หนังสือชุด SDF (หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ The Mission ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่เห็นมีใครใช้) เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่แม็กซ์คิดว่าจ๊าบที่สุดในหน้าหนังสือโรแมนซ์แล้ว ล่ะ
ตอนแรกที่เริ่มอ่านชุดนี้ใหม่ ๆ ยอมรับกะตัวเองเลยนะคะว่า เกิดอาการคลั่งไปตามกับชื่อหนังสือที่หกเล่มแรกขึ้นต้นด้วยคำว่าเครซี่ แต่ก็ดูเหมือนว่า อีกสามเล่มต่อมา ที่ไม่ได้ใช้ชื่อว่าเครซี่อีกต่อไป ปัจจัยที่เคยทำให้กรี๊ดก็ดูเหมือนจะร้างลาไปพอสมควร
แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันหมดเสน่ห์หรอกนะคะ เพราะอย่างที่บอกหนังสือชุดนี้มีตัวละครที่คาแร็คเตอร์น่าอ่าน และน่าติดตาม แม้ว่าชีวิตของพวกเขาจะลงตัวในเรื่องความรักไปแล้วก็ตาม (และมีใครจำได้บ้างว่าครั้งสุดท้ายที่กล่าวถึงคริสเตียน เขามีลูกกี่คนแล้ว เพราะล่าสุดเล่มนี้ลูกสาม ในท้องอีกหนึ่ง)
Loose and Easy ของทาร่า แจนเซ่น
หนังสือเล่มนี้ก็เป็นเรื่องครั้งที่ทาร่า (ซึ่งควรออกเสียงว่าแทร่า) เดินตามสูตรของนิยายทุกเล่มนชุด ที่เรื่องราวเกิดขึ้นภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงนับจากพระเอกได้เจอกับนางเอก แต่ความรักระหว่างจอห์นนี่ รามอส และเอสมี่ อัลเดนเริ่มต้นก่อนหน้านั้นนานมาก มันย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยเกรดเจ็ด (หรือม. 1) เมื่อเอสมี่ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนเดียวกับจอห์นนี่ และทั้งสองนั่งเรียนข้างกัน
เอสมี่เป็นเด็กสาวที่จอห์นนี่คิดว่าจะต้องประสบความสำเร็จในชั้น เธอเป็นคนกล่าวสุนทรพจน์ในงานรับวุฒิบัตรตอนเรียนจบไฮสคูล เธอได้ทุนการศึกษาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ในขณะที่เขามุ่งหน้าไปเป็นทหาร หลังจากใช้ชีวิตไม่เป็นโล้เป็นพายซึ่งหมดไปกับการเข้าแก๊งค์อันธพาลในช่วง เรียนมัธยม ดังนั้นเมื่อเขาซึ่งเพิ่งปลดประจำการ และกำลังรอคำสั่งให้เข้าไปทำงานในหน่วย SDF ได้พบกับเอสมี่ในเสื้อผ้าเปิดเผย บ่งบอกถึงอาชีพอันไม่น่าพิสมัย เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไร ถึงทำให้เอสมี่คนสวย คนที่เขาใฝ่ฝันอยู่ตลอดตกต่ำถึงเพียงนี้ จนถึงต้องมายึดอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพนึงในโลก
อย่างไม่ตั้งใจ หรือไม่ทันคิดนั่นแหละ จอห์นนี่สะกดรอยตามเธอไปจนถึงโรงแรมที่เอสมี่ขึ้นไปบริการแขกชาวเยอรมันคน นึง และก็ต้องเจอกับเรื่องวุ่นวายอย่างที่ไม่คาดคิด
สำหรับเอสมีแล้ว จอห์นนี่คือเด็กชายที่เธอไม่มีวันลืม แม้จะรู้ว่าทั้งสองแตกต่างกันอย่างมาก แต่ในคืนวันนั้นความแตกต่างของทั้งคู่ไม่ได้มากอีกต่อไป และการได้เจอกับเขาอีกครั้งอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะเท่าไหรนัก เอสมี่กำลังถูกบีบรัดด้วยกำหนดเวลาที่ไม่อาจพลาดได้ พ่อของเธอเป็นหนี้เจ้าพ่อพนันก้อนใหญ่ และเธอจำเป็นจะต้องทำภารกิจการค้นหาภาพเขียนที่สูญเสียไปในระหว่างสงครามโลก ครั้งที่สองให้สำเร็จ ส่งมอบมันคืนกลับเจ้าของตัวจริง รับเงินค่าค้นหา แล้วจัดส่งให้เจ้าพ่อ ก่อนที่พ่อของเธอจะถูกอัดจนเละ
การกลับมาของจอห์นนี่ไม่ถูกที่และไม่ถูกเวลา แต่ถูกใจคนอ่าน
ทาร่า เจนเซ่นเป็นนักเขียนที่มีพรสวรรค์ในการเขียนเรื่องที่ตัวละครมีอายุน้อย (ในกรณีนี้จอห์นนี่และเอสมี่อายุราวยี่สิบสี่ปี) ให้ดูน่าอ่าน ไม่ใช่ว่าเธอเขียนให้ทั้งคู่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุนะคะ แต่เป็นคนสมวัยที่ดูแล้วน่ารัก จอห์นนี่ยังเป็นเด็กในหลายด้าน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์หนัก ๆ เขาจะไม่ขอความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ที่สตีล สตรีท (หรือฐานปฏิบัติงานของ SDF) เพราะเขาไม่ต้องการให้ว่าที่เพื่อนร่วมงานคิดว่าเขาไม่มีน้ำยาจัดการปัญหา ของตัวเอง ดังนั้นการที่ไม่มีตัวละครตัวอื่นในชุดเสนอหน้าเข้าไปในภารกิจของจอห์นนี่ และเอสมี่จึงดูสมเหตุผล (แต่ไม่สมใจแม็กซ์ค่ะ เพราะอยากเห็นเพื่อนเก่าหลาย ๆ คนน่ะ)
จอห์นนี่และเอสมี่เป็นคู่ที่เหมาะสมกันอีกค่ะ ดูเด็ก ในขณะเดียวกันก็น่าเชื่อว่า พวกเขาจะไปกันรอด และอยู่กันอีกนานแสนนาน
ปัญหาของแม็กซ์ที่มีในเรื่องนี้เป็นที่ตัวร้ายมากกว่าค่ะ เพราะดูร้ายอย่างงี่เง่า และปัญญาอ่อน แม็กซ์ไม่เชื่อว่าเจ้าพ่อบ่อนพนันตัวใหญ่สุดในเดนเวอร์จะไร้เหตุผล เขาส่งลูกน้อยไล่จับเอสมี่ เพราะต้องการตัวเธอไปขายซ่อง ขอร้องเถอะนะ มันอ่อนโคตร ๆ พ่อของเธอเป็นหนี้พนันเขา ในฐานะนักธุรกิจ (แม็กซ์คิดเสมอนะคะว่า พวกเจ้าพ่อมาเฟียเนี่ยก็นักธุรกิจคนนึง ไม่ได้มีใครอยากเป็นคนชั่วเพราะชั่วมาแต่เกิดหรอกนะ) เขาย่อมต้องการเงินคืนเป็นอันดับแรก และเขาก็รู้ว่าเอสมี่กำลังหาเงินมาคืนเขา แต่ทำไมต้องส่งคนออกไปตามล่าเธอ และเรื่องก็ยิ่งอ่อนลงไปอีก เมื่อเขารู้แล้วว่าเอสมี่ได้รับการคุ้มครองจากมาเฟียค้ายาเจ้าใหญ่ใน เดนเวอร์ (ซึ่งเป็นเพื่อนกับพี่ชายของจอห์นนี่ และแก๊งค์นี้ก็เคยอยู่ภายใต้อำนาจควบคุมของพี่ชายของจอห์นนี่) ซึ่งเขาพูดตั้งแต่เปิดเรื่องว่า ไม่อยากเป็นศัตรูด้วย ทำไมถึงยังดึงดันจะเอาตัวเอสมี่ไปให้ได้
ตั้งแต่อ่านชุดนี้มานะคะ ผู้ร้ายเล่มนี้ดูเหมือนถอดแบบมาจากหนังการ์ตูนที่สร้างให้เด็กอนุบาลดู (ไม่อยากเหมาการ์ตูนทั้งหมดค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้การ์ตูนดีดีมีเหตุผลก็มีเยอะมาก) และนี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของแม็กซ์
เล่มนี้โฟกัสไปที่เอสมี่และจอห์นนี่ และอย่างที่บอกว่า ไม่มีตัวละครจากหน่วย SDF เข้าไปช่วยจอห์นนี่ในภารกิจเล่มนี้ ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นใครเท่าไหรค่ะ นอกจากสิ่งที่จอห์นนี่คิด (ซึ่งทำให้เราได้เห็นพวกเขาในอีกมุมนึง) แต่ในตอนก่อนจบเรื่อง ประเด็นใหญ่โคตร ๆ ก็ถูกเปิดออก ก็เลยทำให้เราสงสัยว่า (สปอยล์) คนที่เราคิดว่าตาย จะยังไม่ตายรึเปล่า
เล่มถัดจากเล่มนี้จะเป็นเรื่องของเด็ซ ญาติผู้พี่ของเอสมี่ ที่เพิ่งโผล่เข้ามาในเล่มนี้เป็นครั้งแรก
สำหรับเล่มนี้ ซึ่งอาจไม่ดีเท่ากับยุคต้นของเครซี่ แต่ก็ดีไม่น้อยค่ะ คะแนนที่ 73
No comments:
Post a Comment