แม็กซ์ออกตัวว่ากระแดะมาตั้งแต่เด็ก เพราะเริ่มอ่านโรแมนซ์ก็ที่เป็นภาษาอังกฤษเลย ไม่ได้เป็นแฟนหนังสือแปลภาษาไทยมาก่อน เราไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องอ่านภาษาไทย (ก็อังกฤษมันดีคร้าบ พ่อแม่ส่งเรียนพิเศษมาตั้งแต่เด็ก) จนกระทั่งเพื่อนแนะนำว่า ลองอ่านภาษาไทยดูแล้วจะรู้ว่า ในหนังสือเล่มเดียวกัน เมื่อแปลเป็นไทยถ้าคนแปลใช้ภาษาสละสลวยจะทำให้หนังสือน่าอ่านขึ้นมาได้อีก เยอะ
แล้วก็พบว่าจริง คนแปลที่ดีสามารถทำให้หนังสือสนุกขึ้นมาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนแปลมีสิทธิที่จะปู้ยี่ปู้ยำหนังสือยังไงก็ได้ เพียงเพราะตัวเองคิดว่าจะทำให้หนังสือสนุกขึ้น เพราะทั้งที่สุดแล้วหนังสือเล่มนั้นก็ยังเป็นผลงานของคนแต่งที่เขาใช้เวลา ไม่น้อยรังสรรค์ขึ้นมา คุณเป็นใคร กล้าดียังไงไปดัดแปลงงานของเขา
แม็กซ์ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคนแปลหรือเจ้าของสำนักพิมพ์กันแน่ที่คิดว่า ตัวเองเป็นพระเจ้า และรู้จักคนอ่านดีพอที่จะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้อง การ
ตอนนี้เด็กไทยกำลังหน้ามืด เห็นอะไรเป็นเซ็กส์ไปหมด สำนักพิมพ์น้องใหม่หัวใส แต่จิตใจเป็นไงไม่อาจคาดเดาได้ คนที่เจ้าของแผลงฤทธิ์จนคนขยาดไปทั้งวงการ ก็เอาหนังสือที่ฉากบรรยายบทรักแสนจะธรรมดาเอามาแต่งเพิ่ม ด้วยจินตนาการของคนแปล และ/หรือบรรณาธิการ เพิ่มฉากเซ็กส์ลงไป
ผลเป็นยังไงเราก็คงทราบดี
ก็ขายดีสิคะ พูดถึงโจษจันกันไปทั่ว ว่าเรื่องนี้เด็ดสะระตี่ ต้องหามาครอบครองให้ได้ ดีกว่าหนังสือเพศศึกษาเล่มใดใด หนังสือก็พิมพ์ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า พิมพ์ใหม่หลายรอบ
จากนั้นหนังสือที่ตามมาของสำนักพิมพ์นั้นก็อุดมไปด้วยเรื่องเซ็กส์ ข้ออ้างก็คือ พระเอกแต่งงานกับนางเอกแล้ว รักกันมาก ก็ต้องเซ็กส์กันทุกหน้า
ที่แม็กซ์ให้อภัยไม่ได้คืออะไรรู้ไหมคะ
ก็แหมเจ้าบทเซ็กส์ที่บรรจงเขียนเพิ่มกันเข้าไปเนี่ย มันแสนจะธรรมดา อ่านแล้วหัวใจตายด้านอย่างแม็กซ์นี่ไม่เต้นแรงเลย
แต่เด็กวัยรุ่นที่อ่านมันอ่อนประสบการณ์ (ก็ไก่มันอ่อน) เจอของที่เยอะด้วยปริมาณ แต่ด้อยคุณภาพ ก็หลงใหล ปัจจุบันกลัวพวกหน้ามืดจะหาซื้อเรื่องเซ็กส์ไม่ถูกก็เลยออกสำนักพิมพ์ลูกออก มาจ่าหัวอย่างคนที่รักและห่วงใยสังคมว่า "ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอ่าน"
เรื่องก็เลยกลายเป็นว่าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ก็เลยแย่งกันซื้อล่ะสิ เพราะมันอยากรู้ว่าเป็นจั่นใดถึงได้ต้องมาห้ามพวกเฮา ที่แปลกก็คือบอกว่าห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีอ่าน แต่เวลาขาย (อันนี้สังเกตจากในงานมหกรรมหนังสือ) ดันขายเอาขายเอาให้กับเด็กผูกคอซอง
แล้วมันต่างกันตรงไหน แม็กซ์จึงคิดว่าตัวเองมีเหตุผลพอที่จะคิดว่าคุณจ่าหัวคำเตือนเพื่อเป็นการ ประชาสัมพันธ์จุดเด่นทางเอ็กซ์ของตัวเองให้โลกรู้
และก็ทำสำเร็จ เพราะล่าสุดออกสำนักพิมพ์ในเครืออีกอัน คราวนี้บอกชัดเจนว่าขายเซ็กส์เท่านั้น (ต้องอ่านอังกฤษเป็นกันหน่อยนะคะ ถึงจะเข้าใจ) คงขายดีกันเป็นเทน้ำเทท่า
นอกจากนี้ยังมีอีก หนังสือบางเล่มมันบังเอิญขายดี คุณเธอก็เอาเลย ย้อมแมวอีกเล่มมาเป็นงานเขียนของคนแต่งเดียวกัน พอถูกจับได้ก็ส่งสมุนมาอธิบายด้วยเหตุผลที่เด็กห้าขวบยังหัวเราะลั่น ลูกน้องมันหูตึงฟังลูกพี่พูดไม่รู้เรื่อง ก็เลยเอาชื่อเรื่องมาใส่ปนกัน
ดีนะคะ เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ไม่ต้องรับผิดชอบ ลูกน้องทำพลาดก็ความผิดมัน ตัวเองไม่เกี่ยว เป็นผู้ใหญ่ที่ดีนะคะ
ถัดมาอีกสำนักพิมพ์นึงที่ถือว่าเก๋าเพราะทำมานานกว่าเจ้าอื่นในวงการเดียว กัน แต่คาดว่าคงโดนพิษลิขสิทธิ์ระลอกแรกเข้าให้ ทำให้หวาดกลัวจนเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามของตัวละครไปมาจนคนอ่านเกิดอาการ ปวดเฮด เพราะหนังสือเรื่องต่อกัน เปลี่ยนแต่ชื่อพระเอกนางเอก พอเล่มถัดมาก็เปลี่ยนอีกไม่ตรงกับชื่อที่เคยใช้สมัยเป็นตัวละครรอง เปลี่ยนชื่อนักเขียนมันซะงั้น เอาของเขามาหากินแล้วยังไม่ให้เกียรติ
เสียงตอบรับจากคนอ่านเป็นไงคะ
คาดเดาได้อยู่แล้ว แหมขอให้เป็นภาษาไทยจะมั่วซั่วยังไง ข้าน้อยก็ขอรักจนตัวตายฮ้า เห็นด่ากันทุกคน แต่ก็ซื้อกันอยู่ถ้วนหน้า
เรื่องเด็ดสุดที่ต้องพูดถึงเมื่อเอ่ยถึงสำนักพิมพ์นี้ ก็คือลีลาการตัดต้นฉบับอย่างเฉียบขาด ขนาดตัดให้พระเอกตายตอนจบได้ เราเองก็งงเมื่อมีคนมาถามว่า โรแมนซ์พระเอกตายได้เหรอ
แม็กซ์ก็พาซื่อตอบไปว่า "ตายได้สิ ก็พระเอกที่เป็นแวมไพร์ไง"
คนถามตอบกลับมา "แต่นี่พระเอกมันเป็นคนน่ะ แล้วโดนทำร้ายจนตายคาอกนางเอกเลยนะ"
แม็กซ์ก็ชักงง และด้วยความสอใส่เกือกก็เลยไปสรรหามาอ่าน หารู้ไม่ว่านี่เป็นกลยุทธ์ในการขายแบบใหม่ของสำนักพิมพ์นี้ คือตัดเรื่องให้จบเพื่อให้คนอ่านเข้าใจว่าพระเอกตาย ทั้งที่ยังเหลือเรื่องอีกหลายบทที่พระเอกพักฟื้นรักษาตัว
คุณพี่คร้าบ นี่เราอ่านโรแมนซ์อยู่นะคร้าบ ไม่ได้ดูไทตานิคจะได้ซึ้งกับพระเอกตาย
เมื่อราวปีก่อนสำนักพิมพ์แห่งนี้ออกสำนักพิมพ์ในเครือที่เรื่องแรกเปิดตัว ฮือฮาด้วยผลงานเล่มล่าสุด (ยุคนั้น) ของนักเขียนโรแมนซ์สุดดัง เล่มที่สองก็ตามมาด้วยเรื่องราวของแวมไพร์สาวปัญญาอ่อน (แต่หลายคนคิดว่าน่ารัก) ที่สร้างชื่อไม่น้อย จากนั้น...
แม็กซ์ไม่มีอะไรจะเขียนแล้วล่ะ
ทำไมเหรอ ก็เพราะว่าจู่ ๆ สำนักพิมพ์ที่ดูท่าว่าจะดี รูปเล่มสวย ซื้อลิขสิทธิ์อย่างถูกต้อง กลายเป็นของก็อปซ้ำสำนักพิมพ์เดิม ที่ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแตกต่างกันสักนิด หนังสือที่ถูกเปลี่ยนชื่อเรื่อง ชื่อตัวละคร ชื่อคนแต่ง ที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือการตัดฉับฉับฉับจนคนที่อ่านต้นฉบับมา งงกับชีวิตว่า "กูซื้อเล่มเดียวกันมาอ่านหรือวะ"
เสียดายจังเลยจ้ากับความล้มเหลว ของที่คิดว่าจะเป็นน้ำดี กลายเป็นน้ำเน่าราคาแพง (เพราะราคาตั้งแพงกว่าสำนักพิมพ์ดั้งเดิมที่ขายกันอยู่)
คิดใหม่ทำใหม่ยังทันนะเจ้า แม้นาย. ก จะออกนอกประเทศไปแล้ว แต่สโลแกนของอาเฮียก็ยังพอใช้ได้น่า กลับเนื้อกลับตัวสังคมยังให้อภัย เอาสำนักพิมพ์น้องใหม่ในเครือกลับมาทำงานที่มีคุณภาพ เลือกเรื่องหน่อย ตรวจต้นฉบับเยอะ ๆ
เจ้าถัดมา รายนี้ถือว่าเป็นของคุณภาพในวงการ โจษจันกันไปทั่ว กระทั่งพวกอีแอบ (เชียร์) สำนักพิมพ์อื่นก็ยังไม่กล้าดีมาวิจารณ์ในทางเสียหาย เพราะเลือกเรื่องเก่ง ชื่อพระเอกนางเอกก็ตรงกะต้นฉบับ แถมให้เกียรติคนแต่งบอกไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นงานของใคร
แล้วตาแม็กซ์มาเขียนถึงเขาทำมายถ้าดีเลิศขนาดนั้น
ก็เพราะแม็กซ์เป็นพวกขวางโลกไง จะด่าก็ขอด่าให้ครบทุกสำนักพิมพ์แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าเป็นอีแอบ (เชียร์) ของบางสำนักพิมพ์
แต่ถึงจะขวางโลก แม็กซ์ก็ซื่อสัตย์นะฮ้า ดังนั้นขอคำนับในความพยายามของสำนักพิมพ์แห่งนี้ก่อนที่ทำงานออกมาอยู่ในระ ดับที่แม็กซ์ยอมรับได้ (และแม็กซ์นี่รสนิยมระดับไฮโซนะค้า) แต่ (ไอ้ความขวางโลกนี่มาแล้ว) ก็ขอวิจารณ์หน่อยแล้วกัน
อย่าคิดว่าแม็กซ์ไม่รู้ว่า คุณเปลี่ยนอายุนางเอกจากสามสิบกว่าลงมาให้เหลือยี่สิบกว่า เพราะคิดว่านักอ่านโรแมนซ์ปัญญาอ่านขนาดยอมรับนางเอกอายุมากไม่ได้ (สามสิบกว่านี่นะมาก แม็กซ์ชักเครียดเพราะอายุตัวเองก็อยู่ตรงนี้แหละ) คุณเป็นใครถึงมาตัดสินคนอ่าน ถ้าคุณเห็นว่าเรื่องไม่ดี ก็ไม่ต้องแปล
คนอ่านที่ยอมรับประเด็นอย่างนี้ไม่ได้ ก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่เรื่องนี้เขาเขียนขึ้นมาให้อ่านอยู่แล้ว ขอความกรุณาไม่ต้องหวังดีกับนักอ่านขนาดนั้น ถ้าคิดว่าแปลแล้วขายไม่ได้ ก็ไม่ต้องแปล อย่าให้เรื่องแค่นี้มาทำลายชื่อเสียงสำนักพิมพ์เลย
อีกอย่างขอร้องว่าไหนไหนจะพิมพ์หนังสือขายใหม่แล้ว ก็กรุณาแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตเสียด้วย โดยเฉพาะหนังสือสุดฮิตของสำนักพิมพ์ที่ลงทุนทำปกใหม่เสียสวยงามน่าเก็บสะสม แต่ดันไม่ยอมแก้ชื่อตัวละครที่ออกเสียงผิด ทำอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม เสียเวลาเปล่า
สุดท้ายขอฝากไว้ให้สำนักพิมพ์ทั้งหลาย (ที่คงไม่มีโอกาสได้อ่านบลอคนี้) ว่า อย่าคิดว่าคนอ่านไถนาเป็น เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวกรุงค่ะ ทำนาไม่เป็น และขอให้ให้เกียรติคนแต่งและหนังสือของเขาให้มาก คุณทำมาหากินกะเขาอยู่
เราเป็นคนนึงนะคะที่ไม่ใส่ใจอะไรกับเรื่องลิขสิทธิ์เท่าไหร ไม่ใช่คนประเภทมีมโนธรรมสูงนัก (ทุกวันนี้ก็ยังซื้อเทปผีซีดีเถื่อนอยู่ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ก็ของละเมิดลิขสิทธิ์) ดังนั้นการที่สำนักพิมพ์จะซื้อลิขสิทธิ์หรือไม่ ไม่สนใจ
ขอแค่ให้ผลิตงานออกมาได้โดยที่ไม่ทำลายต้นฉบับ แต่สภาพที่เห็นปัจจุบันก็คือสำนักพิมพ์ไม่มีความเคารพในต้นฉบับทั้งที่เป็น แหล่งหากิน ซึ่งน่าแปลกใจเมื่อเทียบกับในอดีต ที่เราเห็นว่างานแปลมีคุณภาพมากกว่าในปัจจุบันเสียอีก ทำให้หลายครั้งคิดอยากให้เรื่องลิขสิทธิ์เข้ามามีเป็นจุดควบคุมคุณภาพงานโร มานซ์เสียที ถ้าการซื้อลิขสิทธิ์จะทำให้คุณภาพหนังสือดีขึ้น ราคาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับแม็กซ์ (คือรวยค่ะ)
คราวนี้สุดท้ายของจริง แม็กซ์อาจจะหายหน้าไปหลายวันนะคะ เพราะมีภารกิจต้องเดินทางไปญี่ปุ่น
ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่ แม็กซ์ไปได้ตามไปสมทบคุณสามี
แม็กซ์ไปทำงานค่ะ ยังไม่แน่ใจว่าคอมที่ญี่ปุ่นจะเป็นไงบ้าง พอดีขี้เกียจแบบโน้ตบุ๊คไปเองน่ะค่ะ ก็เลยไปหาเอาดาบหน้า ถ้าไม่เห็นกัน มิตรรักแฟนเพลงก็คิดถึงกันบ้างก็ดีนะคะ ภาวนาให้แม็กซ์กลับมาโดยปลอดภัยก็ยิ่งดีค่ะ อย่าไปปากเสียจนโดนรุมกระทืบอยู่ที่ญี่ปุ่น
No comments:
Post a Comment