แม็กซ์เคยบอกหลายครั้งแล้วว่า ไลน์ของฮาร์ลิควินที่แม็กซ์ชอบอ่านมากที่สุดก็คือ ซิลลูเอ็ต โรแมนติก ซัสเพนส์ หรือที่มีชื่อเิดิมว่าซิลลูเอ็ต อินทิเมต โมเม้นต์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราก็เริ่มรู้สึกถึงคุณภาพที่ตกต่ำลงของหนังสือไลน์นี้ เหตุผลนึงก็เป็นเพราะนักเขียนที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับไลน์นี้ ปัจจุบันล้วนโด่งดัง และผันตัวเองไปเขียนซิงเกิ้ล ไทเทิ่ลกันหมด ทำให้ไลน์จำเป็นต้องสร้างนักเขียนขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมด และนั่นไม่ใช่ข่าวดีเลย เรพาะเท่าที่แม็กซ์อ่าน นักเขียนใหม่ยังไม่มีคุณภาพที่เทียบเคียงกับนักเขียนหน้าเดิมได้ แต่นับวันนักเขียนที่แม็กซ์ชอบ ก็ทิ้งไลน์นี้ไปกันเป็นว่าเล่น
บอกตามตรงค่ะ ทุกวันนี้ที่อ่านหนังสือของไลน์นี้อยู่ ก็เพราะนักเขียนหน้าเดิมที่เราเคยชอบเท่านั้นเอง
More Than a Hero ของมาริลีน แพพพาโน่
มาริลีน แพพพาโน่เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยังไม่ทิ้งไลน์นี้ไป แม้จะเขียนให้กับไลน์นี้มานานเป็นสิบปีแล้ว (เหตุผลที่แม็กซ์วิเคราะห์ตรง ๆ ก็คือ เธอยังไม่ประสบความสำเร็จในการผันตัวเองไปเขียนซิงเกิ้ล ไทเทิ่ลได้)
หนังสือของเธอแม็กซ์จัดให้อยู่ในประเภทที่เราคิดขึ้นเองว่า Emo นั่นคืออารมณ์ในเรื่องจะลึกซึ้งและรุนแรง บีบหัวใจแม็กซ์นัก และเล่มนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เจค นอร์ริสซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังด้านการเขียนสารคดีเกี่ยวกับอาชญากรรม เข้าไปขอพบและสัมภาษณ์วุฒิสมาชิกริออแดนเกี่ยวกับคดีที่เขาเป็นอัยการและ ฟ้องร้องเอาผิดชาร์ลีย์ เบเกอร์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
เจคซึ่งหนังสือเล่มสุดท้ายของเขาทำให้นักโทษผู้ถูกพิพากษาเอาผิดสามารถ รื้อฟื้นคดี และออกมาจากคุกได้ มีความเชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าชาร์ลีย์ไม่ใช่คนร้ายในคดีฆาตกรรมโหดสองสามี ภรรยาที่เกิดขึ้น แต่การค้นหาความจริงหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกว่ายี่สิบปีไม่ใช่เรื่อง ง่าย โดยเฉพาะเมื่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองทั้งสี่คน ต่อต้านเขาเต็มที่
คดีของชาร์ลีย์ เบเกอร์ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคดีของเขาได้ดี อัยการผู้ฟ้องคดีเอาผิดชาร์ลีย์กลายเป็นนักการเมืองผู้มีอนาคตไกล ทนายความของชาร์ลีย์ผู้ทำคดีได้อย่างบกพร่องและห่วยแตกกลายเป็นทนายความชื่อ ดัง ผู้พิพากษากลายเป็นหนึ่งในผู้พิพากษาศาลสูงแห่งรัฐ ส่วนนายอำเภอผู้จับตัวชาร์ลีย์ก็กลายเป็นฮีโร่คนดัง ทุกคนได้ดี ยกเว้นชาร์ลีย์ที่ต้องโทษติดคุกตลอดชีวิต
การมาของเจคทำให้เรื่องที่ควรเป็นอดีตตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่เป็นที่ต้อนรับ และโดนขัดขวางทุกย่างก้าวที่เขาสืบหาข้อมูล คนเดียวที่ช่วยเหลือเขากลับกลายเป็นคนที่ีไม่คาดคิด เธอคือ ไคลี่ ริออแดน ลูกสาวของท่านวุฒิสมาชิกนั่นเอง
ไคลี่ไม่คิดว่าพ่อผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ของเธอจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ยิ่งเจคขุดลงลึกมากเท่าไหร เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่อาจปล่อยให้ความไม่ยุติธรรมอันนี้คงอยู่ต่อไปได้ เธอต้องเลือกข้างระหว่างพ่อผู้อยู่กับเธอมาตลอดชีวิต และเจค ผู้ชายที่เพิ่งพบได้ไม่กี่วัน
แม็กซ์ชอบเรื่องนี้ หลายครั้งที่เราอ่านหนังสือในแนวโรแมนติค สืบสวน การแบ่งเวลาระหว่างความโรแมนซ์ กับการสืบสวนทำได้ไม่ดีนัก หลายครั้งแม็กซ์รู้สึกว่าตัวละครตกหลุมรักกันในเวลาที่ไม่เหมาะไม่ควร (กำลังตามล่าคนร้ายอยู่ จู่ ๆ พระเอกกะนางเอกก็จูบกันยังงี้) แต่ในเล่มนี้ทุกอย่างลงตัว และที่มากกว่านั้น เล่มนี้ทำให้แม็กซ์เชื่อในเรื่องรักแรกพบ
ทั้งเจค และไคลี่รู้มีแรงดึงดูดบางอย่างระหว่างกัน แม้จะรู้ว่ามันไม่เหมาะสม รู้ว่าทั้งคู่ควรจะเป็นศัตรูกันมากกว่า (โดยเฉพาะเมื่อความจริงก็คือ เจคเป็นลูกชายของชาร์ลี่ย์) แต่ทั้งสองไม่ออกเดินออกไปจากชีวิตกันและกันโดยไม่ทำความรู้จักกันให้ มากกว่านี้ได้
แม็กซ์ชอบไคลี่ ชอบที่เธอเข้มแข็ง และ (สปอยล์) กล้า ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับพ่อของตัวเองเพื่อความถูกต้อง แม้เธอจะเป็นลูกที่ดีมาตลอดชีวิต แต่เมื่อพ่อของเธอก้าวข้ามเส้นความถูกต้องดีงาม ไคลี่ก็กล้าหาญพอที่จะลุกขึ้นและชี้นิ้วไปที่พ่อของตัวเอง
แม้กระทั่งฉากที่เจคเลือกที่จะไม่เชื่อใจไคลี่ก็ยังไม่ทำให้ความสนุกในเล่ม นี้ของแม็กซ์ลดน้อยลง ทั้งที่ปกติเราจะเป็นคนที่ไม่ชอบมาก ๆ กับการที่ตัวเอกไม่เชื่อใจกันและกัน แต่เหตุผลของเจคทำให้เรายังโอเคกับประเด็นนี้นะคะ
คะแนนที่ 70
Killer Temptation ของนีน่า บรันท์ส
นีน่า บรันท์สเป็นนักเขียนของไลน์อีกคนที่แม็กซ์ชอบอ่านค่ะ แม้ว่าเธอยังมีปัญหาในการรักษาระดับฝีมือการเขียนให้คงเส้นคงวาอยู่ (หมายความว่า เราอาจอ่านเรื่องที่สนุกมาก ๆ หรือห่วยมาก ๆ ก็ได้) ข่าวดีก็คือเธอได้รับสัญญาจากสนพ.เบิร์คเลย์ให้เขียนเรื่องแนวโรแมนติค ซัสเพนส์ ถึงสามเล่มซึ่งจะออกขายกลางปีหน้า และแม็กซ์ก็ตั้งหน้าตั้งตารออ่านค่ะ แม้ว่าเล่มนี้จะไม่ได้เรื่องเลยก็ตาม
Killer Temptation เป็นหนังสือเล่มแรกในชุดสามเล่มกล่าวกับเจ้าหน้าที่ของบริษัทท่องเที่ยวที่ ถูกส่งมายังหมู่เกาะแถบทะเลใต้เพื่อสำรวจรีสอร์ท และสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อใช้ในการเขียนรีวิว แต่พวกเธอทั้งสามต่างมาพบกับฆาตกรต่อเนื่องที่ออกล่าเหยื่อแถวนั้นพอดี
โซอี้ คอนราดเพิ่งได้รับงานที่ต้องเดินทางออกนอกอเมริกาเป็นครั้งแรก และหน้าที่ของเธอก็คือประเมินความเหมาะสมของรีสอร์ทที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ในฟิจิ ซึ่งเป็นของฌอน กัธทรีย์ ทั้งสองได้พบกันโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร สานสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง ก่อนที่ฌอนจะถูกกล่าวหาโดยตำรวจบนเกาะว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าสองสามีภรรยาซึ่ง เป็นลูกค้าเช่าเรือของฌอนไป แล้วไม่นำกลับมาคืน (ซึ่งทำให้ฌอนต้องออกตามหา และกล่าวคำขู่สองคนนั้นไป)
และเมื่อดูทีท่าแล้วว่าตำรวจคงจะไม่ออกหาตัวฆาตกรที่แท้จริงแน่ ๆ โซอี้และฌอนจึงร่วมมือกันออกตามล่าคนผิดด้วยตัวเอง
คำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ มันไม่น่าสนใจเลย พล็อตเรื่องมีช่องโหว่เต็มไปหมด ความรักระหว่างโซอี้และฌอนก็ดูฝืน ๆ พิกล อ่านแล้วเราไ่ม่เชื่อว่าสองคนนี้จะมีใจให้ต่อกันหรือปิ๊งกันหรอกนะ และนี่เองทำให้เราไม่เชื่อว่าโซอี้จะเอาชีวิตไปเสี่ยงช่วยฌอนออกตามหาฆาตกร ทำไมเธอต้องช่วยเหลือผู้ชายที่เพิ่งกันได้ไม่กี่วันด้วยล่ะ
แล้วยังการสืบสวนอีก ถ้าจะเรียกว่าเป็นการสืบสวนนะ เพราะมันไม่น่าเชื่อ และดูจะเป็นที่โชคมากกว่าที่ตัวเอกหาผู้ร้ายเจอ และที่ยิ่งไปกว่านั้น พล็อตฆาตกรนี่ก็ดูเป็นส่วนเสริมเข้ามา ไม่เข้ากับเรื่อง เหมือนกับคนแต่งโดนบังคับโดยบรรณาธิการว่าให้มีผู้ร้ายนะโว้ย (ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นยังงั้นแหละ เพราะเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งในชุดสามเล่มที่เขียนโดยนักเขียนสามคน คนที่วางพล็อตคร่าว ๆ จริง ๆ แล้วก็คือบรรณาธิการ ไม่ใช่คนแต่ง)
เล่มนี้เราอภัยให้กับนีน่า และยกให้เป็นความผิดของหนังสือที่เป็นชุดแต่ใช้นักเขียนหลายคนเขียนเรื่องใน ชุดค่ะ นี่เป็นปัญหาที่แม็กซ์เจอเสมอเวลาอ่านเรื่องที่เป็นชุดแนวนี้ นั่นเพราะนักเขียนไม่อาจควบคุมทุกจุดในเรื่องของตัวเองได้ ต้องเขียนและเพิ่มพล็อตบางอย่างเผื่อไว้กับเล่มต่อไป ซึ่งเธอไม่ได้เป็นคนเขียน
มันเป็นเล่มเปิดตัวของชุดที่ไม่เวิร์ค ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจนะคะีที่แม็กซ์ไม่ได้อ่านเรื่องชุดนี้ต่อ คะแนนที่ 40
The Dark Side of Night ของซินดี้ ดีส์
แม็กซ์เคยบอกรึยังว่าตัวเองชอบพระเอกที่มีเชื้อสายรัสเซีย (เพราะเคยไปรัสเซียแล้วเจอหนุ่มรัสเซียที่ยังอยู่ในใจมาจนถึงทุกวันนี้) ทำให้เวลาอ่านเรื่องที่ปกหลังแล้วเจอพระเอกที่มีชื่อออกแนวออฟ, โรฟ, หรืออะไรที่เสียงใกล้เคียงกับชื่อของคนรัสเซีย เราก็มันจะอดใจซื้อมาอ่านไม่ได้
และนี่ก็คือเหตุผลที่ซื้อเล่มนี้มาอ่าน
แต่พระเอกในเล่มนี้ไม่ใช่คนรัสเซียนหรอกนะคะ แต่เป็นสายลับชาวอเมริกัน
เรื่องเปิดตัวได้อย่างน่าตื่นเต้นเมื่อสายลับพระเอกของเรานามมิชต์ เพรอฟสกี้หนีตายจากกับดับที่ถูกวางไว้ เขาติดต่อกับฐานปฏิบัติการและได้รับคำแนะนำให้หนีเข้าไปในบ้านพักตากอากาศ ของท่านวุฒิสมาชิคชาวอเมริกัน คนนึง เพื่อใช้เรือของท่านในการหลบหนี (ซึ่งเหลือเชื่อมากกว่าในเวลาคับขันอย่างนั้น ฐานปฏิบัติการสามารถต่อโทรศัพท์ของวุฒิสมาชิคได้ทันพอที่จะขออนุญาตก่อนให้ มิชต์ใช้เรือได้)
สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือ คินซีย์ลูกสาวของท่านวุฒิสมาชิคอยู่บนเรือลำนั้น เพราะหลังจากมีภาพเปลือยของเธอโชว์หราอยู่ในอินเตอร์เน็ต คินซีย์ก็หลบมาเลียแผลที่นี่ โดยไม่บอกบิดา ทำให้เมื่อมิชต์ขึ้นเรือจึงได้คินซีย์ติดไปด้วย (บอกตามตรงว่าพล็อตนี้เหมือนเรื่อง Lola Carlyle reveals all ของราเชล กิ๊บสันมาก)
นั่นยังไม่เท่าไหรนะคะ สิ่งที่ทำให้เล่มนี้ดิ่งลงเหวสำหรับแม็กซ์ก็คือฉากต่อมา เมื่อมิชต์ติดต่อกลับฐานได้ และรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น คนที่เขาเดินทางไปเพื่อพบไม่มาตามนัด และมีนักฆ่าโผล่มารอเขาอยู่ มิชต์ยังคิดว่าเขายังสามารถกู้สถานการณ์นี้ได้ เขาเสนอแผนการเอาตัวคินซีย์เข้าไปยุ่ง โดยให้เธอเล่นบทนักท่องเที่ยวไร้สมอง เพื่อที่จะลับลอบนำตัวเขาเข้าไปในคิวบา เพื่อพบกับแหล่งข่าว
วินาทีนั้นแม็กซ์ก็คิดนะ WTF (ไม่แปลเพราะไม่เหมาะสม) มันบ้าอะไรกันวะ เราเข้าใจนะคะว่า คนแต่งต้องหาเหตุให้พระเอกและนางเอกใกล้ชิดกัน แต่อยู่ดี ๆ จะให้พระเอกซึ่งเป็นสายลับมืออาชีพนับสิบปี คิดจะเอานางเอกที่ดูภายนอกก็เห็นว่ามีแต่เรื่องอื้อฉาว และเป็นลูกรักของวุฒิสมาชิก ผู้หญิงคนที่ตลอดชีวิตไม่เคยทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เข้ามาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการ และบอกเลยนะคะว่า สถานการณ์ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินหรือเฉพาะหน้า ชนิดที่นางเอกต้องเล่นละครตามบทเพราะถูกบีบบังคับด้วยข้อจำกัด
ไม่ใช่เลย มิชต์มีเวลาพาิคินซีย์กลับฐานปฏิบัติการ พาไปเอาอุปกรณ์ไฮเท็คมาเป็นเครื่องช่วย เราไม่เข้าใจว่า ทำไมมิชต์ถึงไม่เลือกสายลับสาวคนอื่นที่อยู่ในฐานนั้น (ถ้าเขามีเวลาขนาดกลับฐานได้ ก็ไม่น่าเอานางเอกมาเกี่ยวข้อง) ไม่มีอะไรในเรื่องสนับสนุนการตัดสินใจของมิชต์ในการเอาคินซีย์เข้าไปเกี่ยว กับปฏิบัติการ โดยเฉพาะเมื่อเขาย้ำอยู่ตลอดเรื่องว่า เขาต้องออกตามล่าคนร้ายคนนี้ เพราะคนคนนี้ได้เห็นหน้าคินซีย์แล้วทำให้เธออยู่ในอันตราย หลักเหตุผลก็คือ เขาต้องปกป้องเธอด้วยการเอาเธออยู่ห่างจากคนร้ายคนนี้ให้มากที่สุด ไม่ใช่พาเธอไปคิวบาเพื่อเผชิญหน้ากับเขา
จริงอยู่ว่า เพราะความเป็นนางเอกทำให้คินซีย์กลายสภาพเป็นสายลับได้ชั่วข้ามวัน แต่มันไม่น่าเชื่อ และยิ่งไม่น่าเชื่อเข้าไปใหญ่เมื่อ (สปอยล์) มิชต์โดนจับแล้วกลายเป็นคินซี่ย์ที่เข้าไปช่วยเขา โอเคมันทำให้นางเอกของเราดูไม่โง่ขนาดสมควรตาย แต่มันไม่น่าเชื่อ
มันไม่น่าเชื่อ ได้ยินกันทั่วรึยังคะ
คะแนนก็เลยอยู่ที่ 30
No comments:
Post a Comment