Stolen Magic by
Mary Jo Putney My rating:
2 of 5 stars เห็นนามปากกาคนแต่งแล้วอย่าเพิ่มแปลกใจนะคะ เพราะเอ็มเจ พัทเน่ย์ก็คือคนคนเดียวกับแมรี่ โจ พัทเน่ย์นั่นล่ะค่ะ เพียงแต่ที่ใช้ชื่อนี้เพราะมันเป็นการทำตลาดเรื่องแนวแฟนตาซีของเธอ
ขออนุญาตย้อนอดีตเล็กน้อยนะคะ เนื่องจากในช่วงนั้นตลาดของหนังสือแนวโรแมนซ์ย้อนยุคไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหรนัก ทำให้นักเขียนหลายคนกระจัดกระจายกันไป แม้กระทั่งนักเขียนในระดับแมรี่ โจ พัทเน่ย์เอง ก็ยังต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง
แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเธอมีพล็อตเรื่องแนวพารานอมอลอยู่ในใจแล้ว แต่เมื่อเสนอไปให้กับทางสำนักพิมพ์ เธอกลับได้รับข้อเสนอให้เขียนเรื่องเดียวกันนั้นกับอีกอิมพรินต์นึง ซึ่งก็คือเดลเรย์ ที่เป็นอิมพรินต์ของเรื่องในแนวแฟนตาซี (ที่ไม่ได้เน้นโรแมนซ์ แต่อาจจะมีโรแมนซ์ในนั้นก็ได้) และเพื่อไม่ให้แฟนหนังสือสับสน หนังสือเรื่องจึงออกมาภายใต้นามปากกาใหม่ของเธอ นั่นก็คือเอ็มเจ พัทเน่ย์
ที่มันตลกและฮา (แบบร้าย ๆ) ก็คือ เล่มนี้เป็นเล่มเดียวที่ใช้นามปากกานี้ แม้จะเป็นเล่มสองในชุด และเล่มแรก กับเล่มสามใช้นามปากกาแมรี่ โจ
อย่างที่บอกล่ะค่ะ บางครั้งวงการหนังสือมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรเท่าไหรนัก
Stolen Magic ของเอ็มเจ พัทเน่ย์
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สองในชุดการ์เดี้ยน เรื่องราวของกลุ่มคนผู้มีความสามารถเหนือธรรมชาติ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความสามารถแตกต่างรูปแบบกันออกไป
ไซม่อน มัลเมน ซึ่งนอกจากจะเป็นเอิร์ลแห่งฟอลคอนเนอร์แล้ว เขายังเป็นผู้รักษากฎของการ์เดี้ยน หนึ่งในเบาะแสที่เขาได้รับมา ก็คือการตรวจสอบพฤติกรรมของลอร์ดเดรย์ตันว่า เขาได้ฝืนกฎของการ์เดี้ยนหรือไม่
แต่สิ่งที่ไซม่อนไม่คาดคิดมาก่อนเลยก็คือ การไปเยือนเดรย์ตันที่บ้านของเขาจะกลายเป็นการเดินเข้าไปสู่กับดับ ทำให้เขาโดยเวทมนตร์แล้วกลายร่างเป็นยูนิคอร์น ซึ่งถ้าไม่ได้หญิงบ้าใบ้นามว่าแม็กกี้มาช่วยเอาไว้ ไซม่อนก็คงจะไม่อาจเอาชีวิตรอดมาได้เป็นแน่
ม้ายูนิคอร์นและแม็กกี้หลบหนีออกจากคฤหาสน์ของเดรย์ตัน ซึ่งในขณะที่หลบหนีนั้นไซม่อนก็ได้ค้นพบว่า แท้จริงแล้วแม็กกี้เองก็ตกเป็นเหยือของมนต์สะกดของเดรย์ตันเช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้เธอตกเป็นเครื่องมือ และถูกสูบเวทมนตร์ที่มีในกายโดยเดรย์ตันมาตลอดสิบปีที่ผ่านมา
ไซม่อนแก้มนต์ที่สะกดแม็กกี้ลง และทำให้รู้ว่า แท้จริงแล้วเธอไม่ใช่หญิงเสียสติ แต่เป็นสาวน้อยผู้งดงาม แต่กระนั้นเม็กก็ยังไม่อาจจดจำเรื่องราวในอดีตได้
สถานการณ์บังคับให้ไซม่อนและเม็กต้องเข้าพิธีแต่งงานกัน ส่วนหนึ่งเพื่อปกป้องเธอจากลอร์ดเดรย์ตัน แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่อาจมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาได้ นั่นเพราะไซม่อนต้องใช้เลือดของเม็กซึ่งเป็นสาวบริสุทธิ์ในการคืนร่างของเขาให้กับเป็นมนุษย์อีกครั้ง และแม้จะคืนร่างได้แล้ว แต่ไซม่อนก็ยังมีโอกาสที่จะกลับกลายเป็นยูนิคอร์นอีก ถ้าหากเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ได้
หนังสือเรื่องนี้อ่านง่ายกว่าที่คิดมากเลยนะคะ แม็กซ์ชอบวิธีการเล่าเรื่องของคนแต่งค่ะ ลื่นไหลไปตลอด แต่ปัญหาใหญ่ของแม็กซ์ก็คือ พล็อตเรื่อง เราไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าสนใจ คนร้ายออกตั้งแต่หน้าแรก และคนอ่านก็รู้ตลอดถึงความชั่วช้าเลวทรามของคนร้าย ในขณะเดียวกันคนอ่านก็รู้ว่า ตัวเอกต้องการเอาชนะผู้ร้าย เรื่องทั้งเรื่องมันก็แค่นั้น ไม่มีอะไรชวนให้สนใจ
จุดเด่นของแมรี่ โจก็คือการเขียนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกนางเอก ซึ่งเธอเขียนได้บาดอารมณ์มาก ๆ แต่จุดนี้ในเล่มนี้มันขาดหายไป แม็กซ์เข้าใจว่า เธออาจจะพยายามเขียนเพื่อเอาใจกลุ่มนักอ่านแนวแฟนตาซี ที่นิยมการสร้างโลกมากกว่าอารมณ์ แต่เมื่อพิจารณาในแง่ของการสร้างโลกแล้ว มันก็ไม่ได้น่าสนใจอีกเช่นกัน เพราะฉากในเรื่อง เป็นยุคจอร์เจี้ยน เพียงแต่เจือปนเอาเวทมนตร์เข้ามาในเรื่อง ก็เท่านั้น ไม่ได้น่าสนใจ หรือน่าพิศวงจนต้องค้นหาอะไร
การตัดความซาบซึ้งในแง่อารมณ์ระหว่างตัวเอกทั้งสองออกไป จึงเป็นการทำให้เรื่องนี้ขาดรสชาดที่ควรจะมี และน่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะแม็กซ์รู้ว่าแมรี่ โจสามารถเขียนได้ดีกว่านี้มาก ๆ
หนังสือในช่วงที่แมรี่ โจหันมาเขียนเรื่องที่เจือเอาความเป็นพารานอมอลเข้าไปในเนื้อเรื่อง แม็กซ์คิดว่า มันเป็นช่วงเวลาแห่งความผิดหวังสำหรับเรา ซึ่งถือว่าเป็นแฟนงานเขียนของเธอ มันทำให้เราคิดถึงงานเก่า ๆ ในอดีตที่เธอเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แม็กซ์ตกหลุมรักหนังสือโรแมนซ์ โชคดีว่าช่วงเวลานั้นมันผ่านไปแล้วนะคะ เพราะปัจจุบันเธอหันมาเขียนเรื่องแนวย้อนยุคเต็ม ๆ แบบไม่เจือความเหนือธรรมชาติ (แต่สำหรับคนที่ชอบแนวพารานอมอลของเธอ อาจจะลองอ่านเรื่องแนว YA ของเธอที่จะออกขายปีหน้าดูก็ได้นะคะ)
สำหรับคะแนน แม็กซ์คิดว่า ถ้าเรื่องนี้เขียนโดยนักเขียนคนอื่น คะแนนอาจจะเยอะกว่านี้ก็ได้นะคะ เพราะมันไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย เพียงแต่แม็กซ์คาดหวังไว้สำหรับงานเขียนของแมรี่ โจมากกว่านี้ เยอะมาก
คะแนนที่ 57
View all my reviews
No comments:
Post a Comment