Industrial Magic by
Kelley Armstrong My rating:
4 of 5 stars อารมณ์อยากอ่านงานของเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์ยังมาแรงค่ะ เพราะหลังจากจบเรื่อง Bitten ไป ก็เกิดแรงฮึดไปหยิบเอาเรื่อง Industrial Magic มาอ่านอีกรอบ (ด้วยจุดประสงค์เดียวจริง ๆ ก็คือ อยากอ่านฉากที่เจมี่ เวกัสได้พบกับเจรามี่เป็นครั้งแรก) แต่พออ่านไปก็ทำให้เราทึ่งกับความสามารถของนักเขียนคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
นั่นเพราะว่า เธอสามารถเขียนตัวละครที่มีบุคลิกแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเพจซึ่งเป็นคนที่เล่าเรื่องราวในเล่มนี้ เธอไม่มีอะไรเหมือนกับเอเลน่าเลย เพจเป็นแม่มดสาวที่อยู่ระหว่างการค้นหาตัวเอง มารดาของเธอซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มแม่มดเสียชีวิตลงในระหว่างที่ถูกจับคุมขัง (เหตุการณ์ใน Stolen) นั่นทำให้เพจได้รับสืบทอดตำแหน่งมา แต่เพจก็ได้มาเพียงแค่ตำแหน่ง เธอไม่ได้รับการยอมรับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวคิดของเธอไม่ใช่แม่มดที่รักสันติและเอาหัวมุดทรายเพื่อหนีปัญหา
เพจเชื่อในการใช้เวทมนตร์ด้านเทาเพื่อต่อสู้กับอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของเหล่าพ่อมด ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มเรียกตัวเองว่า คาบาล นั่นทำให้เพจตัดสินใจเดินหันหลังให้กับกลุ่มแม่มดที่แม่ของเธอเคยเป็นหัวหน้า และเริ่มต้นสร้างกลุ่มของตัวเอง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย และท้าทายความมั่นใจในตัวสาวน้อยคนนี้เสมอ
เช่นเดียวกัน ตัวเอกฝ่ายชายในเล่มนี้ ซึ่งก็คือลูคัส คอร์เตซก็คือด้านตรงข้ามกับเคลย์ ลูคัสเป็นลูกนอกสมรส และเป็นลูกชายคนสุดท้ายของหัวหน้ากลุ่มคาบาลที่ใหญ่ที่สุด เขาใช้ชีวิตวัยหนุ่มทุ่มเทให้กับการต่อสู้กับการครอบงำของคาบาลต่อสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่ด้อยทางสู้ แต่ลูคัสไม่เหมือนเคลย์ เขาเป็นชายหนุ่มที่ถ้าไม่มองให้ดี แทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ลูคัสต้องการให้เป็น
และแม้จะเป็นตัวละครด้านที่ตรงข้ามกันอย่างมาก แต่ทั้งเพจและลูคัสก็มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง ซึ่งทำให้หนังสือเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังสือชุดนี้ที่แม็กซ์ชอบมากที่สุดเล่มนึงเลยล่ะ
Industrial Magic ของเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สี่ในชุด Otherworld แต่เป็นเล่มที่สองที่เล่าเรื่องโดยเพจ แม็กซ์ไม่ค่อยชอบอ่านเล่มแรกที่เพจเป็นคนเล่าเรื่องมากนัก (เล่มสามในชุดเรื่อง Dime store Magic) แต่สำหรับเล่มนี้ ถูกใจค่ะ
เพจผู้ซึ่งละทิ้งกลุ่มแม่มดของมารดามาตั้งกลุ่มของตัวเอง ปัญหาก็คือ เพจไม่อาจหาแม่มดคนไหนมาเข้าร่วมกลุ่มได้ นั่นเพราะแนวคิดของเธอแหวกแนวมากเกินไป เธอคิดที่จะต่อสู้กับคาบาล และใช้เวทมนตร์ของพ่อมด เธอไม่เชื่อในการรักสันติ หากนั่นหมายถึงการวิ่งหนีปัญหาอย่างที่แม่มดส่วนใหญ่ทำกัน เพราะมันทำให้แม่มดกลายเป็นกลุ่มที่อยู่ต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร
ในขณะที่อิทธิพลของคาบาลเพิ่มพูนสูงขึ้น น้อยคนนักที่จะกล้ายืนขึ้นและท้าทายอำนาจของกลุ่มพ่อมดที่ทำตัวเหมือนมาเฟีย ไม่ใช่สิ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับมาเฟีย คนกลุ่มนั้นเป็นเพียงเด็กอนุบาล ในขณะที่คาบาลคือบริษัทข้ามชาติผู้ทรงอำนาจ และกอบโกยผลประโยชน์ทุกอย่าง
ลูคัส คอร์เตซคือขบถ เขาเดินออกจากแผนการที่ผู้เป็นบิดาวางไว้ให้ เขาอาจจะเป็นคนที่เบนิซิโอ คอร์เตซ ผู้นำแห่งคอร์เตซคาบาล เลือกให้เป็นทายาท แต่ลูคัสไม่เคยต้องการอะไรจากผู้เป็นบิดา เขาเป็นทนายความที่ว่าความให้กับคนที่ถูกคาบาลเล่นงาน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใด ก็แทบจะไม่มีใครเชื่อในความจริงใจของเขา
ทุกคนคิดว่า ในท้ายที่สุดแล้วลูคัสก็จะเลิกเล่นเกมส์ และกลับไปซบอกคาบาลของผู้เป็นบิดา
ดังนั้นการจับคู่กันเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเพจ และลูคัสไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนเห็นด้วย แต่มันก็เกิดขึ้น (เหตุการณ์ในเรื่อง Dime store magic) และในแง่นึงมันเป็นความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบ เพราะทั้งสองเข้าใจในกันและกันอย่างที่ไม่มีใครเคยเข้าใจพวกเขา
นั่นทำให้เพจเข้าใจว่า ทำไมลูคัสถึงยังได้รักเบนิซิโอยิ่งนัก แม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคาบาล ความสัมพันธ์ระหว่างลูคัส และเบนิซิโอเป็นเรื่องซับซ้อน เพราะแม้ลูคัสจะหันหลังให้กับทุกอย่างที่เบนิซิโอเสนอให้ แต่หัวหน้าคาบาลคนนี้ก็รักลูกชายของเขาเป็นที่สุด (และนี่คือจุดที่ดีที่สุดในเรื่องนี้)
ฆาตกรต่อเนื่องกำลังออกอาลวาด และเหยื่อของมันก็คือ กลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เป็นลูกชายลูกสาวของพนักงานที่ทำงานให้กับคาบาล เพจถูกข้อร้อง (แกมบังคับ) โดยเบนิซิโอให้เดินทางไปฟลอริด้าเพื่อสืบหาความจริง ไม่มีใครรู้ว่า เจตนาที่แท้จริงของเบนิซิโอคืออะไร เขาอาจจะทำเช่นนี้เพราะ รู้ว่า ไม่ว่าเพจจะไปที่ใด ลูคัสจะต้ัองติดตามเธอไป และการล่อให้เพจมา ก็คือการทำให้ลูคัสกลับบ้าน
แต่เมื่อทั้งคู่พัวพันเข้าไปในคดี ก็ต้องพบว่ามีบางอย่างที่มากกว่า บางสิ่งที่น่ากลัว และโลกหลังความตายสำหรับสิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์
อย่า่งที่บอกนะคะ ตัวละครเอกในเรื่องนี้มีความแตกต่างไปจากเรื่องราวใน Bitten อย่างมาก ในแง่ของความหวานแล้ว เล่มนี้ก็หวา่นกว่าเยอะเลยค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเพจไม่มีความหลังและความโกรธฝังใจ นั่นทำให้เธอยอมเปิดใจตัวเองได้เร็วกว่า ในขณะเดียวกันลูคัสก็น่ารักมาก ๆ เขาเป็นแบบฉบับของชายหนุ่มที่ดูไม่น่าสนใจ แต่ยิ่งอ่านไป เขากลับเปล่งพลัง และกลายเป็นตัวละครที่คุณไม่อาจละสายตาได้เลย (และแม็กซ์ชอบมาก ๆ ที่เขากลายเป็นเพื่อนรักของเคลย์ --- ถ้าเคลย์จะมีเพื่อนสักคนนะ)
แม็กซ์ชอบประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างลูคัส และเบนิซิโอ ซึ่งประเด็นนี้ดำเนินต่อเนื่องมาอีกหลายเล่ม (และถูกพูดถึงอย่างจริงจังอีกครั้งใน Personal Demon) มันซับซ้อน และกินใจไปพร้อมกัน ลูคัสไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้เป็นบิดาเป็น แต่นั่นไม่ได้ตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เบนิซิโอคือพ่อที่เขารักเสมอ ในขณะเดียวกันเบนิซิโอก็ยกย่องลูคัสในความกล้าที่จะเดินจากทุกสิ่งเพื่อความเชื่อของตัวเอง และนั่นทำให้ลูคัสเหนือกว่าพี่ชายอีกสามคนของเขา
ถ้าให้พูดถึงหนังสือในชุดนี้ทุกเล่ม แม็กซ์รู้สึกว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่มีความหวานมากที่สุดนะคะ เรารู้สึกถึงความแข็งแกร่งในความสัมพันธ์ระหว่างเพจและลูคัส เชื่อในบทสรุปที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้แล้ว เล่มนี้ยังเป็นเรื่องที่พล็อตน่าอ่านมากที่สุด แม็กซ์คิดกับหนังสือชุดนี้เสมอว่า เป็นเรื่องที่คาแร็คเตอร์นำทางคนอ่าน นั่นก็คือ พล็อตเรื่องไม่มีความสำคัญเลยด้วยซ้ำ คาแร็คเตอร์ต่างหากที่คือหัวใจของเรื่อง เราอ่านเพราะอยากรู้เรื่องของพวกเขา แม้จะเป็นชีวิตประจำวันที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยก็ตาม แต่พล็อตของเล่มนี้น่าสนใจ และทำให้เกิดความคิดในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องชีวิตหลังความตายของแวมไพร์ (นั่นเพราะถือกันว่า แวมไพร์ได้ตายไปแล้ว เมื่อกลายเป็นแวมไพร์ แต่ถ้าหากแวมไพร์ตายไป พวกเขาจะไปอยู่ไหนกัน)
เล่มนี้เป็นอีกเรื่องที่แนะนำให้อ่านกันค่ะ โดยเฉพาะคนที่ไม่แน่ใจว่าจะรับกับความดิบของเคลย์ได้มากน้อยแค่ไหน
คะแนนที่ 80
View all my reviews
No comments:
Post a Comment