Monday, August 26, 2013

Review: The Reckoning


The Reckoning
The Reckoning by Kelley Armstrong

My rating: 3 of 5 stars



The Reckoning ของแคลลีย์ อาร์มสตรองค์

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สามในชุด และจบการผจญภัยของโคลอีและผองเพื่อน แต่เมื่อเอาเข้าจริงแล้ว ก็เหมือนหนังสือสุดฮิตหลายชุดนะคะที่มันไม่จบหรอกค่ะ ข่าวล่าสุดก็คือ คนแต่งกำลังเขียนหนังสือชุดอีกสามเล่มต่อเนื่องชุดนี้อยู่ แต่ไม่ได้เล่าเรื่องของโคลอี หากแต่เป็นตัวละครใหม่ อย่างไรก็ตามทราบมาว่า คนแต่งก็ยังมีแผนจะกลับมาเขียนเรื่องราวของโคลอีอีกรอบนะคะ

กระนั้นตอนจบของเล่มนี้ก็ถือว่าปิดประเด็นค้างคาใจสำคัญได้ค่อนข้างเยอะค่ะ ฉะนั้นไม่ีต้องกลัวว่า อ่านแล้วจะหงุดหงิดอะไร

เช่นเดิม เล่มนี้เปิดเรื่องต่อเนื่องจากตอนจบของเล่มที่สอง และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขียนรีวิวโดยไม่สปอยล์เล่มนั้น

บัดนี้โคลอีและเพื่อนได้เ้ข้ามาอยู่ในการดูแลของแอนดรูว์แล้ว พวกเขาทั้งหมดคิดว่า ตัวเองปลอดภัยจากกลุ่มเอดดิสัน แต่หนทางก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด นั่นเพราะเรื่องราวที่พวกเธอเล่าเกี่ยวกับการ "กำจัด" ปัญหาของกลุ่มเอดดิสันที่ฆ่าเด็กที่พวกนั้นมองว่า ไม่อาจควบคุมพลังของตัวเองได้ ถูกมองจากสมาชิกในกลุ่มของแอนดรูว์ว่าเป็นเพียงจินตนาการของเด็ก ๆ

พวกนั้นไม่เชื่อว่า เอดดิสันจะเลวร้ายถึงเพียงนี้ แน่นอนว่า คนในกลุ่มทั้งหมดนั้นเคยทำงานให้กับเอดดิสันมาก่อน และแยกตัวออกมาพร้อมความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่า พวกเขาจะคิดว่า เอดดิสันคือปีศาจ

แต่โคลอีและเพื่อนรู้ถึงปีศาจที่ซ่อนอยู่ อย่างน้อยแอนดรูว์ดูจะเชื่อถือคำพูดของพวกเขา และการได้พบกับผู้ใหญ่ที่มีความสามารถเหนือธรรมชาติแบบเดียวกับพวกเขา ก็ทำให้เหล่าเด็ก ๆ ได้มีโอกาสเรียนรู้ควารมสามารถของตัวเอง

เพียงเพื่อที่จะพบว่า กลุ่มเอดดิสันได้ทำอะไรบางอย่างกับพวกเขา และได้มอบพลังอันน่าหวาดกลัวให้

แม็กซ์ชอบเล่มสามมากที่สุดในชุดนะคะ อาจเป็นเพราะเล่มนี้เป็นเล่มที่มีอะไรเกิดขึ้นมากที่สุด โคลอีและเพื่อนไม่ใช่แค่เหยือที่หนีการตามล่าเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป พวกเขาวางแผนที่จะสู้กลับ และมิตรภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มก็เริ่มแน่นแฟ้นมากขึ้น พวกเขาไว้ใจและเข้าใจกันมากขึ้น ไม่ใช่เด็กที่ถูกผู้ปกครองส่งมาอยูี่ในที่เดียวกันเหมือนอย่างในเล่มแรก แต่เป็นพันธมิตรที่ทำทุกอย่างเืพื่อช่วยเหลือกันและกัน

และในเล่มนี้นางเอกก็ได้เวลาเลือก ไม่ถึงกับเป็นทไวไลท์ที่ผู้ชายทั้งเรื่องหลงรักนางเอก และเธอต้องเลือกใครคนนึงหรอกนะคะ เพราะสำหรับไซมอนและเดเร็ค ความเป็นพี่น้องมาก่อนทุกอย่าง และมันก็ไม่ใช่ความรักชนิดเปลี่ยนโลก ซึ่งเราชอบนะคะ เด็กในวัยสิบห้าอย่างโคลอียังไม่น่าต้องมาคิดมากกับเรื่องแบบนี้

ในระหว่างที่อ่านทั้งสามเล่ม หลายครั้งแม็กซ์นึกเปรียบเทียบชุดนี้กับ Otheworld นะคะ และพบว่า เราชอบเรื่องของผู้ใหญ่มากกว่า เพราะทั้งเข้มข้น และโหดเหี้ยมกว่า หลายจุดในเรื่องนี้ที่เรารู้สึกว่า เป็นเวอร์ชั่นละลายน้ำแล้ว พฤติกรรมของตัวละครไม่โหดอย่างที่ควรเป็น

มีหลายช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่า โคลอีเหมือนกับเอเลนาในช่วงเวลาก่อนที่เธอจะถูกเปลี่ยนเป็นหมาป่า เธอดูมีความช่างฝัน และมองโลกแบบไร้เดียงสาเล็กน้อย (มากกว่าที่เอเลนาเป็นนะคะ) และมันคงยากมาก ๆ ที่จะไม่เปรียบเทียบเดเร็คกับเคลย์ และก็น่าจะรู้นะคะว่า มันยากมาก ๆ ที่จะเอาชนะเคลย์ (อย่างน้อยก็สำหรับใจของแม็กซ์) ได้

นั่นไม่ได้หมายความว่า คาแร็คเตอร์ของเดเร็คไม่น่าสนใจนะคะ เราคิดว่าเขาน่าสนใจมาก อาจจะบอกว่า มากกว่าโคลอีด้วยซ้ำ เพราะเดเร็คคือคนคนเดียวในเรื่องที่ถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวงตั้งแต่ต้นเรื่อง ความเป็นหมาป่าของเขาถูกมองว่า ควบคุมไม่ได้ และสมควรจะต้องถูกกำจัดทิ้ง การที่ไม่เคยมีใครให้คำปรึกษา เดเร็คไม่อาจควบคุมอารมณ์ขึ้นลงของตัวเองได้ และนั่นทำให้เขาไม่น่ารักนักในสายตาของโคลอี แต่ความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นของทั้งสองดูมั่นคงและน่าเชื่อ ซึ่งนี่เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด และไม่ทำให้เรารู้สึกว่า มันเป็นแค่ความรักของเด็กมัธยม

โดยรวมเราโอเคกับชุดนี้ค่ะ เพียงแต่อยากให้แคลลีย์ใช้เวลาเขียนเรื่องฉบับผู้ใหญ่มากกว่า แต่ก็เข้าใจนะคะว่า กระแส YA พารานอมอลมาแรงอย่างนี้ เธอก็คงอยากจะจับตลาดนี้เอาไว้บ้าง

คะแนนทั้งชุดที่ 63



View all my reviews

No comments: