Sunday, February 8, 2009

ความรักไม่มีเชื้อชาติ

แม็กซ์ไม่ได้เตรียมสปีชเพื่อไปกล่าว สุนทรพจน์ที่ยูเอ็นหรอกนะคะ เพียงแต่เมื่อวานแวะไปที่บลอกของชารอน คูลล่าร์มาก็เลยเกิดไอเดียเรื่องนี้ขึ้น (สำหรับคนที่ไม่รู้จัก ชารอนเป็นนักเขียนให้กับบราว่า)

แม็กซ์เป็นคนที่ชอบอ่านนิยายโรแมนซ์ ซึ่งเมื่อคิดดูให้ดีเป็นผลผลิตของนักเขียนต่างชาติ เป็นฝรั่งเสียส่วนใหญ่ หรือที่มีเชื้อสายอื่น ก็มักเป็นคนที่อยู่ในประเทศแถบโน้นที่คุ้นเคยวัฒนธรรมเค้า มานั่งคิดดูมันก็แปลกนะ เพราะทั้งต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม แต่แม็กซ์กลับไม่รู้สึกถึงความแตกแยก แตกต่างเลย อ่านได้โดยไม่มีปัญหา ไม่ตั้งคำถามว่า ถ้าเป็นอย่างงี้ คนไทยคงไม่ทำกัน

อาจเป็นเพราะความรักเป็นภาษาสากล (เช่นเดียวกับอาชญากรรม ที่ทำให้นิยายสืบสวนสอบสวนก็เป็นสิ่งที่เข้าใจกันได้จากคนทั่วโลกเช่นกัน หนังสือสองแนวที่แตกต่างกัน แต่มีความเป็นสากลด้วยกันทั้งคู่) ดังนั้นแม็กซ์จึงไม่ปัญหาเลยที่จะอ่านเรื่องความรักของทอม เจอรี่ (ที่ไม่ใช่แมวหนูคู่ฮา) หรือกระทั่งดิ๊ก (แต่ต้องขอทำใจเรื่องชื่อของอาเฮียแกหน่อยก่อนนะ)

แม็กซ์ไม่เคยมีสเป๊กว่าขอให้ตัวพระเอก ต้องเป็นคนเชื้อชาติไหน ขอให้เป็นผู้ชายก็โอเคแล้ว แม็กซ์ไม่อ่านเรื่องเลสเบี้ยน เพราะสร้างอารมณ์ร่วมไม่ไหวค่ะ ไม่ใช่เพราะต่อต้านอะไร ส่วนเกย์นี่ ขอดูพล็อตก่อนนะ อาจจะพอไหว ถึงจะไม่ค่อยชอบมากนัก

ในบลอกของชารอนที่แม็กซ์อ่านมา เธอพูดถึงหนังสือชุดที่แม็กซ์ชอบมากชุดหนึ่งนั่นก็คือแบล็กเด็กเกอร์ บราเธอร์ฮู้ดซึ่งเป็นกลุ่มของแวมไพร์ที่ต่อสู้กับศัตรูตามสายพันธุ์ แม็กซ์คงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับชุดนี้อีก (เพราะพูดมากไปแล้วในบลอกก่อนหน้า) นอกจากข้อสังเกตที่ชารอนพูดถึง ในกลุ่มนี้ไม่มีใครเลยสักคนที่ไม่ใช่ผู้ชายผิวขาว ชารอนซึ่งเป็นแอฟริกัน-อเมริกัน จึงทำการคัดเลือกรูปที่เธอคิดว่า ถ้าพวกเขาเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน จะมีหน้าตายังไงกันบ้าง ซึ่งก็อ่านแล้วสนุกดีนะ

เพียงแต่แม็กซ์ชักไม่แน่ใจนะ ถ้ากลุ่มแบล็กเด็กเกอร์เหล่านี้ไม่ใช่ผู้ชาวผิวขาว หากแต่เป็นผิวสีอื่น พวกเขาจะดังอย่างนี้รึเปล่า

ดังนั้นเรื่องมันจึงกลายเป็นเหมือนพวก เรา (คนอ่าน) ยอมรับกับสิ่งที่คนแต่งกำหนดมาได้ เราอ่านได้เสมอไม่ว่าตัวละครจะต่างเชื้อชาติกับเรา ในทางกลับกัน คนอ่านกลับไม่ค่อยกล้าเท่าไหรในการเขียนเรื่องโรแมนซ์ให้หลากหลายเชื้อชาติ แม้กระทั่งในนิยายโรแมนซ์เอง คอนเซ็ปต์ที่บอกว่าความรักไม่มีเชื้อชาติ ก็ยังโดนตั้งคำถาม สำหรับคนที่อ่านหนังสือมาสักพักนึงก็คงพอสังเกตได้ว่า เรื่องราวความรักข้ามเชื้อชาติ ไม่ค่อยเป็นประเด็นที่ถูกจับมาเขียนมากนัก หรือถ้าเขียนก็มักไม่ได้รับความนิยม แม็กซ์เองก็เป็นคนนึงที่กล้ายอมรับกับใคร ๆ ว่า ไม่ชอบอ่านเรื่องความรักต่างสีผิวนัก เพราะแรงกดดันอื่นนอกจากความรักมันมีมาก เวลาอ่านก็มักจะอึดอัด หรือถ้าคนแต่งปฏิเสธไม่ยอมรับถึงแรงกดดันที่สังคมมีต่อความต่างเชื้อชาติ เหล่านี้ แม็กซ์ก็จะพาลคิดว่าเรื่องไม่สมจริงไปซะอย่างนั้น

แต่ก็ไม่ใช่ทุกเชื้อชาติหรอกนะที่ แม็กซ์รู้สึกว่าโดนกีดกัน นิยายโรแมนซ์เปิดกว้างให้กับอินเดียน-อเมริกัน หรือที่เรียกกันอย่างสุภาพว่า เนทีพ-อเมริกัน (หรือชนพื้นเมือง) อินเดียนโรแมนซ์ที่พระเอกเป็นหัวหน้าเผ่าสุดเข้ม พบรักกับเชลยสาวผิวขาวยังเป็นที่นิยม (ไม่อย่างนั้นใครจะอ่านแคสซี่ เอ็ดเวิร์ดเล่า) แต่แม็กซ์ก็คงพูดถึงพล็อตแนวนี้มากไม่ได้ เพราะไม่ค่อยถูกโรคกะแม็กซ์เท่าไหร อาจเพราะแม็กซ์เป็นคนคิดมาก ก็เลยมักจะพาลนึกไปถึงอนาคตเมื่อท้ายที่สุดชาวอินเดียนก็ต้องพ่ายแพ้ยับเยิน และจำกัดเขตแดน แม็กซ์มองไม่เห็นอนาคตในความรักของสิ่งที่ท้ายที่สุดก็ต้องพังทลายลง

ส่วนลาตินเล่าก็เรียกว่าโผล่มาเป็น พระเอกนางเอกกันพร้อมเพรียง อาจเพราะจำนวนของคนเชื้อสายลาตินที่อาศัยอยู่ในอเมริกาจนภาษาสเปนิชกลายเป็น ภาษาต่างชาติที่ฮิตที่สุดในเมกาไปแล้ว คนที่รู้จักแม็กซ์ดีก็คงพอรู้ว่า แม็กซ์คลั่งลาตินเลิฟเวอร์เหล่านี้มากเพียงใด หนึ่งในตัวละครที่แม็กซ์คิดออกเกือบในทันทีที่พูดถึงพระเอกที่มีเชื้อชาติลา ตินก็คงเป็น อเล็ก โรเมโร พระเอกจากเรื่อง Kill me twice ของ ร็อกแซนด์ ซินแคลร์ (สำหรับคนที่อ่านภาษาไทยแล้วไม่สป๊ากค์แม็กซ์ก็คงบอกได้แค่ว่า แม็กซ์อ่านภาษาไทยก็ไม่ป๊ากค์เช่นกัน แต่ภาษาอังกฤษ อ่านแล้วหลงหน้ามืดตามัวไปเลยล่ะ) ที่เข้าคำจำกัดความของลาตินเลิฟเวอร์ครบทุกอย่าง ทั้งคมเข้ม เสน่ห์แรง แม็กซ์อ่านไปก็ถอนหายใจไป

แล้วเหล่าพระเอกชีคล่ะ มีทฤษฎีกันว่า หลังจากเหตุการณ์ 9/11 แล้ว พระเอกชีคไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร อาจเพราะหลายคนมองไม่เห็นความมีเสน่ห์ของภูมิภาคที่เต็มไปด้วยการสู้รบ ทางออกของนักเขียนเหรอ ก็ปรับเปลี่ยนสถานที่เสียสิ จากที่เคยให้เป็นประเทศในตะวันออกลาง ก็เริ่มมีประเทศในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนนี่มีชีคกะเขาบ้าง (คิดไปได้ไง) ซึ่งก็ดูเหมือนนักอ่านจะยอมรับได้ ก็เลยยังพอมีชีคเพ่นพ่านให้เห็นกันอยู่บ้าง

ส่วนหนุ่มหน้าตี๋พระเอกชาวเอเชียกัน บ้างล่ะมีกันบ้างไหม แม้กระแสพระเอกเกาหลีตายี๋ มีลักยิ้มจะมาแรง แต่โรแมนซ์ก็ยังไม่อ้าแขนต้อนรับเท่าไหร เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็มีทากะพระเอกของเรื่อง Ice Blue ของแอน สจ๊วตที่เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นแค่นั้นเอง ในขณะที่ทางนางเอกเห็นเยอะมากกว่าค่ะ ส่วนหนึ่งคงเพราะฝรั่งเขาเห็นสาวเอเชียเรางามแปลกตา (นี่พูดความจริงนะ ตอนแม็กซ์เรียนที่โน่นน่ะ ก็ป๊อบมากเลยนะ ทั้งที่อยู่เมืองไทยไม่มีใครแลสักคน แต่อยู่โน่น --- หนุ่มเดินตามเลยล่ะ) ก็เหมือนของแปลกที่ไม่มีใครเคยเห็นนั่นแหละ

นางเอกชาวเอเชียที่เด่น ๆ ก็คงมีเหลียนนางเอกเรื่อง Jade Island ขอ งอลิซาเบ็ธ โลเวลล์ที่น่าจะกลายร่างเป็นพรมเช็ดเท้าให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แล้วก็นิกกี้สาวผมยาวดำขลับที่โดนนินทาว่าไม่น่าจะเป็นสายลับได้ เพราะน่าจะถูกผู้ร้ายจิกผมตบซ้ายทีขวาทีไปแล้ว จากเรื่อง Facing Fear ของเจนนิต้า โลว์ แล้วก็นางเอกหนังสือเล่มล่าสุดที่แม็กซ์กำลังอ่านอยู่นี่ เรื่อง Dragon Heat ของแอลลิสัน เจมส์

โดยสรุป แม็กซ์ว่า ในด้านของคนอ่าน เรามีภูมิต้านทานความหลากหลายทางเชื้อชาติได้มากกว่าคนแต่งนะ เราไม่สนใจเท่าไหรหรอกว่า ตัวละครจะมีเชื้อชาติที่แตกต่างไปจากเรา แต่อีกแง่นึงที่แม็กซ์คิดก็คือ โรแมนซ์น่ะเหมาะกับพล็อตเรื่องที่เป็นสังคมตะวันตกนะ จะว่าแม็กซ์หัวโบราณ/เต่าล้านปีก็ได้นะ แม็กซ์ประยุกต์ฉากเซ็กส์ในนิยายโรแมนซ์กับเรื่องที่เกิดในสังคมไทยไม่ออกน่ะ แม็กซ์ยอมรับไม่ค่อยจะได้นะกับการอ่านเรื่องที่นางเอกที่เป็นคนไทย คนที่เกิดและโตในสังคมไทย ยอมทอดกายนอนกับพระเอกง่าย ๆ หลังจากที่เจอกันแค่ไม่กี่วัน หรือในบางครั้งไม่กี่ชั่วโมง และนี่อาจจะเป็นสาเหตุหลักนะ ที่แม็กซ์ไม่เคยอ่านโรแมนซ์สายพันธุ์ไทย (แต่คงต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ ถ้าสิ่งที่พูดไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในโรแมนซ์ที่คนไทยแต่ง เพราะอย่างที่บอกแม็กซ์ไม่เคยอ่าน ก็เลยไม่รู้เรื่องอะไรนักหรอก เพียงแต่เป็นสิ่งที่แม็กซ์คิด ซึ่งอาจจะผิดก็ได้)

No comments: