ช่วงนี้แม็กซ์อามรณ์กำลังสูงมาก ๆ กับเรื่อง Crash into me ที่เราเขียนรีวิวไปแล้วเมื่อหลายบลอกก่อน เชื่อไหมคะว่าเป็นหนังสือที่ชอบมากขนาดโทรศัพท์ไปเที่ยวบอกเพื่อนทีละคนว่า มันสนุกขนาดไหน เผื่อว่ายอดขายของเขาจะได้ดีขึ้นไป ๆ แล้วยังเป็นเล่มที่ทำให้แม็กซ์ออกอาการแฟนเกิร์ลอย่างรุนแรง ด้วยการอีเมลล์ไปหาคนแต่ง บรรยายว่าตัวเองชอบงานของเขามากโคตร ๆ (และสำหรับคนที่อยากรู้ จิลตอบมาว่า เธออาจจะเขียนเรื่องของสตีเฟ่นในอีกสองหรือสามปีข้างหน้า)
ด้วยอารมณ์อย่างนี้ แม็กซ์รู้ดีว่าคงจะอ่านเรื่องอะไรที่ตามมาไม่ค่อยสนุกแน่ เราเลยไม่อยากเล่มที่เราคิดว่าจะสนุกมาก ๆ มาอ่านค่ะ มันก็เลยเป็นคิวของหนังสือเล่มนี้ ที่แม็กซ์ซื้อมาดองไว้ได้เกือบสองเดือนพอดี
The Spy who wants me ของลูซี่ มอนโรว์
ลูซี่ มอนโรว์เป็นชื่อนักเขียนขวัญใจแฟนละครน้ำเลี้ยงยุงลายในเมืองไทยหลายคน แต่พูดอย่างนี้ก็ไม่ใช่แม็กซ์ไม่อ่านงานที่เธอเขียนให้กับฮาร์ลิควิน เพรสเซ่นหรอกนะคะ เราก็อ่าน แต่ต้องเป็นจังหวะที่อารมณ์ให้กับแนวนั้นมาก ๆ (ซึ่งไม่เกิดอาการอย่างนั้นมาหลายเดือนแล้วค่ะ) แต่เล่มนี้คงไม่เหมาะกับแฟนหนังสือแนวฮาร์ลิควิน เพรสเซ่นหรอกนะคะ เพราะอย่างน้อยนางเอกของเราก็ไม่ได้ผุดผ่องเป็นยองใย
หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่สามในชุดที่ชื่อว่า The Goddard Project ซึ่งเป็นชื่อเรียกองค์กรสุดลับของรัฐบาลอเมริกัน ลึกลับขนาดบอกว่า ประธานธิบดีหลายคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีองค์กรนี้อยู่ด้วย องค์กรนี้ตั้งตามชื่อโรเบิร์ต ก็อดดาร์ด นักวิทยาศาสตร์อเมริกันที่คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีอันนึงขึ้นมา แต่ไม่มีใครให้ความสนใจ จนกระทั่งโดนขโมยไป แล้วถูกคนที่ขโมยนำไปพัฒนาต่อจนกลายเป็นอาวุธที่มาทำร้ายทหารอเมริกันใน สงครามโลก ทำให้รัฐบาลตัดสินใจว่า จะให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกไม่ได้แล้ว จึงตั้งองค์กรนี้ขึ้น เพื่อให้พิทักษ์และปกป้องเทคโนโลยีของชาวอเมริกัน
แต่หนังสือชุดนี้ว่าไปแล้วก็ยังไปต่อเนื่อง กับชุด Mercenary (ที่มี Ready, Willing, And Able ในชุดนั่นแหละ) อีกด้วย ดังนั้นตัวละครในสองชุดนี้จึงเดินตัดกันไปตัดกันมาสนุกมาก
เอลล์ เกรย์เป็นสายลับมือดีที่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปสืบเรื่องความลับที่รั่วไหล ออกจากสถาบันวิจัยแห่งหนึ่ง (สายลับของ TGP สืบรู้เรื่องนี้จากเรื่อง Deal with this ซึ่งเป็นเล่มสองในชุด) และเอลล์ถูกส่งมาเพื่อให้ค้นหาว่า ยังมีคนทรยศหลงเหลืออยู่ในสถาบันนั้นอีกหรือไม่
การมาของเธอไม่เป็นที่ต้องการของบรรดานักวิทยาศาสตร์ในสถาบันเท่าำไหรนัก พวกเขาไม่เชื่อว่าจะมีใครในหมู่พวกเขาเป็นคนทรยศ แต่เมื่อเอลล์ปรากฎตัวขึ้น เธอก็ทำให้โบ รัสตันถึงกับตกตะลึงได้ เพราะเธอสวยและมีเสน่ห์กว่าที่คาด ด้วยหน้าตาสง่างามอย่างชาวรัสเซีย (แต่เอลล์เป็นชาวยูเครน) การแต่งตัวที่ราวกับหลุดออกมาจากแคตาล็อคของหนังสือแฟชั่น แล้วยังความสามารถในศิลปะป้องกันตัวที่เก่งกาจอีกแหละ
เอลล์เป็นผู้หญิงชนิดที่นักวิทยาศาสตร์อย่างโบไม่เคยเจอ
และเช่นกัน โบก็ไม่เหมือนนักวิทยาศาสตร์ดีกรีปริญญาเอกคนไหนที่เธอเจอ เขาเ็ป็นอดีตนักฟุตบอลฝีมือดี คนที่ถ้าเขาต้องการก็สามารถเข้าไปเล่นในลีกเอ็นเอฟเอลได้ แต่โบเลือกที่จะเรียนหนังสือต่อ และกลายเ็ป็นนักวิจัยค่าตัวแพง สติปัญญาของเขาอยู่ในระดับต้น ๆ ของประเทศ และสิ่งที่เขาค้นคิดก็กำลังเป็นที่ต้องการของผู้ก่อการร้ายทั่วโลก
เอลล์แฝงกายเข้าไปในสถาบันวิจัยแห่งนั้นด้วยการบอกว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านการรักษาความปลอดภัย ในขณะที่มีเพียงโบและเจ้านายของเขาเท่านั้นที่รู้ความจริงว่าเธอเป็นใคร แต่เมื่อไปถึงเอลล์ก็ต้องตกใจอย่างแรง เมื่อพบว่าพี่ชายของเธอก็ทำงานให้กับสถาบันแห่งเช่นกัน
หนังสือเรื่องนี้เริ่มต้นได้น่าอ่านมากค่ะ แม็กซ์พบว่าตัวเองสนใจในบุคลิคของเอลล์อย่างมาก เธอมีส่วนที่คล้ายกับเอลล์อีกคนที่เรารู้จัก (เอลล์ วู้ดจาก Legally Blond) เอลล์เป็นสายลับที่ไม่รู้สึกว่า งานที่ทำจะต้องหมายความว่า เธอจะต้องแต่งกายในชุดสีดำ หรือลายพรางทหาร เธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคาแพง ทำเล็บจากร้านฝีมือดี ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ในตอนแรกแม็กซ์ชอบบุคลิกของเอลล์มากค่ะ เพราะแม้ว่ามันจะไม่เป็นจริงในวงการสายลับ (ผู้หญิงที่สวยขนาดเอลล์ไม่น่าจะเป็นสายลับที่ดีได้ เพราะเธอโดดเด่นเกินไป) มันก็สนุกที่ได้อ่าน
และเช่นเดียวกัน โบก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจ แม็กซ์ชอบที่คนแต่งไม่ได้ทำให้เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์แว่นหนาเตอะ เขามีหุ่นอย่างนักฟุตบอล (ตำแหน่งปีกนะคะ ไม่ใช่ออฟเฟนซีพ ไลน์ นั่นมันน่ากลัวเกินไป) แต่มีสมองขั้นเทพ เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตกับงานวิจัย แทนที่จะเป็นแสงสีของไฟสเตเดี้ยม เพราะเขาเชื่อในมันสมองของตัวเอง
ในส่วนของคาแร็คเตอร์แล้ว เอลล์และโบไปด้วยกันได้อย่างดีมาก ปัญหาก็คือ เมื่อทั้งสองมาพบกัน แม็กซ์ไม่รู้สึกถึงประกายไฟที่ทั้งคู่มีให้กันเลยน่ะสิ
แน่ล่ะในเนื้อเรื่อง ทั้งสองถูกใจกันและกันเกือบในทันที แม็กซ์บอกไม่ถูกเหมือนกันนะคะ แต่มันราวกับว่า เมื่อโบและเอลล์อยู่ด้วยกัน เสน่ห์ที่ทั้งคู่เคยมี มันเลือนหายไปหมดไป พวกเขาไม่ใช่ตัวละครที่เราชอบอีกต่อไป ไม่ถึงกับทำให้เราเบื่อหน่ายอะไรนะคะ แต่มันไม่มีเสน่ห์อีกต่อไปแล้ว
ในส่วนของพล็อตก็เช่นกัน หนังสือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นางเอกเป็นสายลับในองค์กรระดับชาติที่มีความ สำคัญมาก แต่สิ่งที่แม็กซ์เห็นก็คือ เอลล์ไม่เห็นจะทำอะไรที่เป็นการสืบความลับเลยสักนิดเดียว เบาะแสที่เธอได้เกี่ยวกับกลุ่มคนที่ต้องการจารกรรมข้อมูลจากสถาบันวิจัย ก็มาจากตัวละครอีกตัวที่เปิดเผยตัวเอง ไม่ใช่มาจากการสืบความลับของเอลล์สักนิด ความง่ายของคดีทำให้เราไม่รู้สึกถึงความสามารถของเอลล์ มันแทบจะไม่มีฉากที่เอลล์ได้โชว์ความเป็น "สายลับ" ของเธอสักนิด และนั่นทำให้เรารู้สึกว่าเธอเป็นเพียง นังบลอนด์หน้าโง่คนนึง ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย เพราะเอลล์ก็ไม่ได้โง่
ข้อผิดพลาดในการเขียนเรื่องนี้ก็คือ การเอาพล็อตสายลับมาปะปนกับเรื่องครอบครัว เพราะคนแต่งแบ่งแยกทั้งสองประเด็นไม่ได้เรื่องเลย มันทำให้เสียไปทั้งสองส่วน เอลล์ซึ่งมาปฏิบัติงานกลับใช้เวลาเกือบทั้งเรื่องไปกับการคิดเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการที่เธอปลีกหนีไปจากครอบครัวเป็นเวลาหลายปี ภายหลังการตายของสามี และใช้เวลาไปกับอาการปิ๊งกันกับโบ มันทำให้เอลล์ดูเป็นสายลับที่ห่วยแตก และทำให้พล็อตการสอบสวนด้อยลง
บางทีเราก็เป็นคนเอาใจยากค่ะ เพราะมีหนังสือบางเล่มเหมือนกันที่พล็อตสืบสวนด้อยลงไปแล้ว เราก็ยังคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีอยู่ แต่กับเล่มนี้ เรารู้สึกว่า นางเอกไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่เลย เหมือนกับใช้เวลาทำงานมาหาสามีน่ะ
น่าเสียดายค่ะ เพราะแม็กซ์คิดว่า เล่มนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าจะทำให้เราชอบเล่มนี้ได้ แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงดวงดาว
คะแนนที่ 57
No comments:
Post a Comment