Friday, February 13, 2009

The Mad, Bad Duke // Jennifer Ashley

ตอนนี้กำลังอ่านเรื่อง The Mad, Bad Duke ของ Jennifer Ashley ครึ่งแรกของเรื่องอ่านได้เร็วมาก แต่ตอนนี้เริ่มอืดแล้ว (แม็กซ์หมายถึงความเร็วในการอ่านนะคะ ไม่ใช่อาการอืดเพราะกินอาหารกลางวันเยอะเกินไปหน่อยของตัวเอง)

สิ่งดึงดูดใจที่ทำให้แม็กซ์อยากอ่านเรื่องนี้ก็เพราะอเล็กซานเดอร์ แกรนด์ดยุคแห่งเวนกาเรีย หรือพูดให้ถูก อดีตตัวร้ายจากเรื่อง Penelope and the Prince Charming

สไตล์พระเอกในดวงใจของแม็กซ์ต้องผ่านประสบการณ์เป็นผู้ร้ายมาก่อน เห็นเป็นไม่ได้ ต้องตามซื้อมาไว้ในครอบครอง และอเล็กซานเดอร์ก็ร้ายไม่ใช่ย่อย ถือเป็นตัวร้ายหลักในเรื่องเพเนโลปี้เลยทีเดียว

แต่ตัวร้ายกลับใจของแม็กซ์จะเลวเล้วเลวไม่ได้ ต้องมีเหตุผล และเหตุผลของอเล็กซานเดอร์ก็เท่ห์ซ้า เขาอายุเพียงสิบสามปีตอนที่พ่อเขาโดยพ่อของเดเมี่ยน (พระเอกเรื่องเพเนโลปี้) ฆ่า เขาต้องสวมหน้ากากของแกนด์ดยุคอยู่ตลอดเวลา ทุกอย่างในชีวิตของเขาก็เพื่อเวนกาเรีย แม้ว่าจะหมายถึงการที่เขาต้องถูกเนรเทศมาอยู่ที่อังกฤษ

ในตอนจบเรื่องเพเนโลปี้ อเล็กซานเดอร์ซึ่งยอมรับว่าเดเมี่ยนเป็นผู้น้ำที่เหมาะสมของเวนกาเรีย เขาละทิ้งความพยายามแย่งบังลังค์ (เพราะเขาเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก) และยอมที่จะให้เดเมี่ยนส่งเขามาเป็นทูตที่อังกฤษ (เพราะเดเมี่ยนไม่ไว้ใจให้เขาอยู่ที่เวนกาเรียต่อ)

ความสนุกของเรื่องนี้อยู่ที่การได้เห็นอเล็กซานเดอร์ประพฤติตัวผิดนิสัย โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับมีแกน นางเอกของเรื่อง (แม้ว่าเหตุผลที่ให้ในเรื่องจะไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย)

อเล็กซานเดอร์เป็นตัวละครในใจของแม็กซ์ เขาเป็นหนึ่งในพระเอกไม่กี่คนที่ทำให้แม็กซ์นึกถึงเรื่อง The Prince ของมาเคียเวลลี่คนที่โชคร้ายพอที่จะต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ หรือเคยเรียนเกี่ยวกับมาเคียเวลลี่ก็คงจะรู้ประโยคเด็ดที่ใช้กับทั่วในวงการ นิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ที่ว่า "The end justifies the mean" ผลลัพธ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ ดังนั้นไม่ว่าจะต้องทำชั่วเพียงใดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี นั่นก็เป็นการกระทำที่ยอมรับได้

อเล็กซานเดอร์เป็นหนึ่งในตัวละครที่มีความเชื่อเช่นนั้น และสำหรับแม็กซ์นั่นเป็นคุณสมบัติที่ทำให้เขาเซ็กซี่สุดสุด

หนังสือเรื่องนี้ไม่ถึงกับทำให้ผิดหวัง เพราะอเล็กซานเดอร์ยังคงเป็นตัวละครตัวเดิมที่แม็กซ์กรี๊ดและจำได้จากเรื่อง เพเนโลปี้ แต่ครึ่งหลังของเรื่องที่ช้าและยืดยาด ทั้งยังเอาพล็อตพารานอมอลมาผูกทำให้อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังฟังเพลงเม ดเลย์มากไปหน่อย แต่โดยรวมก็ยังโอเคค่ะ

แต่แม็กซ์ก็ยังอดคิดไม่ได้ ถ้าโจ เบฟเวอร์ลี่เป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ล่ะ อเล็กซานเดอร์จะเท่ห์ขนาดไหนเนี่ย

No comments: