (และเป็นเล่มสุดท้ายในชุด) ซึ่งจะเป็นเรื่องของมอร์ค ที่ตอนนี้รอคอยการมาถึงของผู้แห่งโชคชะตาของเขาอยู่ หรือกล่าวถึงความพยายามในการทำพิธีเพื่อเรียกให้พระเจ้าทั้งปวงมารวมกัน เพื่อสถาปนาราชอาณาจักรไนท์ฟอลอย่างถาวร และการต่อสู้กับความพยายามของบรรดาพ่อมดทั้งหลายที่อยากลักพาตัวพี่สะใภ้ของ คอร์ (ซึ่งเป็นนางเอกในเล่มหก The Storm และเธอมีความสามารถพิเศษเหนือใคร)
เราคิดว่าคนแต่งทำได้ดีนะคะ เพราะแม้สิ่งที่พูดไปจะแทบไม่มีอะไรเกี่ยวกับตัวละครหลักของเรื่องเลย แต่เราก็ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อหน่ายอะไรนะคะ คนแต่งเรียงร้อยเรื่องเหล่านั้นเข้าไปกับตัวละครหลักของเรื่องได้ดี ไม่ยัดเยียดจนทำให้เรารู้สึกว่า โฟกัสของเรื่องไม่ได้อยู่ที่ตัวละครหลัก
ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างคอร์และดานัวก็น่าสนใจ แรกเริ่มแม็กซ์ห่วงว่า การที่ทุกอย่างพึ่งพาโชคชะตา และคำทำนายสองพันปีจะทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครทั้งสองถูกยัดเยียดให้กันและ กัน เพราะคอร์ซึ่งไม่ค่อยชอบภาวะการเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นของตัวเองนัก เกิดอาการดี้ด้ามากที่จะได้เจอพวกผู้หญิง เขาไม่สนใจนักหรอกว่าใครจะเป็นคู่ชีวิตที่ส่งมาให้เขา ขอแค่ให้เขาได้พบเธอเท่านั้น
ยอมรับนะคะว่าตอนแรกเรารู้สึกว่ามันบังคับไปนิดหน่อย คอร์ออกเที่ยวและใช้เวลากับหญิงสาวแต่ละคนเพื่อทดสอบว่าใครในสี่คนที่มา เยือนเป็นคู่ของเขา จนสุดท้ายก็รู้ว่าเ็ป็นดานัว หญิงสาวที่ดูภายนอกเย็นชาและไม่สนใจผู้ชาย เขาก็ยังเกิดอาการไม่เชื่อด้วยซ้ำ
แต่สุดท้ายหลังจากทั้งสองเริ่มต้นคบกัน แม็กซ์ยอมรับได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะตัวละครเองก็ยอมรับความจริงที่ว่า การถูกพรหมลิขิตให้เป็นคู่กันและกันนั้น ไม่ได้หมายความว่าจำเป็นจะต้องมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งคอร์และดานัวยอมรับในจุดนั้น ซึ่งเราว่าสำคัญมาก คนอ่านไม่ได้หลอกคนอ่านให้เชื่อว่า คนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน แค่ฟ้าสั่งก็รักกันได้ ความรักต้องได้รับการพัฒนา การรู้จักกันอย่างแท้จริง และสำหรับเรื่องนี้ เมื่อคำว่ารักเอ่ยขึ้น แม็กซ์ก็เชื่อกับคำบอกรักนัก โดยเฉพาะคำว่า "You complete me" ที่ดานัวเอ่ยกับคอร์ ก็ได้ใจแม็กซ์ไปเต็ม ๆ เลยล่ะ
และใครละจะไม่รักคอร์ เขาเป็นตัวละครที่น่ารักมากที่สุดคนนึงที่เราได้อ่าน หนุ่มเวอร์จิ้นวัยยี่สิบสี่ที่แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้มีความสัมพันธ์กะ หญิง ฉากที่เขาอาบน้ำปะแ้ป้งรอคอยการมาของสาวสี่คนผู้ที่อาจเป็นคู่ของเขา ทั้งน่ารักและฮาดีค่ะ
แถมตอนจบเล่มนี้ยังทิ้งท้ายได้อย่างน่าสนใจมาก ทั้งที่ทีแรกแม็กซ์ไม่คิดว่าเรื่องราวของมอร์ค น้องนุชสุดท้องจะน่าสนใจอะไรนักหรอกนะคะ เพราะเขาเจอสาวที่เป็นของเขาแล้ว แต่คนแต่งก็ยังพลิกให้ดูน่าสนใจได้ ดังนั้นอย่าแปลกใจนะคะ หากเล่มแปดออกวางขายในช่วงเดือนมีนาคมปีหน้า แล้วแม็กซ์จะหยิบมาอ่านก่อนเล่มอื่น
สำหรับเล่มนี้ คะแนนที่ 70
No comments:
Post a Comment