ในฐานะสมาชิกสาวยุคใหม่ซักผ้าไม่เป็นอย่างแม็กซ์ ก็เลยตั้งข้อสงสัยกับข้อสันนิษฐานอันนี้มาก โดยเฉพาะหลังจากได้อ่านเรื่องราวของนางเอกแม่ศรีเรือนที่อุตส่าห์โดนพ่อมด เรียกตัวข้ามมิติมายังอีกโลกนึง แล้วยังต้องมีหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูบ้านของพระเอกอีก
หนังสือชุดที่ดูแล้วน่าสนใจที่สุดชุดหนึ่งของปีนี้ Sons of Destiny ในโลกอีกมิติหนึ่งเมื่อลูกชายแฝดสี่คู่ถือกำเนิดขึ้นมาในวันเดียวกัน แต่ห่างปีกันคู่ละสองปี คำทำนายของแม่มดเมื่อพันปีก่อนก็เป็นความจริง ชายทั้งแปดคนที่อาจจะทำลายสังคมเก่าแก่ที่มีมานานแห่งคาตานลง ดังนั้นเมื่อลูกชายคนสุดท้ายซึ่งถูกทำนายว่าจะเป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แสดงอำนาจของตัวเองออกมา ทั้งแปดก็ถือขับไล่ออกจากบ้านที่อยู่ โดนปลดออกจากบรรดาศักดิ์ที่สืบทอดมาจากบิดา และถูกเนรเทศไปอยู่กันตามลำพังบนเกาะอันโดดเดี่ยว เกาะที่ไม่มีคนอื่นอาศัยอยู่ ปราศจากผู้หญิง นั่นเพราะคำทำนายเกี่ยวกับลูกชายคนโตบอกว่า เมื่อใดก็ตามที่เขาพบรัก ความพินาศจากตามเท้าของเธอมาก
เรื่องฟังดูน่าสนใจมาก คาดว่าจะมีหนังสือในชุดทั้งหมด 8 เล่ม เล่าเรื่องพี่น้องทั้งแปดคน ไล่เรียงมาจากคนโตจนถึงคนสุดท้าย
แต่แค่เล่มแรกที่เล่าเรื่องของเซเบอร์ หรือเจ้าของฉายาจอมดาบ หรือ The Sword ตามชื่อเรื่อง ก็น่าเบื่อเสียแล้ว เพราะอะไรรู้ไหมคะ
เพราะมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยน่ะสิ ตลอดทั้งเรื่องสิ่งที่แม็กซ์เรียนรู้ก็คือการเก็บกวาดบ้าน (หรือปราสาท) ของนางเอก ที่ทำงานจนเป็นที่น่าประทับใจเหล่าน้องของพระเอก
ถ้าแม็กซ์โชคร้ายพอจะถูกพ่อแม่จากอีกมิติหนึ่งเรียกตัวข้ามไปยังอีกโลกหนึ่ง สิ่งสุดท้ายที่แม็กซ์จะทำก็คือ งานบ้าน แต่ดูเหมือนสิ่งเดียวที่เคลลี่อยากทำก็คือ งานบ้าน
โอเค แม็กซ์เข้าใจว่า เธออยู่ในเกาะร้าง ในปราสาท กับชายแปดคน โดยไม่มีสาวใช้ บ้านก็ย่อมสกปรก โอเค เข้าใจว่านางเอกต้องทนกับความโสโครกแบบนั้นไม่ได้ แต่มันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องบรรยาฉากทำความสะอาดไปเสีย 1 ใน 4 ของเรื่อง เธอทั้งกวาด ทั้งถู ทั้งทำอาหาร เย็บผ้า นั่นคือจุดประสงค์ที่เธอต้องอุตส่าห์เดินทางข้ามมิติมาทำนั้นเหรอ แต่ก็อาจจะตรงกับสิ่งที่เธอต้องการก็ได้ เพราะฝีมืองานบ้านของเธอก็เอาชนะใจพระเอกของเราได้
จะไม่ชนะใจได้ยังไง อยู่ดีดีก็ได้คนใช้มาเพิ่มคนหนึ่งเฉยเลย ไม่ต้องเสียเงินจ้างด้วย
ไม่นับความน่าเบื่อของฉากทำงานบ้าน ตัวละครพี่น้องแปดคนดูจะมากเกินไปกับฝีมือการเขียนของคนแต่ง เราเข้าใจว่าเขาอยากให้คนอ่านรู้จักและผูกพันกันน้องพระเอก ซึ่งจะเป็นพระเอกเล่มถัดไปแต่ต้องการกระทำทุกอย่างจะต้องเกี่ยวข้องกับพี่ น้องทุกคน และต้องเรียงลำดับทีละคนด้วยเหรอ การพูดบนโต๊ะอาหาร แต่ละคนได้พูดกันคนละพารากราฟ แล้วพูดในลักษณะเดียวกัน "ผมชื่อวูลฟ์เฟอร์ หรือเดอะวูลฟ์" อีกคนก็ "ผมชื่ออีแวนนอร์ หรือเดอะซองค์" กว่าจะพูดกันครบแปดคน อาหารก็เย็นหมดแล้ว
แล้วยังฉากที่พี่น้องแต่ละคนให้ของขวัญนางเอก ก็ต้องเรียงกันให้ นางเอกก็ค่อยเปิดที่ละกล่อง แล้วแต่ละคนก็มาบรรยายว่าของขวัญของตัวเองคืออะไร
แม็กซ์ว่าเทคนิคการเล่าเรื่องของจีน จอห์นสันคนแต่งยังมีปัญหาอยู่ค่ะ
พูดถึงข้อเสียไปแล้ว ก็ต้องมองด้านดีมาก
ข้อดีก็คือ เรื่องนี้แนะนำพล็อตเรื่อง และตัวละคร (ตัวอื่นนอกจากนางเอกซูเปอร์เฮ้าท์ไวฟ์ และพระเอกที่เก็กอย่างเดียว) ที่น่าสนใจมากพอที่แม็กซ์คงจะตามอ่านต่อ อย่างน้อยก็อีกสองเล่ม เพราะแม็กซ์มีกฎที่จะให้อภัยนักเขียนสามครั้ง (ถ้าพล็อตเรื่องเธอน่าสนใจพอนะ) และในตอนท้ายเรื่อง หลังจากนางเอกทำความสะอาดปราสาทจนใหม่เอี่อมเสร็จแล้ว เรื่องก็เริ่มน่าสนใจ และน่าติดตามขึ้น เมื่อนางเอกเริ่มใช้สติปัญญา (แทนที่จะเป็นแขนที่บึกบึนของเธอ) ในการแก้ปัญหาที่เกิด แม็กซ์ชอบวิธีที่เธอใช้ในการจัดการกับข้าศึกที่เข้ามารุกรานเกาะที่พวกเขา อาศัยกันอยู่ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่แม็กซ์คิดว่ายังมีความหวังกับหนังสือชุดนี้อยู่บ้าง
ถ้าจะพยายามคิดอย่างให้อภัยคนแต่งที่เขียนเรื่องออกมาจนพระเอกไม่น่าสนใจ และนางเอกที่น่าสงสาร (เพราะต้องทำงานบ้าน) ก็อาจเป็นเพราะเธอทุ่มเวลาไปกับการเขียนถึงน้อง ๆ ของพระเอกมากไปหน่อย อาจเพราะเป็นการลงทุนเผื่อไว้สำหรับอนาคตเพื่อให้คนอ่านอยากอ่านเรื่องราว ของพวกเขา ซึ่งก็ได้ผลนะ เพราะแม็กซ์รู้สึกอยากอ่านเรื่องของน้องพระเอกบางคน แต่ในทางกลับกัน แม็กซ์ก็กลัวว่าจะเจอเรื่องแบบที่เจอในเล่มนี้ และนั่นจะยิ่งเลวร้ายกว่า
สรุปคะแนนให้ที่ 37
No comments:
Post a Comment