Tuesday, August 27, 2013

Review: Skin Dive


Skin Dive
Skin Dive by Ava Gray

My rating: 3 of 5 stars



หนังสือชุดนี้เป็นหนังสืออีกชุดที่เราชอบมาก ๆ (เราชอบเล่มแรก Skin Game มาก ๆ) เพราะคิดว่าเป็นชุดที่มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจ มีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่าง และไม่ได้เป็นไปตามสูตร ซึ่งว่าไปแล้ว ในสามเล่มแรกในชุด ทั้งหมดตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้ และถือว่าเป็นหนังสือที่สนุกมาก ๆ ทั้งสามเล่ม

ดังนั้นจึงไม่ใช่ความผิดของเรานะคะที่คาดหวังกับงานเล่มนี้มาก ๆ แต่นั่นก็เหมือนกับการสร้างกับดักตัวเอง เพราะเมื่อคาดหวังสูง เวลาผิดหวังก็จะรู้สึกรุนแรงตามไปด้วยเช่นกัน

เล่มนี้ถือเป็นเล่มสุดท้ายในชุด และมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับเล่มสองในชุด (Skin Tight) มากยิ่งกว่าเล่มสาม (Skin Heat ซึ่งเราคิดว่า มีความเป็นเอกเทศของตัวเองมาก ๆ สามารถอ่านได้โดยไม่ต้องอ่านเล่มไหนในชุดเลยก็ได้) เพราะตัวละครทั้งพระเอกและนางเอกเป็นคาแร็คเตอร์ที่มีบทบาทพอสมควรในเล่มสอง อันที่จริงเหตุการณ์ในเล่มนี้เริ่มต้นในระหว่างเหตุการณ์ในเล่มสองด้วยซ้ำ

จิลลี เด็กสาวที่ตกเป็นนักโทษมาตลอดชีวิต ด้วยความสามารถพิเศษในการรักษาโรคร้ายได้ทุกชนิด แต่การรักษาของเธอก็มีผลพวงที่ร้ายแรง เพราะจะทำให้เธอเจ็บป่วยอย่างหนัก แม้จะไม่ได้ถึงกับเป็นโรคที่เธอใช้พลังรักษาให้หาย แต่ก็ทำให้เกิดแผลเป็นทั่วร่างกาย และกิลลีถือเป็นเครื่องมือหากินสำคัญของคนร้าย เพราะเธอเป็นตัวทำเงิน ใคร ๆ ก็อยากหายจากโรคที่รักษาไม่ได้

ตลอดชีวิตจิลลีอยู่อย่างโดดเดี่ยว จนกระทั่งวันนึงนักโทษคนใหม่ได้ถูกจับเข้ามา เทย์เป็นชายไร้บ้านที่มีพลังควบคุมกระแสไฟฟ้า ทั้งสองเริ่มต้นผูกความสัมพันธ์กัน และจากเหตุการณ์ใน Skin Tight ทั้งคู่แหกที่คุมขัง และหนีไปด้วยกัน

ตั้งแต่เริ่มต้นเรื่อง เห็นได้ชัดเจนว่า จิลลี และเทย์มีใจให้ต่อกัน ปัญหาสำหรับเราก็คือ คนแต่งพยายามยืดประเด็นนี้ออกไปให้นานที่สุด ด้วยการสร้างความขัดแย้งที่ไม่ควรมีในเรื่อง เริ่มต้นจากเทย์คิดว่า เขาไม่คู่ควรกับจิลลี พล็อตที่น่าเบื่อที่สุด จิลลีอาจจะอายุน้อย แต่ไม่ได้น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับเทย์ แล้วอะไรทำให้เทย์คิดว่า จิลลีสูงส่ง ไม่ใช่ว่า นางเอกไม่ใช่คนดี แต่เราไม่รู้สึกว่า สถานการณ์ที่ิเกิด หรือตัวตนของจิลลี จะทำให้เทย์ต้องเกิดความรู้สึกเหมือนจิลลีเป็นสาวน้อยเปราะบางต้องการการปกป้อง หรือสูงส่งเกินเอื้อม ความพยายามปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองของเทย์ ทำให้ช่วงแรกของเรื่องน่าเบื่อหน่ายมาก ๆ เราเสียใจนะคะที่ต้องใช้คำนี้ แต่มันแย่ขนาดนั้น

และเมื่อในที่สุดจิลลีก็ยั่วเทย์จนสำเร็จ เรื่องก็เริ่มเข้าสู่เฟสต่อไป (เรารู้สึกแบบนี้นะคะ เรื่องเหมือนแบ่งเป็นส่วน ๆ ไม่มีความเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันเลย) นั่นก็คือ ทั้งคู่ซึ่งกำลังหลบหนีการตามล่าจากกลุ่มคนร้ายที่อยากได้ตัวจิลลีไปใช้เป็นเครื่องมือต่อ ก็เข้าร่วมกับอีกขบวนการนึง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถพิเศษเหมือนทั้งสอง (คือเคยได้รับยาบางอย่างในวัยเด็ก ทำให้มีพลังพิเศษเหนือมนุษย์) เพื่อต่อต้านกลุ่มคนร้าย

ซึ่งเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้ เราก็ชะงัก เหตุผลหลักที่เราชอบเรื่องชุดนี้เพราะมันไม่ได้เป็นไปตามสูตรสำเร็จ แต่นี่สูตรสำเร็จมาแล้ว กลุ่มผู้พิทักษ์ทำงานรวมตัวกัน เพื่อนพ้องน้องพี่ (นึกถึงดาร์คฮันเตอร์ หรือ BDB) ไม่ได้เสียหายนะคะ แต่เรารักความสร้างสรรของชุดนี้น่ะค่ะ พอมาหาทางออกด้วยกลุ่มขบวนการอย่างนี้ ก็เลยเสียใจเล็ก ๆ

เราไม่รู้ว่า ตอนแรกคนแต่งมีแผนจะเขียนเรื่องชุดนี้ต่อรึเปล่า ถึงได้เปิดขบวนการ พร้อมสมาชิกหน้าใหม่หลายคน แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้เขียนต่อ เล่มนี้เลยนอกจากที่จะต้องสรุปเรื่องของจิลลี และเทย์แล้ว ก็ยังต้องพูดถึงขบวนการ (ที่เพิ่งกล่าวถึงในเล่มนี้) แล้วสรุปเรื่องของสมาชิกในขบวนการหลายต่อหลายคนที่เปิดตัวเอาไว้อีก ช่วงครึ่งหลังของเรื่องจึงเต็มไปด้วยความสับสน เพราะคาแร็คเตอร์ใหม่เยอะ แล้วเล่าแบบรวบรัดมาก

สำหรับเรานี่เป็นการปิดชุดที่ไม่สวยงามเลย เล่มนี้ไม่ได้เลวร้ายเมื่อเทียบกับหนังสืออีกหลายเล่มนะคะ แต่มันเทียบกับเล่มก่อนหน้าในชุดไม่ได้เลยน่ะค่ะ

ก่อนจบ เราพูดถึงความงี่เง่าของพระเอกรึยังคะ ตรรกะบ้า ๆ ของเขาที่คิดจะยอมตาย โดยที่ไม่บอกความจริงให้จิลลีรู้ว่า ตัวเองป่วยหนัก (จากการใช้พลัง) เพราะไม่อยากให้นางเอกเจ็บปวด (แค่เจ็บนะคะ ไม่ใช่ตาย) เลยทำให้เขาไม่ยอมสานความสัมพันธ์กับเธอ เลือกที่จะเดินจากไป ปัญญาอ่อนมาก ๆ

คะแนนที่ 63



View all my reviews

No comments: