Men of the Otherworld by
Kelley Armstrong My rating:
5 of 5 stars ครั้งสุดท้ายที่แม็กซ์ลงทุนซื้อหนังสือปกแข็งก็ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน แม็กซ์ซื้อเรื่อง Natural Born Charmer มา ซึ่งจนถึงบัดนี้เราก็ยังไม่ได้แม้กระทั่งหยิบขึ้นมาอ่านเลย
หนังสือ ปกแข็งเล่มสุดท้ายที่แม็กซ์อ่านจบต้องย้อนกลับไปไกลเกินกว่าสองปีค่ะ เพราะนั่นคือเรื่อง Cover of Night ของลินดา โฮเวิร์ด ที่ีทำเอาเราผิดหวังขนาดเลิกซื้อหนังสือปกแข็งของลินดาไปเลย
ที่พูดไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะให้ทุกคนรู้ว่า แม็กซ์ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ขนาดไหนในการควักเงินเกือบพันซื้อหนังสือเล่ม นี้มาอ่าน เพราะเราเคยพูดเสมอว่า แทบจะไม่มีนักเขียนคนไหนที่ทำให้แม็กซ์อยากอ่านมากพอที่จะลงทุนซื้อหนังสือ ฉบับปกแข็งมาอ่านได้อีกต่อไปแล้ว แต่เมือเห็นหนังสือเล่มนี้อยู่ตรงหน้า ใจมันก็อ่อน กระเป๋าตังค์มันก็เปิดได้อย่างมหัศจรรย์
แล้วรู้อะไรไหม คะ แม็กซ์เคยอ่านเรื่องนี้มาก่อนแล้วด้วยนะ และไม่ใช่การอ่านแค่ครั้งเดียว เราอ่านเรื่องในเล่มนี้มาหลายรอบจนจำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้ง ซึ่งสำหรับคนที่แทบจะไม่เคยอ่านหนังสือซ้ำเลยในชีวิต นี่เป็นคำชมอย่างสูงมากจากเรา
Men of the Otherworld ของเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์
หนังสือ เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุด Otherworld โดยเป็นเล่มที่เก้าที่ถูกพิมพ์ขาย แต่โดยลำดับของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เรื่องนี้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเล่มแรกในชุดเสียอีก (Bitten) เพราะมันย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนที่เจรามี่ ซึ่งเป็นอัลฟ่าของเผ่าหมาป่าแห่งอเมริกาเหนือจะเกิดเสียอีก
แม็ก ซ์คิดว่า สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านหนังสือชุดนี้เลย ก็น่าจะอ่านเรื่องในเล่มนี้รู้เรื่อง เพราะก่อนหน้าที่มันจะถูกพิมพ์ออกมาขาย มันเคยเป็นเรื่องเขียนให้อ่านฟรีออนไลน์ในเว็บไซด์ของเคลลี่ย์มาก่อน และแม็กซ์แนะนำเพื่อนหลายคนในลองอ่านงานของเคลลี่ย์ผ่านเรื่องเหล่านี้ ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นแฟนหนังสือของเคลลี่ย์กันหมด
หนังสือเล่ม นี้ประกอบด้วยเรื่อง 4 เรื่อง เล่าผ่านหลายช่วงเวลา ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับผู้ชายแห่งโลกที่เคลลี่ย์สร้างขึ้นในหนังสือชุดของเธอ เหล่าผู้ชายที่ไม่เคยเป็นคนเล่าเรื่องมาก่อนเลย (เพราะเรื่องชุดนี้เล่าเรื่องผ่านตัวละครผู้หญิงมาตลอดจนกระทั่งเล่มแปดที่ เริ่มมีมุมมองของผู้ชายเข้ามาให้เห็ฯ)
และหนังสือเล่มนี้เองที่ทำ ให้ แม็กซ์สัมผัสได้ถึงความพิเศษมาก ๆ ของเคลลี่ย์ในการเล่าเรื่องผ่านตัวละครผู้ชาย แม็กซ์ไม่รู้หรอกนะคะว่า ผู้ชายเขาคิดกันอย่างนี้ไหม แต่มันมีความแตกต่างและให้ความรู้สึกน่าเชื่อมากพอ มันเต็มไปด้วยพลัง
Infusion
เรื่อง นี้เล่าเรื่องราวผ่านมัลคอล์ม หมาป่าผู้โหดร้ายและเห็นแก่ตัว เขาปรารถนาเหนือสิ่งอื่นใดที่จะมีลูกเพื่อพิสูจน์ความเป็นชายของตัวเอง เพราะในเผ่าหมาป่า การมีทำให้ผู้หญิงตั้งท้อง และได้ลูกชายเป็นเกียรติเหนือสิ่งอื่นใด แต่ไม่ว่าจะใช้ความพยายามมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยทำได้ จนกระทั่งวันนึง ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญของเขากำลังฉลองการเกิดของลูกชายคนที่สาม มัลคอล์มก็สังเกตเห็นพนักงานเสิร์ฟสาวเชื้อสายเอเชียที่เล่นหูเล่นตากับเขา ตลอด และคืนนั้นเขาก็ตัดสินใจ มันอาจจะเป็นการดีเหมือนกันถ้าจะผสมเผ่าพันธุ์ข้ามเชื้อชาติ
แต่ หญิง คนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา มัลคอล์มรับรู้ความจริงข้อนั้นเมื่อเก้าเดือนผ่านไป และลูกชายของเขาเกิดขึ้น ลูกชายที่ไม่เป็นที่ต้องการ ลูกชายที่เขาอับอายและรังเกียจ ลูกชายที่ในอีกยี่สิบกว่าปีต่อมา คือคู่แข่งคนสำคัญของเขาในการแย่งชิงตำแหน่งอัลฟ่า
Savage
เด็ก ชายวัยห้าขวบค้นพบความจริงที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ปีศาจไม่ใช่เรื่องเล่าเอาไว้หลอกเด็กเท่านั้น ปีศาจมีอยู่จริง และเขาต้องการเป็นหนึ่งในปีศาจเหล่านั้น เพราะมันย่อมดีกว่าการใช้ชีวิตไปกับความหวาดกลัว การถูกทอดทิ้ง และการถูกลืม เขาบังเอิญพบเห็นมนุษย์หมาป่า และอาจเป็นความเยาว์วัย ความกล้าที่ไม่น่าเป็นไปได้ เด็กชายวัยห้าขวบเผชิญหน้ากับปีศาจตัวนั้น และขอให้มันเปลี่ยนแปลงเขาเป็นหนึ่งในปีศาจ
มันอาจเป็นความบังเอิญ ความโชคดี หรืออาจเป็นเพราะเด็กคนนี้คือคนพิเศษ ไม่มีใครรู้ได้ แต่เด็กวัยห้าขวบใช้ชีวิตในป่าตามลำพัง ปราศจากครอบครัวหรือคนดูแล หาเลี้ยงตัวเองในสภาพมนุษย์ หรือหมาป่า แล้วแต่ร่างกายจะกำหนด เขาควบคุมด้านสัตว์ป่าของตัวเองไม่ได้ ลืมเลือนความเป็นมนุษย์ จนกระทั่งเขาได้พบกับเจรามี่
ชายหนุ่มที่ไม่ได้แก่ไปกว่าเด็กชายคน นั้นเลย เจรามี่รับฟังเรื่องราวของหมาป่าเด็ก สิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมนุษย์ที่ถูกกัดส่วนใหญ่จะตาย ยิ่งถ้าเป็นเด็กก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ แล้วหมาป่าที่เกิดจากบิดาที่เป็นหมาป่า ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้จนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น ดังนั้นเรื่องราวที่มัลคอล์มพ่อของเขาเล่าเกี่ยวกับหมาป่าเด็กที่เผชิญหน้า กันในหลุยเซียน่า จึงดูเหมือนตำนานหลอกเด็ก แต่เจรามี่รู้จักมัลคอล์มดี และรู้ว่า เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
เจรามี่ทิ้งบ้านในสโตนฮาเวนมายัง หลุยเซียน่า มันใช้เวลาไม่นานในการค้นพบเด็กคนนั้น เด็กชายที่บัดนี้อายุเจ็ดขวบแล้ว เด็กที่แม้จะลืมความมนุษย์ไปเกือบหมด ก็ยังนึกชื่อของตัวเองออก เขาคือเคลย์ตัน
การหาเคลย์ตันเป็นเรื่อง ไม่ยาก แต่การทำให้เคลย์ไว้ใจเป็นเรื่องที่เกือบเป็นไปไม่ได้ แต่เจรามี่ทำไ้ด้ เขาทำในสิ่งที่ไม่น่าจะมีใครทำได้ เขาปราบเด็กป่าจนเชื่อง หรืออย่างน้อยก็เชื่องเท่าที่เคลย์จะเป็นได้ (และมันไม่มากเลย)
ความสัมพันธ์ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานของ เรื่องในชุด Otherworld ถูกเผยในเห็นในเรื่องนี้ บอกเล่าการที่เจรามี่ซึ่งมีอายุมากกว่าเคลย์เพียงแค่สิบห้าปี แต่กลายเป็นยิ่งกว่าพ่อของเคลย์ เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า เจรามี่ปราบพยศเคลย์ได้ยังไง เรื่องนี้จบลงเมื่อเคลย์ได้รับการยอมรับให้เข้าเผ่าหมาป่า และเริ่มต้นการปูทางนำเจรามี่ไปสู่เส้นทางของการเป็นอัลฟ่าแห่งเผ่า
Ascension
เรื่อง นี้เล่าต่อเนื่องกับเหตุการณ์ใน Savage เกือบจะในทันที เรื่องราวยังเล่าผ่านสายตาของเคลย์ในวัยสิบปี เรื่องราวการขึ้นสู่อำนาจของเจรามี่ การเติบโตของเคลย์ เหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น รวมทั้งการเผชิญหน้ากับมัลคอล์มเพื่อแย่งชิงตำแหน่งอัลฟ่า
และการเฉลยว่า เหตุใดเผ่าหมาป่าแห่งสโตนฮาเวนถึงได้สงบสุขจากการรุนรานจากหมาป่านอกเผ่าเกือบยี่สิบปี
สิ่ง ที่แม็กซ์คิดว่าเด่นมาก ๆ ในการเล่าเรื่อง Savage และ Ascension ก็คือ การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของเคลย์ ซึ่งเป็นเด็กและหมาป่า เคลย์มีด้านที่เป็นหมาป่ามากกว่ามนุษย์หมาป่าโดยกำเนิดเสียอีก เหตุผลของเคลย์เข้าใจได้ง่ายถ้าคุณใช้ความเรียบง่ายของสัตว์เป็นเครื่อง กำหนด และการคิดว่า ชีวิตของเคลย์มีเพียงเจรามี่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สำคัญ
เขาไม่ฆ่า มนุษย์เพราะมันจะทำให้เจรามี่ไม่สบายใจ ไม่ใช่เพราะมันทำให้ศีลธรรมส่วนตัวของเขาหวั่นไหว เคลย์เข้าใจความต้องการฆ่า แต่เขาไม่เคยฆ่าอย่างไร้เหตุผล ทุกอย่างเป็นไปเพื่อเลี้ยงท้อง หรือเพื่อปกปิดความลับ สำหรับเคลย์แล้วมันง่ายดายมาก เขาไม่เข้าใจมนุษย์ เพราะไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้น เขาไม่เข้าใจความสำคัญของการเข้าสังคม เขามีเจรามี่ มีบ้าน มีอาหาร มีคนในเผ่า (ซึ่งเขาไม่ได้ต้องการด้วยซ้ำ) มันเพียงพอ เคลย์ถูกสอนโดยเจรามี่จนกระทั่งเข้าเรียนไฮสคูล และแม้จะเรียนดีจนสามารถเข้ามหาวิทยาลัยใดก็ได้ เขาก็เลือกที่จะเรียนที่ซีรีคิว เพราะมันใกล้บ้าน และเขาต้องการอยู่ใกล้บ้าน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สำคัญของการขึ้นสู่อำนาจของเจรามี่
เขามี หน้าที่ต้องปกป้องเจรามี่ ไม่ใช่เพราะเจรามี่เป็นคนที่เลี้ยงดูเขา แต่เพราะเจรามี่คือทุกอย่างที่เขายึดเป็นแบบอย่าง เคลย์ชอบอ่านหนังสือเพราะเจรามี่ชอบ เคลย์ยอมเรียนมหาวิทยาลัยเพราะมันเป็นสิ่งที่เจรามี่ต้องการ แต่โปรดอย่าคิดว่าเคลย์ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่เลย สำหรับเคลย์ตัวตนของเขาใกล้เคียงกับหมาป่า ที่ทุกอย่างมีความเรียบง่าย เขาไม่เห็นความจำเป็นในการใช้ชีวิตอย่างมนุษย์ แต่ถ้าเขาต้องทำ เขาก็ยึดเอาเจรามี่เป็นต้นปบบ
จุดเด่นของเรื่องก็คือ มุมมองของเคลย์ซึ่งเป็นคนเล่าเรื่อง สื่อสารตัวตนของเขาออกมาได้ครบถ้วน คนที่เคยอ่านถึงเคลย์ผ่านมุมมองของตัวละครอื่น (ในเล่มอื่น ๆ ในชุด) จะรู้เลยล่ะว่า คนแต่งซื่อสัตย์ต่อความเป็นเคลย์มากขนาดไหน ใน Savage และ Ascension มันทำให้ทุกอย่างเีกี่ยวกับเคลย์ชัดเจนขึ้น อย่างที่บอกแม็กซ์คิดว่า คุณไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มอื่นเพื่อทำความเข้าใจเล่มนี้ แต่แม็กซ์ไม่แน่ใจว่า คุณจะรักเคลย์และเจรามี่อย่างที่แม็กซ์รักไหม ถ้าคุณไม่ได้ตกหลุมรักพวกเขามาก่อนจากเล่มอื่น
คิดเอาง่าย ๆ นะคะ หนังสือเรื่องนี้เกือบทั้งเล่ม ไม่มีตัวละครผู้หญิงมาทำให้ชุ่มชื่นหัวใจเลยสักนิดเดียว นี่เป็นเรื่องราวของเคลย์ก่อนที่เขาจะได้พบกับเอเลน่า เรื่องราวของเจรามี่ก่อนเขาจะได้พบกับเจมี่ มันเป็นเรื่องราวของการเติบโตของเคลย์ และการเข้าสู่อำนาจของเจรามี่
และ มันเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดที่แม็กซ์เคยได้อ่านมาในชีวิต ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับคนที่ชอบหนังสือโรแมนซ์มาก ๆ อย่างเรา เพราะเล่มนี้ไม่ใช่โรแมนซ์ แต่แม็กซ์เชื่อว่า คนที่ชอบโรแมนซ์น่าจะชอบเรื่องนี้
หนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ แม็กซ์มักแนะนำให้เพื่อนผู้ชายอ่าน เพราะเราคิดว่าเคลลี่ย์ซึ่งเป็นนักเขียนผู้หญิง สามารถสื่อมุมมองของผู้ชายได้ดีมาก ๆ แค่แม็กซ์คิดถึงฉากที่เคลย์ในวัยสิบหกที่ฮอร์โมนเริ่มฉีดก็ต้องยิ้มออกมา แล้ว (เขามักใช้คำพูดว่า Wrong and Unfair เสมอ)
การเล่าเรื่อง ราวของเคลย์ตั้งแต่เด็กจนถึงวัยผู้ใหญ่ ก็แสดงความสามารถของคนเขียนในเรื่องความหลากหลาย เพราะแม้คาแร็คเตอร์ของเคลย์ไม่เคยเปลี่ยน แต่วัยซึ่งมีผลต่อความรับรู้ และการมองโลกมีบทบาทในการเล่าเรื่องราวเสมอ เพราะฉะนั้นเคลย์ในวัยเจ็ดขวบ จึงมีความแตกต่างจากเคลย์ในวัยสิบหกปี เพราะวัยที่ต่างก็ย่อมมีนิสัยต่างกัน แต่ในเนื้อแท้แล้ว คนอ่านก็ยังได้รับรู้ความเคลย์ที่แท้จริงซ่อนอยู่ในนั้น
Kitsunegari
เรื่อง สุดท้ายในเล่มนี้มีความยาวพอ ๆ กับเรื่องแรก (คือไม่กี่หน้าเอง) เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวในเล่มค่ะที่เขียนขึ้นมาใหม่ และไม่เคยลงให้อ่านฟรีในเน็ตมาก่อน เรื่องนี้ก็คือจบสรุปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เล่มแรก ในที่สุดเราก็ได้รู้ว่า แม่ของเจรามี่คือใคร และชีวิตรักของเขาและเจมี่เป็นยังไงต่อไปกันบ้าง
สำหรับการเรียง ร้อยเหตุการณ์ในเรื่อง สำหรับคนที่ไม่ติดตามอ่านชุดนี้มาตั้งแต่ต้นอาจจะงงนิดหน่อย เพราะเหตุการณ์ในเรื่องนี้ไม่ได้ต่อเนื่องกับ Ascension เลย แถมยังดึงเอาเจมี่ึซึ่งเป็นหวานใจของเจรามี่เข้ามาด้วย แต่ปัญหาก็คือ เจมี่ไม่ได้มีบทบาทในเล่มนี้เลย คนที่ยังไม่ได้อ่านชุดนี้มาก่อนก็อาจจะงงนิดหน่อย แต่เราไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาหรอกนะคะ เพราะเราคิดว่าแค่เรื่อง Savage และ Ascension ก็คุ้มค่าเงินทุกบาทแล้วล่ะ
เรากล้าพูดคำนี้นะคะ เพราะแม็กซ์ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มาก่อนหน้าแล้วหลายปี และไม่ใช่แค่การอ่านรอบเดียว เราอ่านหลายรอบมาก แต่เมื่อได้เห็นเล่มนี้ในร้านหนังสือ ในรูปแบบปกแข็ง แม็กซ์ก็ยังอดใจไม่ได้ ต้องซื้อมาอ่านอีกรอบ (เพราะก่อนหน้าเราอ่านเป็นอีบุ๊ค) และบอกเลยนะคะว่าไม่เสียดายเงินสักบาท
และ ขอบอกอีกอย่าง (อาจจะไม่อยากรู้กันนะคะ) แม็กซ์รักหนังสือเล่มนี้มากพอที่จะซื้อมันมาเก็บอีกรอบ หลังจากที่ออกขายเป็นปกอ่อนแล้วด้วย
และ (สุดท้ายจริง ๆ แล้วค่ะ) เราจะซื้อเล่มนี้แจกเพื่อนซึ่งน่าจะรู้นะว่าเราหมายถึงใครกันที่เราเคยแนะนำ ให้อ่าน และได้กลายเป็นสาวกของเจรามี่และเคลย์พร้อมกับเรา
คะแนนที่ 93
View all my reviews
No comments:
Post a Comment