Tuesday, February 10, 2009

Ice Blue // Anne Stuart

แม็กซ์หายหน้าไปหลายวันนี่ไม่ใช่เพราะขี้เกียจเขียนบลอกหรอกนะคะ เพียงแต่ลาภลอยมาชนเข้าตูม ก็เลยได้รับเลือกให้ไปประชุมที่ฟิลิปปินส์ค่ะ เรื่องฟิลิปปินส์นี่มีเรื่องเล่าเยอะค่ะ แต่ยังไม่อยากเล่าน่ะ

อยากพูดถึงเรื่องน้ำแข็งสีฟ้าก่อนน่ะ อ่านจบมาตั้งสามวันแล้ว ยังไม่ได้พูดถึงเลย Ice Blue เล่มนี้เป็นเล่มสามในชุดของนักเขียนที่ผีเข้ายอมมาเขียนหนังสือชุดในที่สุด หลังจากไม่อยากทำมานานเป็นยี่สิบสามสิบปี (นอกจาก Cat's paw นะ)

และมันเป็นชุดที่สนุกอะไรอย่างนี้

เล่มนี้อาจสู้สองเล่มแรกไม่ได้ แต่พอทากะเกิดอาการหื่นขึ้น ก็ไล่คะแนนตีทันขึ้นมาเกือบทันที

พระเอกเรื่องนี้เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ที่ออกมาอย่างเท่ห์ และแปลกกว่าพระเอกคนอื่น แต่ในเวลาเดียวกันก็สมจริง ส่วนหนึ่งคงเพราะแอน สจ๊วตคนแต่งเป็นแฟนเพลงร็อคญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ตัวละครของเธอมีลักษณะหลายส่วนก็อปปี้มาจากนักร้องชื่อ ดังหลายคน

ทากาชิ โอเบียน ชื่อก็บอกว่าเป็นลูกครึ่ง ที่มีภูมิหลังซับซ้อน (ขนาดที่อ่านจบเรื่องแล้วแม็กซ์ก็ยังไม่แน่ใจว่า มันเป็นยังไงกันแน่) สายลับหน่วยปฏิบัติการขององค์กรลับ (ที่ยังไม่มีใครรู้ว่า มันเป็นยังไงกันแน่) สายลับที่เก่งที่สุดของหน่วยงาน (หลังจากบาสเตียน และปีเตอร์ซึ่งเป็นสายลับที่เก่งที่สุดของหน่วยงานเช่นกัน และเป็นพระเอกในเล่มหนึ่งและสอง) ถูกส่งมาหยุดยั้งแผนการทำลายโลกของลัทธิที่เลียนแบบมาจากลัทธิโอมที่วาง ระเบิดแก๊สซารินในรถไฟใต้ดินของญี่ปุ่นเมื่อหลายปีก่อน

และเหมือนกะหนังสือชุดนี้ทุกเล่ม นางเอกก็ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างช่วยไม่ได้ และก็เหมือนกะเล่มอื่นในชุด ที่พระเอกใช้เวลาครึ่งแรกของเรื่องคิดว่าจะทำยังไงถึงจะฆ่านางเอกได้ หลังจากอ่านมาสองเล่มด้วยพล็อตที่ใกล้กัน อาการเซ็งจึงบังเกิดกะแม๊กซ์ เพราะเล่มนี้ทากะก็นั่งคิด นอนคิด ขับรถคิดอยู่เกือบตลอดเวลาว่า เขาฆ่าซัมเมอร์ได้ แต่แน่ล่ะ พระเอกของเราจะทำได้ยังไง

ทำไมซัมเมอร์ต้องตาย นั่นก็เพราะในความทรงจำของเธอ มีที่ซ่อนสถานที่พิเศษสุดที่เจ้าลัทธิจะใช้ทำพิธีเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของ วันสิ้นโลก ไม่ใช่แนวพาราฯหรอกนะ แต่เป็นความเชื่อของลัทธิว่าถ้าทำพิธีนี้แล้ว ก็เริ่มต้องปล่อยอาวุธเชื้อโรคเพื่อฆ่าคนทั่วโลกได้ ดังนั้นซัมเมอร์ที่เป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักที่ตั้ง จึงควรเสียสละตัวเองยอมตายก่อนความลับนี้จะรั่วไหลไป

และเหมือนพระเอกทุกเล่มในชุด ทากะทำไม่ลง เขาตกหลุมรักเธอ นั่นเป็นส่วนดีที่สุดของเรื่อง เมื่อเห็นพระเอกเย็นชา เหี้ยมหลงรักนางเอก แม้จะปากแข็ง ใจแข็งไม่ยอมรับ แต่คนอ่าน (อย่างแม๊กซ์) ก็รู้ทันน้า

ตอนจบห้วนไปหน่อย ทำให้นึกถึงงานเก่า ๆ ของแอน ที่ชอบจบอย่างนี้ แต่คาดว่าอาจจะได้เห็นชีวิตของทากะและซัมเมอร์ต่อไปในเล่มอื่น ๆ จึงไม่ทำลายอรรถรสเท่าไหรนักหรอก

สำหรับแฟนหนังสือของแอน สจ๊วต ก็คงต้องบอกว่า ไปหามาอ่านกันเถอะ ไม่เสียเวลาหรอก อาจไม่สนุกเท่ากะสองเล่มแรก แต่ก็คุ้มค่า ส่วนคนที่ไม่เคยอ่านแอน สจ๊วต เอาเล่มนี้เป็นเล่มแรกก็ดีนะ เพราะพระเอกไม่เหี้ยมเท่าไหร ไม่ต้องทำใจอะไรมากมายนัก แต่ถ้าคุณเป็นคนอย่างแม็กซ์ที่ชอบของแปลก ก็คงบอกว่า ปีเตอร์ แมดเซ่น (หรือเจนเซ่น) เป็นพระเอกที่สุดยอด

แล้วอะไรเป็นส่วนที่ดีที่สุดของเรื่องล่ะ

ไม่ใช่รีโน่ ญาติของทากะที่โผล่มาแบบขโมยซีน (ที่กะว่าคู่กะจิล น้องสาวนางเอกแหง) แต่เป็นตอนใกล้จบเรื่องที่สุดที่รักของแม็กซ์ (จะใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่ปีเตอร์) ปรากฎกายเพื่อกอบกู้สถานการณ์

ขออำภัยที่ไม่กรี๊ดพระเอก แต่ไม่ใช่ว่าทากะไม่เท่ห์นะ แต่เพราะบังเอิญมีเพื่อนชื่อนี้พอดี เวลาอ่านก็เลยนึกหน้าญี่ปุ่นหน้าตี๋คนนั้นไป ก็เลยกรี๊ดไม่ค่อยออกเท่าไหร

No comments: