ชื่อนี้เราตั้งเองเลียนแบบชื่อภาษาไทยของหนังสือชุดนี้ที่เพิ่งออกมาได้เล่ม เดียว คนที่อ่านเล่มแรกแล้วกระโดดข้ามมาอ่านเล่มนี้เลยอาจจะรู้สึกงงกับชีวิตนิด หน่อย เพราะจะได้เห็นตัวละครที่ออกมามีบทบาทในเล่มแรกเป็นนายแบบภาพนู้ด ที่หลงรักนางเอกภาคแรก เปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นสายลับสุดเท่ห์
ปกติเราไม่ชอบเรื่องที่เปลี่ยนแปลงบุคลิกตัวละครแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แบบนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่าการเอาทราวิส เจมส์มาแปลงกายกลับได้ผล อาจเพราะทาร่าไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วข้ามคืน ทราวิสมีเวลากว่า 4 เล่มก่อนจะกลายเป็นแองเจล ซึ่งเป็นโค้ดเนมของเขา โดยเฉพาะในเรื่องเครซี่ คิสที่เราได้เห็นสิ่งที่อยู่ในสมองของเขา ได้ยินความคิดของเขา และรู้เหตุผลที่เขาเลือกจากเปลี่ยนเส้นทางจากการเป็นผู้ช่วยชีวิต มาเป็นผู้พรากชีวิต
แต่ถึงแม้การเปลี่ยนแปลงของทราวิสจะได้ผลสำหรับเรา หรือแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของกิลเลี่ยนนางเอกจากเลขานุการขี้อายกลายเป็นนัก ฆ่าสุดโหดก็จะได้ผลสำหรับเรา หนังสือเรื่องนี้กลับไม่ได้ผล นั่นเพราะว่าคนแต่งให้เวลากับตัวละครสองตัวนี้น้อยเกินไป มากกว่าครึ่งเรื่องเราได้เห็นความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกในเล่มถัดไป (ชื่อเรื่องแปลเป็นไทยว่ากำลังเพ่นพล่าน - On the loose) เราชอบซี. สมิท และอยากเห็นเรื่องของเขา แต่เราก็อยากรู้จักทราวิสและเรด ด็อกให้มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ซับซ้อนมากเพียงใด
อีกประเด็นหนึ่งที่เราไม่เข้าใจว่าทำไมคนแต่งต้องเอาเข้ามาใส่ในเรื่องก็ คือ ตัวท่านลอร์ดชาวอังกฤษผู้ที่เป็นเจ้าพ่ออาชญากรรม โอเคเรายอมรับว่าหลงเสน่ห์ตัวละครที่ไม่ออกตัวนี้ไปไม่น้อย ก็แหมตรงสเป็คเราเลยล่ะ เป็นตัวร้าย (ที่เราคิดเองว่าจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น) เขาถูกกล่าวถึงในฐานะผู้ชายในอดีตของนางเอก คนที่นางเอกมีความสัมพันธ์ด้วยแม้ในขณะที่ยังคบอยู่กับพระเอก เราไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมถึงต้องเอาตัวละครตัวนี้เข้ามาเกี่ยว เพราะอ่านจนจบเรื่องเราก็ยังรู้สึกว่า ไม่ออกก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกะเรื่องตรงไหน
อาจเพราะว่าเราผิดหวังที่ไม่ได้เห็นข้อสรุปในความสัมพันธ์ของทราวิสกะกิล เลี่ยน เราก็เลยรู้สึกผิดหวังมากกับเรื่องนี้ เพราะอ่านจนจบเรื่องเราก็ไม่รู้สึกว่ามีความคืบหน้าอะไรเลยระหว่างทั้งคู่
ตอนเปิดเรื่องก็รู้ว่ารักกันแล้ว รู้ว่ามีเซ็กส์กันแล้ว แต่กิลเลี่ยนก็ยังทรยศทราวิสเพื่อการแก้แค้น วิธีการแก้ปัญหาก็ง่ายมาก ไม่ใช่ทำให้กิลเลี่ยนต้องละทิ้งการแก้แค้น (เหมือนอย่างที่ซาร่าบังคับให้เพริกรีนทำใน Silk and Shadows - ซึ่งเป็นหนังสือที่ดีมากที่สุดเล่มหนึ่ง -- แปลว่าไปหามาอ่านได้แล้ว) กลับกลายเป็นการให้ดีแลนเปิดไฟเขียวเปิดทางให้กิลเลี่ยนสามารถแก้แค้นได้โดย ชอบธรรม เราก็เลยไม่เห็นสักนิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างไร
แล้วยังประเด็นที่กิลเลี่ยนคิดในช่วงต้นเปิดเรื่องอีกที่บอกว่ายังไงเจ้า ลอร์ดกาแฟจะต้องเรียกร้องการตอบแทนจากเธอ ซึ่งเธอจำเป็นต้องจ่าย จนจบเรื่องก็ยังไม่รู้ว่าราคานั่นคืออะไร (เป็นไปได้ว่าทิ้งท้ายเอาไว้ในเล่มถัดไป) แต่ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องมันค้างคา เพราะอ่านยังไงก็ต้องคิดเอาเองว่าเจ้าลอร์ดนี่ต้องแอบหลงรักกิลเลี่ยนแหง แต่ดันไม่มีบทบาท
เราจะบอกให้ว่าเราคิดยังไงกับการที่ทาราเขียนเรื่องนี้นะคะ เราคิดว่าเพราะทราวิสไม่ใช่พระเอกที่เธอตั้งใจให้เป็นในเรื่องนี้ ข่าวตอนแรกก็คือซี.สมิทจะเป็นพระเอกในเครซี่สวีท แต่จู่ ๆ ก็พลิกโผ เหมือนตอนท่านนายกอานันท์ได้เป็นนายกรอบสอง ทราวิสก็กลายเป็นพระเอกโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ปัญหาก็คือ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของซี. สมิทน่าจะเขียนไปแล้ว ทำให้ทาร่าไม่มีเวลาเขียนเรื่องของทราวิสเท่าไหร ก็เลยใช้มุขตัดสลับ ระหว่างเรื่องของทราวิสกับซี.สมิท เหมือนกับที่ใช้ในเรื่องเครซี่คิส (แต่ในเครซี่คิสมันเวิร์คเพราะว่าเรารู้จักคิดกะนิคกี้ดี้แล้ว ไม่เหมือนในเรื่องนี้ที่เราแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรด ด็อกเลย) ทำให้สุดท้ายอ่านไปนึกว่าซี. สมิทเป็นพระเอก
แต่ถ้าถามว่าแฟนหนังสือชุดเครซี่ควรจะถอดใจกับชุดนี้ไหม คำตอบเราก็บอกให้เดินหน้าสู้ต่อค่ะ เพราะเหมือนอย่างที่เพื่อนผู้ทรงภูมิของเราคนนึงบอกไว้ แค่อ่านเล่มนี้แล้วได้เห็นตัวละครในเล่มก่อนหน้าก็คุ้มค่าแล้ว
สำหรับเราแล้วไม่ใช่ซุปเปอร์แมนที่ทำให้ใจสั่น (เอ๊นั่นนก, ไม่ใช่มันเป็นเครื่องบิน, ไม่ใช่... นั่นคือซุปเปอร์แมน--- คนละคนกันนะคะ) แม้ว่าจะคริสเตียนจะเท่ห์เหมือนเดิม สุดท้ายยังเป็นคนตามล่าผู้ร้าย แล้วเป็นคนเหนี่ยวไกอีกต่างหาก แต่เป็นการที่ได้เห็นความสัมพันธ์ของสกีตเตอร์กะดีแลน ทำให้เรารู้สึกว่าความรักของทั้งคู่ไปกันได้ราบรื่น
ยิ่งตอนที่สกีตเตอร์แต่งตัวออกมายั่วดีแลนต่อหน้าคริสเตียนแล้วยิ่งฮามาก ๆ แต่ทั้งหมดนี่คุณจะไม่รู้หรอกถ้าไม่ได้อ่านเล่มก่อนหน้า และรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างดีแลน, คริสเตียน และสกีตเตอร์เป็นยังไง
จบคำวิจารณ์เรื่องนี้โดยการบอกว่าให้รีบวิ่งกลับไปอ่านเครซี่ให้ครบทุก เล่ม ก่อนจะเริ่มอ่านเล่มนี้ เพราะจะทำให้ความเจ็บปวดจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ลดลงได้ประมาณครึ่งนึง
No comments:
Post a Comment