โจดี้ ลินน์ โคปแลนด์เป็นนักเขียนในสังกัดของอโฟไดท์เซียที่แม็กซ์ชอบมากคนนึง ไม่ถึงกับกรี๊ดสลบเหมือนอย่างเคธ พีชนะคะ แต่ก็เป็นนักเขียนที่คงเส้นคงวา ซื้อมาไม่ผิดหวัง
ยังแปลกใจเลยนะคะว่าไหงแม็กซ์ถึงไม่ค่อยรีวิวงานของเธอให้ฟังกันเลย ทั้งที่อ่านหนังสือที่เธอเขียนให้กับอโฟไดท์เซียครบเกือบทุกเล่มแล้ว
ก็เลยแก้ตัวด้วยการเอาสองเล่มหลังสุดของเธอมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
Sweet and Sinful ของโจดี้ ลินน์ โคปแลนด์
ในเล่มนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้นสองเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงสองคนที่ทำงานในที่เดียวกัน
Just Like Candy
ตามชื่อเรื่องค่ะ เพราะว่าคอร์ทนี่ย์ นางเอกในเรื่องอยากเป็นสาวสุดฮ็อตและฟรีเซ็กส์อย่างแคนดี้เพื่อนร่วมงาน ดังนั้นหลังจากใช้ชีวิตอย่างกับแม่ชีมานานหลายปี คอร์ทนี่ย์ก็ลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง และเริ่มต้นออกเดท (และมีเซ็กส์) กับหนุ่มมาหน้าหลายตา
การเปลี่ยนแปลงของคอร์ทนี่ย์ทำให้เพื่อนร่วมางานหนุ่มอย่างเบลนซึ่งแอบปิ๊ง เธอมานาน แต่ไม่กล้าพูด เพราะคิดว่าเธอ "ใส" เกินไป เริ่มเข้ามาตีสนิท และอย่างนิยายแนวอีโรติค โรแมนซ์ทั่วไป มันใช้เวลาไม่นานเลยที่ไฟจะสป๊าคส์กันพรึ่บพรับ
แต่แล้วความมั่วของคอร์ทนี่ย์ในอดีตก็ตามมาหลอกหลอน เพราะหนึ่งในชายที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วย (ก่อนที่จะคบกับเบลนอย่างจริงจัง) เริ่มตามตื้อเธอด้วยการส่งของมาให้ และเริ่มมีจินตนาการที่เกินความจริง
แม็กซ์ไม่ชอบเรื่องนี้ค่ะ ไม่ชอบนางเอก ส่วนหนึ่งเพราะความฟรีเซ็กส์ของเธอด้วย แต่ที่มากกว่านั้นก็คงเป็นความไม่มีเหตุผลที่เธอต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนาด นี้ มันไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีอะไรรองรับการตัดสินใจของเธอ และที่สำคัญเราไม่เชื่อว่าคนเราจะเปลี่ยนกันได้เร็วขนาดนี้ จากผู้หญิงหงิม ๆ กลายเป็นเป็นลูกแมวยั่วสวาท (ขนาดให้คนแปลกหน้าเข้าไปถ่ายเธอกำลังทำอะไรกับผู้ชายอีกคนนึงได้เนี่ยนะ) เราว่ามันเกินความน่าเชื่อไปหน่อยค่ะ
คะแนนก็เลยที่ 40
Hard Candy
คราวนี้เรื่องสั้นเรื่องที่สองเป็นเรื่องของตัวแคนดี้เอง ที่หลังจากใช้ชีวิตสมบุกสมบั่นมานาน ก็คิดจะล้างมือ เพราะเห็นว่า ความมั่วของคอร์ทนี่ย์นำมาซึ่งปัญหามากเพียงไร (ถูกผู้ชายตาม) แต่มันก็ไม่ง่ายนักที่จะบอกเลิกความสัมพันธ์สามปีที่เธอมีกับไท เพื่อนหนุ่มที่พักอยู่ในอพาทเมนต์ห้องข้าง ๆ
ไทเองก็เหมือนกับแคนดี้ ตรงที่มีความสัมพันธ์กับสาวไปทั่ว โดยไม่ต้องการความผูกพัน ดังนั้นแคนดี้จึงเป็นเพื่อนสาวที่วิเศษสุด เ็ซ็กส์ที่ไม่มีความรัก แต่เมื่อแคนดี้บอกเลิก นั่นเริ่มทำให้เขาคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันมากขึ้น
แม็กซ์ชอบเรื่องนี้ค่ะ เพราะตัวละครแม้จะมีพฤติกรรมที่เราไม่ชอบนัก (แต่จะให้แต่งยังไงคะ มันเป็นเรื่องแนวอีโรติค โรแมนซ์น่ะ) แต่เราว่าเขามีความซื่อสัตย์กับตัวเอง และดูน่าเชื่อกว่าคอร์ทนี่ย์นางเอกเรื่องแรกเยอะ และเรื่องก็เขียนได้น่าเชื่อถึงความรักระหว่างแคนดี้และไท การเปิดเรื่องโดยทำให้ตัวละครทั้งสองรู้จักและมีความสัมพันธ์กันมาก่อนแล้ว ยิ่งเป็นส่วนเสริมให้น่าเชื่อว่าทั้งคู่จะไปกันรอด ความสัมพันธ์มันอาจเริ่มขึ้นด้วยเซ็กส์ แต่สามปีที่ใช้ร่วมกันทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อน และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยความรักได้
คะแนนเรื่องนี้ที่ 57
ต่อกันอีกเล่มของโจดี้ ลินน์ค่ะ
Handyman ของโจดี้ ลินน์ โคปแลนด์
เล่มนี้ก็เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นค่ะ อันที่จริงโจดี้ ลินน์ยังไม่เคยเขียนนิยายเล่มยาวเลยนะคะ (นอกจากที่เป็นอีบุ๊ค)งานที่พิมพ์กับอโฟไดท์เซียทุกเล่มก็เป็นหนังสือรวม เรื่องสั้น
ในเล่มนี้มีธีมที่เข้ากับเศรษฐกิจยุคปัจจุบันมาก เรื่องราวของเพื่อนสามคนที่เข้าหุ้นกันทำบริษัทก่อสร้างขึ้น แต่ด้วยพิษเศรษฐกิจทำให้ไม่มีงานเข้ามาเลย (ตลาดบ้านในอเมริกาตกต่ำมากค่ะ) ทำให้ต้องหารายได้เสริมกันเป็นแถว และงานที่หนุ่ม ๆ พวกนี้เลือกก็คือ การให้บริการทางเพศ (ก็ขายตัวนั่นแหละ)
Coming in First
เรื่องเกิดจากความเข้าใจผิด เมื่อลิสสา มาโลนโทรศัพท์เข้าไปยังบริษัทรับเหมาก่อสร้างเพื่อให้ช่างมาซ่อมบ้านที่เธอ อยู่ แต่กลับถูกเข้าใจว่า ต้องการซื้อบริการอีกอย่าง และเมื่อแธดมาเรื่องจึงกลายเป็นทั้งธุรกิจ (ซ่อมบ้าน) และความปรารถนา
พล็อตเรื่องเล่มนี้ไม่มีอะไรค่ะ และเราถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนที่สุดในเล่มนี้เลยก็ว่าได้
คะแนนที่ 50
Not a Second too late
เจนิวีฟกำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่วันกับผู้ชายที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ ที่สุด แต่ในงานเลี้ยงสละโสดของเธอเอง เธอกลับได้พบกับแนช ผู้ชายที่แตกต่างไปจากที่เธอรู้จักมาตลอดชีวิต ในฐานะของทายาทสาวผู้ร่ำรวย และอาศัยอยู่ในย่านคนรวย เจ็นเป็นผู้หญิงชนิดที่แนชหลีกหนีมาตลอดชีวิต แต่เมื่อเจ็นยื่นข้อเสนอให้เขาแนะนำให้เธอรู้จักชีวิตอีกด้านด้วยเงินจำนวน มาก เขาก็ตอบตกลง
เราชอบเรื่องนี้ที่สุดในเล่มนี้ค่ะ ชอบเพราะรู้สึกว่าเจ็นและแนชเหมาะสมกันสุดสุด เจ็นซึ่งถวิลหาการใช้ชีวิตนอกกรอบที่พ่อแม่วางให้ ในขณะที่แนชเองก็เดินหนีออกจากชีวิตที่คล้ายคลึงกับเจ็นมาแล้ว (เขาเป็นลูกคนรวยเสียยิ่งกว่าเจนอีก อันที่จริงพ่อของเขาเป็นผู้มีพระคุณของพ่อของเจ็น) เพราะไม่ชอบชีวิตหลอกลวงและใส่หน้ากากเข้าหากัน
คะแนนที่ 75
Third time's a charm
เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของเบนนี่ ที่เพิ่งเสียมารดาไปกับอาการป่วย เขาถูกแนะนำให้กับโฮลี่นักจิตวิทยาที่มีปัญหาในการรักษาชีวิตของคนไข้ ญาติของโฮลี่ (ซึ่งเป็นเพื่อนของเจ็น) ส่งเบนนี่มาเป็นของขวัญเพื่อผ่อนคลายแก่โฮลี่ โดยมีจุดประสงค์ลึก ๆ ต้องการให้โฮลี่เยียวยาบาดแผลจากการเสียแม่ของเขาด้วย
ในส่วนของอารมณ์ แม็กซ์ว่าเล่มนี้ลึกซึ้งที่สุด และเป็นคู่ที่น่าเชื่อที่สุดว่าจะไปกันรอด เบนนี่ซึ่งเป็นเด็กมีปัญหา มีนิสัยทำร้ายตัวเอง ซึ่งเขาเลิกหลังจากได้รับการอุปการะจากแม่ที่เพิ่งเสียไป แต่เขากำลังจะกลับมาสู่อาการแบบเดิมอีกครั้ง เพราะหลักยึดในชีวิตของเขาได้ตายลงแล้ว ดังนั้นการที่โฮลี่เข้ามาในชีวิตของเขาจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ
ความผูกพันลึกล้ำในความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นประเด็นที่แม็กซ์ชอบค่ะ และเราว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "ลึก" ที่สุดของโจดี้ ลินน์เลย
คะแนนที่ 73
โดยสรุปแม็กซ์ชอบ Hanndyman มากกว่า Sweet and Sinful ค่ะ และอยากจะบอกว่า คนที่จะอ่านเรื่องของโจดี้ ลินน์ หรือพูดกันตามตรงหนังสือของอโฟไดท์เซีย ก็อย่าคิดมาก มันเป็นแนวอีโรติค โรแมนซ์นะคะ พล็อตเรื่องส่วนใหญ่ก็จะเปิดให้มันเป็นอีโรติค เพื่อจะได้เขียนบรรยายฉากเซ็กส์กันเยอะ ๆ อยู่แล้ว ค่านิยมแบบคนไทยในเรื่องรักนวลสงวนตัวมันก็ไม่ค่อยจะมีนักหรอกค่ะ
No comments:
Post a Comment