-
Wednesday, August 28, 2013
Review: Tangled
Tangled by Emma Chase
My rating: 5 of 5 stars
ครั้งสุดท้ายที่เรารู้สึกแบบนี้กับหนังสือ ก็ย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่เราอ่านเรื่อง It had to be you ของซูซาน อลิซาเบ็ธ ฟิลลิปส์ (หนังสือที่เราคิดว่า สนุกมากที่สุดเล่มนึง) โดยเฉพาะในแง่ที่ว่า หนังสือเล่มนี้ทำให้เราอมยิ้ม หัวเราะเสียงดัง เอาหน้าซุกหมอน แล้วก็เสียน้ำตา หนังสือที่มีครบทุกรสในเล่มเดียวกันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ และเราก็อ่านหนังสือมานานนะคะ เจอหนังสือแบบนี้แค่ไม่กี่เล่ม
เมื่อคิดว่า เล่มนี้เขียนโดยนักเขียนหน้าใหม่ เพิ่งตีพิมพ์เล่มแรก ยิ่งทำให้เราทึ่งมากขึ้นไปอีก แต่ในขณะเดียวกันเราก็ไม่แปลกใจนะคะ เพราะความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ ความสดใหม่ โดยเฉพาะเทคนิคการเขียนที่ไม่ค่อยถูกนำมาใช้ในเรื่องแนวโรแมนซ์มากนัก
การเล่าเรื่องผ่านสายตาของพระเอก
ทั้งเล่มคือการมองโลกของดรูว์ หรือเราเรียกว่า The World According to Drew Evans เรื่องนี้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ คนแต่งไม่ได้รู้จักนางเอก ไม่ได้มองเห็นความรู้สึก หรือความนึกคิดของเธอ ซึ่งนี่เป็นเรื่องแปลกสำหรับเรื่องแนวโรแมนซ์ แต่ทั้งหมดนั่นก็คุ้มค่า เพราะเราได้ใช้เวลาอยู่กับตัวละครที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ดรูว์ เอเวนส์ไม่ใช่คาแร็คเตอร์ที่แปลกแหวกแนว ไม่ได้สร้างสรรอย่างที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนในหน้าหนังสือ อันที่จริงเขาเป็นคาแร็คเตอร์ตามสูตรสำเร็จมาก ๆ นายธนาคารผู้ประสบความสำเร็จ รูปหล่อ ร่ำรวย มาจากครอบครัวมีตระกูล เสเพล เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า จนกระทั่งวันนึงเขาได้พบกับหญิงสาวที่ขโมยหัวใจของเขาไปได้
ไม่มีอะไรใหม่ในพล็อตเรื่องนี้เลย แล้วก็ไม่มีอะไรใหม่ในการดำเนินเรื่อง มันก็คือเรื่องโรแมนซ์แนวปัจจุบันเล่มนึง
สิ่งที่ทำให้เล่มนี้แตกต่าง และเป็นเสน่ห์สำคัญของเรื่อง ก็คือการเล่าเรื่อง คนอ่านได้เห็นทุกอย่างผ่านมุมมองของดรูว์ และ เขาช่างเป็นคนที่พิเศษอะไรเช่นนี้
เราคิดว่า มีพื้นที่ในหัวใจของเราที่จะเป็นของผู้ชายคนนี้ตลอดไปนะคะ ไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือเล่มอื่น ได้เจอกับพระเอกที่สุดยอด หรือดีกว่านี้ (จริง ๆ ผู้ชายที่ดีกว่าดรูว์มีเยอะนะคะในหน้านิยาย) แต่เสียงของเขาในการเล่าเรื่อง มันเป็นเอกลักษณ์ มันน่ารัก มันทำให้เรายิ้มได้เพียงแค่คิดถึง
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่ต้องทดลองอ่านเองค่ะ เพราะอย่างที่เขียนไปทั้งหมด ไม่ได้มีอะไรใหม่ในพล็อตเรื่อง เราไม่รู้ว่า จะเขียนรีวิวยังไงที่จะทำให้เรื่องนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นกว่านี้ เพราะโดยตัวของเนื้อเรื่องเอง แม้จะเป็นเรื่องที่สนุก แต่ไม่มีอะไรเทียบกับดรูว์ได้
เราไม่รู้หรอกนะคะว่า แท้จริงแล้วผู้ชายคิดกันยังไง แต่ขณะที่อ่าน เราเชื่อจริง ๆ ว่า นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาคิด และมองโลกกัน เพราะมันแตกต่างจากมุมมองของเราเอง และเรื่องที่ใช้มุมมองนางเอกเป็นการดำเนินเรื่องมาก ดรูว์ซึ่งประสบความสำเร็จมาตลอดชีวิตไม่เก็บคำพูดสักนิดเดียวในการพูดถึงตัวเอง ลูกชายคนเล็กในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ เขาเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าคนในครอบครัว อาชีพที่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
และเมื่อเขาได้เจอกับเคท บรู๊ค พนักงานคนใหม่ คนที่พ่อ (ซึ่งเป็นเจ้านายของเขา) ฝากฝังให้ดูแล ซึ่งเป็นคนเดียวกับหญิงสาวที่เขาปิ๊งในบาร์ที่เจอกันเมื่อคืนวันศุกร์ก่อนหน้า ดรูว์ก็ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วว่า ยังไงก็จะต้องฟันสาวเจ้าให้ได้ เรื่องเริ่มตรงนั้น แต่มันไม่ใช่ทิศทางที่มันดำเนินไป เรื่องนี้ (เพียงช่วงเวลาเล็ก ๆ) ทำให้เรานึกถึงเรื่อง Beautiful Bastard แต่มันไม่ได้เป็นไปในทางนั้นหรอกค่ะ มันดียิ่งกว่านั้น
เพราะจากที่ปิ๊ง และหวังฟังเคท เธอก็กลายเป็นศัตรูคนสำคัญ เมื่อพ่อแทนที่จะเลือกเขา (ซึ่งเก่งกว่า ดีกว่า ยอดเยี่ยมกว่า) ให้เป็นผู้รับผิดชอบการนำเสนองานของลูกค้าคนสำคัญ พ่อ (พ่อของเขาแท้ ๆ นะ) กลับบอกให้เขา และเคทแข่งขันกันทำข้อเสนอ เพื่อดูว่า ใครสมควรจะได้รับงานไป
สงครามเริ่มขึ้น และมันฮามาก ๆ
เราขอบอกว่า หัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อดรูว์เปิดศึกด้วยการเป็นคนแรกที่มาทำงานในสำนักงาน (หลังจากพ่อชมว่า เคทมาทำงานเป็นคนแรก และกลับเป็นคนสุดท้าย) ดรูว์เอาบ้าง และวันต่อมา เคทก็เอาคืนด้วยการมาเช้ากว่า เรื่องมาลงเอยตรงที่ทั้งสองมาทำงานตอนตี่สี่ครึ่ง และแย่งกันขึ้นไปบนสำนักงานชั้นสี่สิบ และดรูว์คิดว่า ตัวเองจะเอาชนะด้วยการขึ้นบันได
มันมีฉากแบบนี้เยอะมาก และทำให้เราหัวเราะไป ยิ้มไป พระเอกช่างน่ารักมาก ๆ (น่ารักในความคิดอ่าน และการกระทำที่แสดงออก แม้ว่า การกระทำจะล่อแหลมไปบ้าง)
เราคิดว่าเล่มนี้เวิร์คเพราะเล่าเรื่องผ่านดรูว์ ถ้าเรื่องเล่าผ่านเคท เหมือนหนังสือเล่มอื่น ๆ ที่มักเล่าเรื่องผ่านนางเอก ความรู้สึกของเราคงจะเป็นอีกอย่าง (แต่ก็ไม่แน่นะคะ เพราะฝีมือคนเขียน เธอคงทำให้เรื่องน่าสนใจได้)
ทุกอย่างในเล่มนี้โดนใจเรามาก ๆ ความสัมพันธ์ของ The Bitch (ดรูว์เรียกพี่สาวด้วยชื่อนี้ จะไม่ขำได้ยังไง) และสามีของเธอซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของดรูว์ เราอ่านแล้ว นึกอยากให้คนแต่งเขียนเรื่องของทั้งสอง (อยากรู้ค่ะว่า ตอนจีบกันจะเป็นยังไง) แล้วยังหลานสาวสุดน่ารัก กับโถเก็บเงินที่พกติดตัวสำหรับเก็บเงินเวลาใครพูดคำหยาบ ลงตัวน่ารัก
มาถึงนางเอกกันบ้าง เราไม่ได้มองว่าเป็นข้อด้อยนะคะ แต่คนอ่านไม่ได้รู้จักเคทในด้านลึกมากนัก เพราะเรื่องเล่าผ่านสายตาของเขา และมันเป็นมุมมองของผู้ชายที่ให้ความสำคัญแตกต่างจากสิ่งที่ผู้หญิงอยากรู้ (ในตัวผู้หญิงกันเอง) แต่กระนั้นเราก็คิดว่า คนแต่งถ่ายทอดคาแร็คเตอร์ของเธอออกมาได้ดี เธอไม่ได้หลงเสน่ห์ดรูว์ในทันที และมีเกียรติพอที่จะห้ามใจ แม้จะเริ่มรู้ว่า มีอะไรบางอย่างระหว่างกัน แต่เพราะเธอหมั้นหมาย และใช้ชีวิตกับผู้ชายอีกคน ขนาดคาแร็คเตอร์ของแฟนเก่าของเคท เราก็ยังคิดว่าเขียนได้ดีเลยค่ะ เราชอบที่คนแต่งไม่ได้ทำให้เขาเป็นตัวร้าย เป็นแฟนจากนรกที่ทำให้ชีวิตของนางเอกเลวร้าย (แม้ว่าสายตาของดรูว์จะมองเขาแย่มาก แต่เราก็ยังรู้ว่า มีอะไรมากกว่านั้น)
ส่วนที่เราชอบ นอกจากมุมมองของดรูว์แล้ว (นี่คือสุดยอดของเรื่อง) ก็คือ การมองเห็นผู้ชายอีโก้สูงอย่างเขาตกหลุมรัก และเราเชื่ออย่างยิ่งว่ามันเป็นความรัก เขามองเคทจากความต้องการทางเพศ แต่เมื่อได้รู้จักเธอ ได้ใช้เวลาร่วมกัน เราเห็นความเปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่า เรารู้ว่า เขาตกหลุมรักก่อนเขาจะรู้ตัวเสียอีก
เราไม่เคยอ่านเรื่องเล่าจากมุมมองของตัวละครผู้ชายที่สนุก ตลก และโรแมนติกเท่ากับเรื่องนี้ ขอบอกว่าทึ่งไปกับคนแต่งคนนี้อย่างยิ่ง
เสียดายอย่างเดียวค่ะ เล่มสองจะถูกเล่าจากมุมมองของเคท เราคิดถึงดรูว์ซะแล้วล่ะ (แต่มั่นใจนะว่า คนแต่งจะต้องทำได้ดี)
คะแนนที่ 97
View all my reviews
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment