Wednesday, January 21, 2009

Touch the Dark & Claimed by Shadow // Karen Chance

อยากจะตั้งชื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สัปดาห์แห่งการอ่านหนังสือค้าง เพราะแต่ละเล่มที่หยิบมาอ่านนั้นก็ล้วนเป็นหนังสือเก่าที่เริ่มต้นอ่านไป เมื่อนานแล้ว แต่ด้วยเหตุบางอย่างก็ทิ้งค้างเอาไว้ไม่ได้อ่านต่อ

เล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่แม็กซ์จำสาเหตุที่อ่านค้างไว้ได้นะคะ แม็กซ์ตั้งใจสะสมต้นฉบับในเรื่องชุดนี้ให้ได้จำนวนนึงเสียก่อนที่จะเริ่ม อ่าน เพราะเป็นแนว Urban Fantasy ซึ่งแต่ละเล่มไม่ได้จบในตอนเท่าไหรนัก อย่างเล่มนี้เองก็จบแบบค้างคาโคตร ๆ

และหลังจากเก็บต้นฉบับได้ครบสามเล่มก็ถึงอ่านหนังสือชุดนี้เสียที แต่การอ่านก็ถูกขัดจังหวะด้วยทริปการไปอเมริกาของแม็กซ์เมื่อตอนต้นปี จากที่อ่านไว้ราวร้อยหน้า ก็เลยค้างอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ

จนกระทั่งสัปดาห์แห่งการเก็บกวาดเกิดขึ้น และแม็กซ์หยิบเล่มนี้มาอ่านอีกรอบ

Touch the Dark ของคาเรน แชนน์

ตามสไตล์หนังสือแนว Urban Fantasy เรื่องนี้โฟกัสที่ตัวคาสซานดร้า พาลเมอร์ซึ่งเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถในการเห็นอนาคตได้ เธอกำลังหนีตายจากการตามล่าของโทนี เจ้าพ่อ/แวมไพร์ ซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก คาสซานดร้าทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้ เธอร่วมมือกับเอฟบีไอหาหลักฐานปรักปรัมโทนี่ในความผิดหลายข้อ และนั่นทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตราย

แต่ลูกน้องของโทนี่ก็ตามรอยใกล้เข้ามา ทำให้แคสซี่ต้องหนีอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนจะมีมากกว่าแวมไพร์ที่ต้องการตัวเธอ อย่างไม่รู้ตัว แคสซี่เข้าไปพัวพันกับการแย่งอำนาจในสภาแวมไพร์ และสภาของผู้มีเวทมนตร์ก็ต้องการตัวเธออย่างรุนแรง นั่นก็เพราะเธอเป็นทายาทของพลังอันเหลือเชื่อ ผู้หยั่งรู้ดินฟ้า รู้อนาคต และย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้อีกต่างหาก

มิตรคนเดียวที่เธอมีก็คือเมียร์ซี แวมไพร์อายุมากกว่าห้าร้อยปี ซึ่งเป็นเจ้านายของโทนี่ หนึ่งในสมาชิกสภาแวมไพร์ แต่แคสซี่ก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาช่วยเธอเพราะอะไร

หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่โรแมนซ์ ขอให้ท่องไว้สามครั้งก่อนเริ่มอ่านนะคะ จะได้ไม่ผิดหวังกัน เพราะมันไม่มีโรแมนซ์ในเรื่อง แทบจะไม่เซ็กส์ให้อ่านกันด้วยซ้ำ อ้อคนที่ชอบนางเอกผุดผ่องก็คงชอบแคสซี่นะคะ

ในฐานะเล่มเปิดชุด แม็กซ์ถือว่าสอบผ่านนะคะ เพราะมันทำให้แม็กซ์หยิบเล่มสองในชุดมาอ่านทันทีที่จบเล่มนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเล่มนี้จะสนุกหรือน่าติดตามมากมายอะไร แม็กซ์ไม่รู้สึกว่าบุคลิกของตัวละครมีความน่าสนใจเพียงพอ เมียร์ซีดูเป็นพระเอกเกินไป ปกติตัวละครฝ่ายชายในนิยายแนว UF มักจะต้องทำเพื่ออำนาจหรือผลประโยชน์ส่วนตัว ดูติดออกร้ายมากกว่านี้ แต่เมียร์ซีเป็นพระเอ๊กพระเอก

ในขณะที่แคสซี่ก็ดูไม่น่าสนใจพอ ไม่มีอะไรที่น่าค้นหาเกี่ยวกับเธอมากนัก เธอเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่ถูกโทนี่สั่งฆ่า เนื่องจากต้องการความสามารถ (ในการเห็นอนาคต) ของเธอไปครอบครอง

จุดที่น่าสนใจที่สุดก็คงเป็นพลังที่ใช้ในการย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ แต่ก็ยังไม่มีการพูดถึงผลกระทบของการทำตรงนี้อย่างชัดเจน ซึ่งเราคิดว่าคงจะต้องมีเยอะนะคะ ลองนึกดู หากแคสซี่ต้องการกลับไปแก้ไขอดีตเพื่อไม่ให้พ่อและแม่โดนฆ่าตายล่ะ

ส่วนที่ชอบที่สุดก็คงเป็นภูมิหลังของเหล่าแวมไพร์ทั้งหลาย ที่คาเรนเอาแพะมาจนกับแกะแล้วผูกเรื่องได้แปลกดี มีทั้งคริสโตเฟอร์ มาร์โลว์ (นักเขียนบทละครพระนางอลิซาเบ็ทที่เราชอบมากที่สุด) ซึ่งกลายเป็นคนเดียวไปกับเชคสเปียร์ได้อย่างสนุก แล้วยังเอาตำนานชายในหน้ากากยุคสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสี่มาเล่นอีก แปลกดีค่ะ เราชอบจุดนี้นะ

คะแนนที่ 60 (มันไม่ใช่โรแมนซ์นะคะ คะแนนก็เลยน้อยไปสักหน่อย)

และอย่างที่บอกค่ะ เล่มนี้น่าสนใจมากพอที่จะทำให้อยากอ่านเล่มสอง ดังนั้นเราจึงหยิบ Claimed by Shadow ซึ่งเป็นเล่มที่สองในชุดมาอ่านทันที่ที่จบเล่มนี้ลง

Claimed by Shadow ของคาเรน แชนน์

เล่มนี้เปิดเรื่องต่อเนื่องจากตอนจบของเล่มแรกค่ะ หลังจากที่แคสซี่ช่วยสภาแวมไพร์เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยการย้อนไปในอดีต เธอก็ตัดสินใจที่จะหนี และไม่ยอมรับการคุ้มครองที่เสนอโดยสภาแวมไพร์ ทั้งนี้เพราะว่าเธอรู้ดีว่า การคุ้มครองนั้นจะต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน และเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมที่จะจ่ายราคานั้นไหม

ในขณะเดียวกันเธอก็ยังมีภารกิจที่ต้องตามหาโทนี่ แวมไพร์นอกรีตที่ฆ่าครอบครัวของเธอ แคสซี่รู้มาว่าโทนี่แอบไปหลบอยู่ในอาณาจักรแห่งภูติแฟรี่ และแม้จะเป็นอันตรายใหญ่หลวง เธอก็ต้องบุกเข้าไป

ถ้าจะว่าไป เล่มนี้ไม่ค่อยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมานักหรอกนะคะ เพราะเวลาส่วนใหญ่ในเรื่องหมดไปกับการหนีของแคสซี่ต่อการตามล่าของสภา เวทมนตร์ที่ไม่ต้องการให้เธอเป็นทายาทของพลังอันยิ่งใหญ่ เพราะในฐานะของไพเชีย เธอคือผู้รู้เห็นอนาคต และสามารถเปลี่ยนอดีตได้ สภาพเวทมนตร์ต้องการให้อำนาจนั้นอยู่ในมือของแม่มดที่ควบคุมง่ายสักหน่อย แต่วิธีการเดียวที่จะส่งมอบอำนาจจากไพเชียมาสู่ทายาทได้ก็คือความตายของไพ เชีย ดังนั้นแคสซี่จึงกลายเป็นเป้าหมายใหญ่

แล้วเรื่องมันก็ยุ่งเข้าไปอีกเมื่อแคสซี่ค้นพบว่า เธอและแวมไพร์หนุ่ม (แต่หน้า อายุกว่าสี่ร้อยปีแล้ว) ถูกผูกพันไว้ด้วยกันด้วยมนตร์สะกด ทำให้เธอถวิลหาและคิดถึงเขายิ่งนัก แต่ที่ทำให้เรื่องแย่ที่สุดก็คงเป็นการย้อนเวลากลับไปในอดีตของแคสซี่ ที่พัวพันกับชีวิตของเมอร์ซี และนั่นทำให้แวมไพร์ที่ร้ายที่สุดในโลกอย่างแด็กคูล่าหลุดออกมาเป็นอิสระ (คิดว่าน่าจะเป็นพล็อตเล่นต่อในเล่มสามนะคะ)

ขอย้ำอีกครั้งว่าเรื่องชุดนี้ไม่ใช่โรแมนซ์ เพราะถ้าอ่านอย่างโรแมนซ์จะต้องมีอาการเขวี้ยงทิ้งกันแน่ ก็แหมนางเอกอุตส่าห์รักษาเนื้อรักษาตัวเป็นสาวจิ้น แทนที่จะเสียให้พระเอก กลับกลายเป็นคนอื่นไปได้ แต่ประเด็นนี้มีที่มา และคำอธิบายที่แม็กซ์ยอมรับได้นะคะ เพราะย้ำอีกที มันไม่ใช่โรแมนซ์

แม็กซ์ไม่ค่อยชอบตอนจบค่ะ (สปอยล์) เราอยากให้แคสซี่เป็นคนลงมือฆ่าแอคเนส (ซึ่งเป็นไพเชียคนก่อน) เอง ไม่ใช่ให้แอคเนสฆ่าตัวตาย เพราะมันจะเป็นการบ่งบอกถึงการขึ้นสู่อำนาจของแคสซี่ เธอยังดูไร้เดียงสาเกินไปกับการกุมอำนาจของไพเชีย

คะแนนที่่ 63

ตอนแรกตั้งใจจะอ่านสามเล่มติดกันเลยนะคะ แต่คิดดูแล้ว กว่าเล่มสี่จะออกก็ตั้งปีหน้าโน่นแน่ะ ยังไงเก็บเล่มสามไว้ก่อนดีกว่าค่ะ

No comments: