Tuesday, January 20, 2009

Deadly Gift // Heather Graham & No Control // Shannon K. Butcher

ไม่ได้กำลังจะพูดหัวข้อที่ซีเรียส หรือเคร่งเครียดอะไรหรอกนะคะ พอดีว่าได้อ่านหนังสือสองเล่มนี้ที่ดูภายนอกก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกันสัก เท่าไหร

แต่หลังจากการวิเคราะห์ด้วยตรรกะที่แม็กซ์อาจจะเข้าใจเพียงคนเดียว เราก็เริ่มมองเห็นความเหมือนกันของหนังสือสองเล่มนี้

สิ่งที่เหมือนกันก็คือ มันเป็นหนังสือเล่มที่สามในชุด ที่อยู่ในแนวโรแมนติกสืบสวน ที่บังเอิญว่าแม็กซ์หยิบสองเล่มนี้อ่านในเวลาที่ใกล้เคียงกัน

เล่มนึงเขียนโดยนักเขียนที่แม็กซ์เคยชอบมากในอดีต อีกเล่มเขียนโดยนักเขียนที่ค่อนข้างหน้าใหม่ในวงการ และผลสรุปก็คือ คำพูดที่ว่า คลื่นลูกหลังไล่คลื่นข้างหน้าก็ยังเป็นจริงเสมอ


Deadly Gift ของเฮทเธอร์ แกรมห์

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สาม (และเล่มสุดท้าย) ในชุดพี่น้องตระกูลฟรินน์ คนที่สนใจสองเล่มแรก ก็ตามไปอ่านรีวิวกันได้นะคะ ที่ลิงค์นี้ แต่เราคงต้องเตือนกันก่อนเลยว่า มันไม่ได้มีอะไรที่น่่าสนใจนักหรอกนะ

ทั้งในส่วนโรแมนซ์ และสืบสวน

ยังยืนยันเหมือนที่เขียนในบลอกก่อนว่า เราเคยชอบงานของเฮทเธอร์มาก แต่เดี๋ยวนี้เธอไม่ใช่นักเขียนคนเดิม ซึ่งมันอาจจะเวิร์คสำหรับอาชีพของเธอนะคะ (เพราะหนังสือชุดนี้ติดอันดับขายดีเชียวล่ะ) แต่มันไม่เวิร์คสำหรับแม็กซ์เลย

และหลังจากอ่านเล่มนี้จบไป แม็กซ์ก็คิดว่า ได้เวลาที่แม็กซ์และเฮทเธอร์จะต้องแยกทางกันเดินแบบตัวใครตัวมันเสียที

แซคคารี่ ฟรินน์เป็นน้องชายคนสุดท้ายในบรรดาหนุ่มตระกูลฟรินน์ ที่ทั้งสามร่วมกันเปิดสำนักงานนักสืบเอกชน นอกจากงานสืบสวนแล้ว แซคยังเป็นเจ้าของสตูดิโอเพลงขนาดเล็ก แต่มีชื่อเสียงที่ดีอีกต่างหาก ในระหว่างลาพักผ่อน แซคได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวของเพื่อนพ่อ ผู้ซึ่งเขาเป็นคนส่งเสริมจนกลายเป็นนักร้อง แคทบอกว่า ฌอน พ่อของเธอป่วยหนักอยู่ในไอร์แลนด์ เธอคิดว่า แม่เลี้ยงอ่อนเยาว์ของเธออาจจะเป็นต้นเหตุ แคทไม่ไว้ใจคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นต้องทำร้ายพ่อของเธอเป็นแน่

แซครับปากและเดินทางไปไอร์แลนด์เพื่อรับตัวผู้เป็นเพื่อนของพ่อกลับมา อเมริกา แต่ที่นั่นเขาก็ได้พบกับพยาบาลสาวสวยนามเคลีย ที่ติดตามคณะของพวกเขากลับมาอเมริกาด้วย มีบางอย่างที่ลึกลับในตัวของเคลีย แต่แซคไม่เชื่อว่า เธอจะปองร้ายฌอน

เรื่องเริ่มยุ่งยากขึ้น เมื่อปรากฎเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า หุ้นส่วนของฌอนผู้หายตัวไป (ก่อนหน้าที่ฌอนจะเดินทางไปไอร์แลนด์) น่าจะเสียชีวิตแล้ว และมีใครบางคนตามปองร้ายฌอนและครอบครัวอยู่

ปัญหาของแม็กซ์กับพล็อตของหนังสือเล่มนี้ก็คือ ส่วนที่เป็นการสืบสวนนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทั้งพระเอกและนางเอกเลยสักนิดเดียว เข้าใจนะว่าแซคเป็นห่วงฌอนเพราะเขาเป็นเพื่อนพ่อ แต่มันก็แค่นั้น เรื่องไม่ให้ความรู้สึกการมีส่วนร่วมของตัวเอกสักนิดเดียว ยิ่งคาแร็คเตอร์ของเคลียยิ่งแล้วใหญ่ ไม่อยากบอกนะคะว่าเธอมีจุดประสงค์อะไรในการติดตามฌอนมายังอเมริกา แต่มันปัญญาอ่อน และงี่เง่า และไร้เหตุผล และไม่น่าเชื่อ ความพยายามเอาเรื่องนี้โยงเข้าไปเป็นแนวพารานอมอลยิ่งทำให้ห่วยลงไปอีกต่าง หาก

สปอยล์นะคะ คิด ได้ไงให้เคลียเป็นแบนซี (สัตว์ในเทพนิยาย) ที่เดินทางมาอเมริกาเพื่อส่งวิญญาณป้าของฌอนไปสู่ปรภพ แล้วตามมาคอยปกป้องฌอนจากศัตรู ทั้งเรื่องก็ไม่ได้อธิบายว่า ทำไมต้องปกป้องฌอนด้วย เขาพิเศษหรือสำคัญยังไง เข้าใจว่าเคลียต้องเป็นคนดีนะ แต่เธอก็น่าจะมีภาระในชีวิตมากกว่านี้ นี่ยังไม่นับว่าภาระการเป็นแบนซีมันล่องลอยขนาดไหน (ทำหน้าที่ส่งวิญญาณ) แถมไม่มีพลังพิเศษประเภทโผล่มาอีกนะ ต้องนั่งเครื่องบินมาอเมริกาเพื่อส่งวิญญาณนี่นะ

ว่าไปแล้ว เล่มนี้มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรมากหรอกนะคะ เพียงแต่มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับแม็กซ์กับงานของเฮทเธอร์แล้วก็ว่าได้ ค่ะ เราให้โอกาส และติดตามซื้องานของเธอมาหลายปี ทั้งที่คุณภาพของมันไม่เหมือนกับงานในอดีต เธอไม่เหมือนเดิม แต่แม็กซ์ก็ยังเคยชินที่จะซื้อ และอ่านงานของเธออยู่เรื่อย แต่หลังจากอ่านเล่มนี้ (หรือชุดพี่น้องตระกูลฟรินน์) จบลง แม็กซ์คิดว่า ได้เวลาที่เราจะบอกลางานใหม่ของเธอแล้วล่ะ

เราชอบงานเก่าของเธอมากกว่า

สำหรับเล่มนี้คะแนนที่ 47

และมาถึงงานของนักเขียนอีกคน ที่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเฮทเธอร์หรอกนะ เพียงแต่แม็กซ์โยงเอาพวกเธอมาเกี่ยวกันเอง

No Escape ของแชนน่อน เค. บุทเชอร์

เช่นเดียวกับเล่มที่เพิ่งรีวิวไป เล่มนี้เป็นเล่มทีสามในชุดที่เล่าเรื่องราวของพระเอกที่เป็นอดีตทหารหน่วยเด ลต้า ฟอร์ซ แต่เท่าที่ติดตามข่าว คิดว่านี่คงไ่ม่ใช่เล่มสุดท้ายในชุดหรอกนะคะ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แม็กซ์ยินดีมาก (ตอนแรกได้ข่าวว่าคนแต่งหันไปเขียนเรื่องแนวพารานอมอล ก็นึกว่าเธอจะเลิกเขียนโรแมนติกสืบสวนซะแล้ว แต่เพิ่งรู้มาว่างานแนวนี้เล่มต่อไปของเธอจะออกขายเดือนตุลาคมปีนี้แหละ)

สำหรับคนที่สนใจชุดนี้ อ่านรีวิวที่เราเคยเขียนไปแล้วได้ที่นี่ค่ะ

เหตุผลใหญ่ที่ทำให้แม็กซ์เอาแชนน่อนไปเปรียบเทียบกับเฮทเธอร์ก็คือทิศทาง การเขียนหนังสือ เราอ่านเล่มแรกที่แชนน่อนเขียนแล้วไม่ประทับใจอะไรเลยนะคะ ตอนหยิบเล่มสองมาก็คิดว่ามันดีขึ้น แต่ไม่ถึงกับสนุกสุดยอด และเมื่อมาถึงเล่มนี้ มันอาจจะยังไม่ใช่หนังสือแนวโรแมนติกที่ดีมาก แต่มันเป็นการบ่งบอกว่า ฝีมือของแชนน่อนเริ่มเข้าฝัก และทำให้แม็กซ์อยากอ่านงานเล่มต่อไปของเธอขึ้นมาทันที เพราะเรารู้ว่า เธอยังจะพัฒนาไปได้อีกเยอะ

แกรนต์ เค้นท์ที่เพิ่งจะลาออกจากหน่วยเดลต้า ฟอร์ซ ตัดสินใจเดินทางกลับไปเมืองที่เขาเคยอาศัยอยู่สมัยเด็ก เพื่อเยี่ยมเยียนอิซาเบลเพื่อนเก่า ซึ่งเพิ่งทิ้งข้อความประหลาด ๆ ในโทรศัพท์ของเขา อิซาเอลเตือนเขาถึงเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้น แม้เธอจะไม่ได้บอกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตราย แกรนต์ก็รับรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

และมันก็จริง เพราะ อิซาเบลค้นพบว่า บรรดาเด็ก ๆ ที่เคยอาศัยอยู่กับเธอสมัยที่ยังเป็นเด็กกำพร้าด้วยกัน ตายลงทีละคน ปัญหาก็คือ การตายของทุกคนถูกระบุว่าเป็นการฆ่าตัวตาย จริงอยู่ชีวิตในบ้านที่เหล่าเด็กกำพร้าต้องอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของชายผู้ โหดร้าย ไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำ แต่อิซาเบลก็ไม่คิดว่า ทั้งหมดจะพร้อมใจกันทำร้ายตัวเองเช่นนั้น

แกรนต์ศึกษาข้อมูลของอิซาเบล และเห็นด้วย เขาตัดสินใจเลื่อนกำหนดการออกเดินทางไปทำงานให้กับเพื่อนที่เปิดบริษัทรักษา ความปลอดภัย (พระเอกเล่มหนึ่ง) และอยู่กับอิซาเบลเพื่อช่วยเธอสืบหาความจริง เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในเด็กกำพร้าเหล่านั้นเช่นกัน

แต่แล้วเมื่ออิซาเบลนัดหมายเพื่อนเด็กกำพร้ามาพบ และเตือนถึงอันตราย เพื่อนคนนึงซึ่งรับปากว่าจะหนีออกนอกเมือง ก็ตายไปอีกคน และคราวนี้แกรนต์กลายเป็นผู้ต้องสงสัย

พล็อตเรื่องของเล่มนี้สอบผ่านค่ะ น่าสนใจมาก เสียอย่างเดียวตรงที่แชนน่อนเฉลยตัวผู้ร้ายเร็วมาก (ตั้งแต่ร้อยหน้าแรก) ซึ่งถ้าเธอเก็บเป็นความลับ แล้วให้คนอ่านคาดเดาเอง มันคงน่าสนใจกว่านี้มาก เพราะเราคิดว่า ตัวตนของผู้ร้ายเดาได้ยากพอควร

แกรนต์ซึ่งเป็นตัวละครที่ออกมามีบทในสองเล่มแรก ก็ยังคงบุคลิกความเป็นตัวเขาเองไว้ครบถ้วน เขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่พิชิตใจสาวนับร้อย แต่อิซาเบลเป็นเพื่อนที่เขาไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาคิดไปไกลเกินกว่าแค่คืนเดียว เช่นเดียวกับพระเอกโรแมนซ์ส่วนใหญ่ แกรนต์มีปัญหากับความผูกพัน เขาไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นพ่อและสามีที่ดีได้ เพราะพ่อของเขาเองก็ละทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังเด็ก แกรนต์็ไม่ต้องการให้อิซาเบลเอาชีวิตมาผูกกับเขา ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นเสาหลักให้เธอได้นานแค่ไหน ก่อนที่จะออกลายเหมือนที่พ่อของเขาเป็น

ดังนั้นแม้จะรู้แล้วล่ะว่า รักอิซาเบล เขาก็ยินดีที่จะปล่อยเธอไปให้มีความสุขกับผู้ชายที่เหมาะสมกับเธอมากกว่า

พระเอกโรแมนซ์มาก โชคดีนะคะที่แกรนต์ทำตามคำพูดของตัวเองไม่ได้

ส่วนอิซาเบลก็เหมือนนางเอกโรแมนซ์เช่นกัน ที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรดีพอที่จะดึงดูดใจแกรนต์ไว้กับเธอได้ คนที่เดินเข้ามาในชีวิต ก็ล้วนทิ้งเธอไปทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายทิ้งแกรนต์ก่อน

และก็โชคดีเช่นกัน ที่พระเอกคิดได้เร็วว่า ตัวเองต้องการนางเอกแค่ไหน

ในแง่ของตัวละคร แม็กซ์ยังไม่คิดว่ามีอะไรใหม่ พระเอกและนางเอกยังเป็นสูตรสำเร็จตัวละครอยู่ดี แต่เมื่อนำมารวมกันกับพล็อต เราให้คะแนนสอบผ่านค่ะ เพราะเข้าองค์ประกอบกันได้ดีมาก ทำให้เรื่องน่าสนใจ และน่าติดตามตลอดทั้งเล่ม ทั้งที่หนังสือก็หนากว่าสี่ร้อยหน้า

แต่ (สปอยล์) สงสารตัว ละครรองตัวนึงมากเลยล่ะ ถูกผู้ร้ายคนนึงซ้อมปางตาย เข้ารพ.หนักอยู่หลายวัน พอออกมาก็โดยผู้ร้ายอีกคนเอาปืนยิง ไม่เข้าใจว่า คนเราทำไมมันซวยขนาดนี้นะ

คะแนนที่ 73

หนังสือสองเล่มแนวเดียวกัน ที่เขียนโดยนักเขียนสองคน เล่มนึงคงจะเป็นเล่มสุดท้ายของนักเขียนคนนี้ที่เราจะซื้อ ส่วนอีกเล่มเป็นนิมิตหมายอันดีว่าเราได้เจอกับนักเขียนที่น่าจะมีอนาคตไกล เข้าให้แล้วล่ะ

No comments: