Sometimes a Rogue by
Mary Jo Putney My rating:
3 of 5 stars เป็นหนังสืออีกเล่มที่ไม่ได้รอคอยอะไรมากมาย เพราะสำหรับเรื่องชุดนี้แล้ว เราค่อนข้างรอคอยเรื่องของลอร์ดเคิร์คแลนด์ (ซึ่งจะเป็นหนังสือเล่มต่อจากเล่มนี้แล้วล่ะ) ดังนั้นเมื่อคนแต่งตัดสินใจเขียนเรื่องของคาแร็คเตอร์อื่นก่อน เราก็เลยเซ็งเล็ก ๆ แต่ครั้งสุดท้ายที่เรารู้สึกแบบนี้ ก็คือก่อนที่เราจะได้อ่าน No Longer a Gentleman ซึ่งเราคิดว่า เป็นงานที่ดีที่สุดของแมรี โจ พัทเนย์ในรอบหลายปีที่ผ่านมาเลย
กระนั้นเราก็พยายามบอกตัวเองไม่ให้คาดหวัง เราพยายามคิดแบบนี้นะคะกับนักเขียนที่เราชอบมาก ๆ ในอดีต เพราะเรารู้สึกว่า เวลาเปลี่ยน คนเราก็เปลี่ยน ไม่นับว่า เราในฐานะคนอ่านก็เปลี่ยนไปแล้ว คนแต่งก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ทำให้งานเขียนยุคใหม่อาจจะไม่ได้โดนใจเราเหมือนยุคอดีต มันเป็นเรื่องปกติค่ะ แต่ถ้ามันไม่ได้เลวร้ายขนาดรับไม่ได้ เราก็ยังตามอ่านงานของนักเขียนที่เราชอบมาก ๆ ในอดีตต่อไปนะคะ เพราะแม้จะเป็นเพียงเงาของความยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ก็เป็นเงาที่ใหญ่มากทีเดียว
ซาราห์ คลาก-ทาวเซนด์กำลังอยู่กับมารายห์พี่สาวซึ่งกำลังท้องแก่ในขณะที่คนร้ายบุกเข้ามา ด้วยไหวพริบและความรักในตัวพี่สาว ซาราห์ตัดสินใจเล่นละครเป็นมารายห์ เมื่อเห็นได้ชัดว่า คนที่คนร้ายต้องการตัวก็คือดัชเชสแห่งแอชตัน ซาราห์ถูกลักพาตัว และนำไปยังไอร์แลนด์ และด้วยจังหวะเหมาะพอดี ร็อบ คาร์ไมเคิลเดินทางมายังคฤหาสน์ของเพื่อนเก่าอย่างดยุคแห่งแอชตัน
ร็อบซึ่งทำงานให้กับสำนักงานโบว์สตรีทจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการออกตามหาซาราห์ และเขาก็ตามเบาะแสไปจนถึงไอร์แลนด์ ที่ซึ่งเขาช่วยเธอออกมาจากการคุมขัง แต่การหนีกลับไปยังอังกฤษเป็นเรื่องที่ยากกว่า
แต่ที่ยากที่สุดก็คงจะเป็นตอนที่กลับมาถึงอังกฤษแล้ว เมื่อโชคชะตาทำให้เรือที่ทั้งคู่โดยสารกลับมาอับปางลงตรงที่ดินที่ตระกูลของร็อบเป็นเจ้าของพอดี
เรายังไม่ขอพูดถึงความบังเอิญมากมายในเนื้อเรื่องนะคะ พูดถึงส่วนดีของเรื่องก่อน
เรื่องราวการตามหา และการหลบหนีจากคนร้ายของซาราห์ และร็อบทำให้เรานึกถึงหนังสือของแมรี โจ พัทเนย์ที่เราชอบมากที่สุด ซึ่งก็คือเรื่อง Angel Rogue มาก ๆ การที่ซาราห์ซึ่งเป็นหญิงสาวที่เกิดในตระกูลผู้ดี แต่สามารถปรับตัวกับความลำบากในการเดินทางได้ คนแต่งให้เหตุผลมาพอที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่า ซาราห์ทำได้อย่างไม่ลำบากนัก ด้วยชีวิตที่เธอใช้ในชนบท ในขณะที่ร็อบมีความเหมือนกับโรบินไม่น้อย ทัศนคติที่เขามองโลก ความอึดอัดขมขื่นที่ถูกกระทำโดยบิดา (แม้ว่าร็อบจะดูรันทดกว่าในแง่ของครอบครัว) ทำให้เขาพึ่งพาตัวเอง และตัดขาดจากตระกูลขุนนางของตัวเองไป ทั้งหมดนี้ทำให้ช่วงครึ่งแรกของเรื่องที่แม้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากการหนี และการตามล่า เป็นการอ่านที่สนุกลื่นไหลไปเรื่อย ๆ
ช่วงครึ่งหลังเป็นความเซอร์ไพร์ส เราไม่คิดว่า ทิศทางของเรื่องจะออกไปแนวนั้นนะคะ (เดี๋ยวจะพูดถึงความบังเอิญค่ะ) และขอเตือนแล้วกันว่า จะเริ่มมีสปอยล์แล้วนะคะ
เมื่อร็อบค้นพบความจริงว่า จากที่เขาเคยเป็นแค่ลูกชายคนรองที่ไม่มีความสำคัญ และถูกกีดกันออกจากครอบครัว บัดนี้หลังจากความตายอย่างไม่คาดฝันของพี่ชาย เขากลายเป็นท่านเอิร์ลผู้สูงศักดิ์ แต่มันก็เป็นเพียงแค่บรรดาศักดิ์ นั่นก็เพราะว่า บิดาและพี่ชายของเขาใช้เงินมือเดิบ จนทำให้ร็อบเกรงว่า จะไม่มีทรัพย์สินเหลือเพียงพอที่จะดูแลมรดกทั้งหมดที่เขาได้รับสืบทอด จากนักสืบของโบว์สตรีทธรรมดา ๆ ร็อบพบว่า ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน
และซาราห์คือคนที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดความเปลี่ยนแปลงนั้น
ส่วนแรกกับส่วนหลังของเรื่องค่อนข้างแยกจากกันในแง่ของพล็อตเรื่องนะคะ มันเหมือนช่วงแรกเป็นการนำร็อบและซาราห์ให้มาพบและรู้จักกัน เพื่อที่จะนำทั้งคู่มายังส่วนหลังของเรื่อง เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป โฟกัสของเรื่องก็เปลี่ยนไปด้วย จากที่ต้องหลบหนีคนร้าย กลายมาเป็นการจัดการปัญหาด้านการเงิน การดูแลทรัพย์สิน และการเผชิญหน้ากับอดีต
โดยรวมเราชอบทั้งสองส่วนค่ะ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างร็อบและซาราห์มีความมั่งคงมากพอที่จะทำให้เราเชื่อว่า ร็อบก้าวข้ามจากอดีตมาได้ (คนที่อ่านเรื่อง No Longer a Gentleman คงเข้าใจว่า เราหมายถึงใคร) ภูมิหลังที่คนแต่งให้ข้อมูลกับคนอ่านเกี่ยวกับร็อบในเล่มนี้ ก็เพิ่มความลึกให้กับคาแร็คเตอร์ของเขา ทำให้เราได้รู้จักเขามากขึ้น แและแคร์เขามากขึ้น (ซึ่งได้ผลมาก เพราะก่อนหน้าที่จะอ่านเล่มนี้ เราไม่ได้สนใจคาแร็คเตอร์ของเขาเอาเสียเลย) ในขณะเดียวกัน คาแร็คเตอร์ของซาราห์ก็น่าสนใจ ซึ่งถือว่าแปลกมากสำหรับเรา เพราะซาราห์ค่อนข้างแบนราบมาก เธอมีวัยเด็กที่ค่อนข้างผาสุก แม้จะไม่มีพ่อ แต่ก็เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น ตัวตนของซาราห์ในเล่มนี้ทำให้เรามองเธอเปลี่ยนไปเช่นกัน
ข้อด้อยที่ต้องพูดถึงอย่างเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือ ความบังเอิญ เยอะแยะไปหมด บังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ ร็อบมาอยู่แถวนั้นพอดีกับเวลาที่ซาราห์โดนลักพาตัวไป เรือแตกไม่พอ ยังถูกพัดเข้าฝั่งหน้าบ้านประจำตระกูลของร็อบอีก (บังเอิญมากไปไหม) แล้วยังคนร้ายในเรื่อง ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญนะคะ (เรายกประโยชน์ให้) แต่มันดูแม่เลี้ยงของสโนไวท์ไปเล็กน้อย
กล่าวไปทั้งหมด เราก็ยังมองว่า เรื่องนี้มีส่วนดีมากกว่าส่วนบังเอิญ (เราไม่ถึงกับมีอะไรที่จะติเรื่องนี้ได้) อาจจะไม่ใช่เล่มที่ดีที่สุด ไม่ต้องไปเทียบกับเรื่องในอดีตของแมรี โจ พัทเนย์หรอกนะคะ แค่เทียบกับ No Longer a Gentleman ก็ยังไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่เราดีใจที่ได้อ่าน และคงติดตามอ่านงานของนักเขียนคนนี้ต่อไป (โดยเฉพาะเมื่อเล่มหน้าจะเป็นเรื่องของเคิร์คแลนด์แล้ว)
คะแนนที่ 70
View all my reviews
No comments:
Post a Comment