หนังสือหลายเล่มมักแต่งให้ตัวเอกเป็นนักกีฬาชื่อดัง นั่นก็เพราะว่าความนิยมในกีฬาในอเมริกามามาก นักกีฬามีสถานะไม่แตกต่างจากดาราชื่อดัง นักกีฬามักมีร่างกายแข็งแรงสวยงาม เงินทองใช้เหลือเฟือ ดังนั้นจึงไม่ต่างอะไรกับเศรษฐีกรีกที่มักจะเป็นพระเอก
สิ่งที่ยากก็คือ เศรษฐีกรีกในนิยายมักไม่ต้องทำอะไรมาก ส่วนใหญ่จะถูกบรรยายว่าเก่ง แต่คนอ่านก็ไม่เคยเห็นพวกนี้ทำงานเลยสักวันในชีวิต (เอาแต่ไล่หึงเมียที่เป็นอดีตคนทำงานทำความสะอาดออฟฟิสที่เป็นสาวใสวัย ยี่สิบเอ็ด บริสุทธิ์ผุดผ่อง หัวใจทอง ไร้เดียง --- แม็กซ์พูดครบไหมเนี่ย) แต่การเขียนเรื่องโรแมนซ์ที่ตัวเองเป็นกีฬาให้เวิร์ค คนแต่งจำเป็นจะต้องเอาส่วนประกอบในด้านกีฬาของพวกเขาเข้ามาผูกในเรื่องให้ ได้
แม็กซ์อ่านหนังสือมาเยอะที่พระเอกเป็นควอเตอร์แบ๊ค แต่คนแต่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ฮัดเดิ้ล คืออะไร นั่นเป็นวิธีการทำลายหนังสือที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะบังเอิญนอกจากหนังสือแล้ว กีฬาเป็นความลุ่มหลงอีกอย่างของแม็กซ์
กีฬาที่แม็กซ์รักที่สุด แต่แทบไม่เคยเจอนักเขียนคนไหนที่ดีพอจะผสมผสานให้ลงตัวกับโรแมนซ์ได้ ก็คือเบสบอล กีฬาที่คนไทยแทบจะไม่รู้จัก ยกเว้นจากการ์ตูนญี่ปุ่น
แต่สำหรับหนังสือของเคท แองเกิ้ลที่เขียนเรื่องผู้เล่นในทีมริชมอนด์ โร้ค (ที่จนบัดนี้แม็กซ์ก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมเมเจอลีกถึงยอมให้ริชมอนด์มีทีมเบสบอลได้ --- เป็นจินตนาการที่ไม่เอาไหนของคนแต่ง อยากน้อยก็น่าจะเลือกเมืองใหญ่กว่านี้นะ) ที่เริ่มจาก Squeeze Play มาจนถึง Curveball เล่มนี้ ในส่วนของเบสบอลถือว่าสอบผ่านฉลุยค่ะ คนแต่งมีความรู้เรื่องกีฬาชนิดนี้จริง การบรรยายฉากจบในเวิร์ดซี่รี่ย์ อ่านแล้วสนุก เหมือนกะได้ดูของจริงเลยด้วยนะ
แล้วโรแมนซ์ล่ะเป็นไงบ้าง ก็ถือว่าโอเคใช้ได้ในระดับหนึ่ง เพราะ Curveball (ซึ่งแปลเป็นไทยหมายถึง วิธีการขว้างลูกเบสบอลชนิดหนึ่งที่พิชเชอร์ขว้างโดยลูกจะโค้งขว้างมือแค ชเชอร์ --- คนที่อ่านที่แม็กซ์อธิบายไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องอ่านเรื่องนี้นะคะ เพราะเบสบอลเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องมาก ถ้าคุณไม่เข้าใจเบสบอล คุณก็จะพลาดส่วนนี้ไป) มีตัวละครหลักสามคู่ นั่นก็คือ สามแสบแห่งริชมอนด์ โร้ค
ไซโค ก็ตามชื่อเป็นผู้เล่นที่ชอบความรุนแรง และใช้อารมณ์ เขาเป็นต้นเหตุให้ตนเองและเพื่อนอีกสองคนโดนห้ามลงสนาม เนื่องจากไปชกต่อยกับผู้เล่นในทีมเดียวกัน ด้วยภูมิหลังที่ยากจนมาก่อน ทำให้เขาเข้าใจคีลี่ อดีตพนักงานเสิร์ฟที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตมาเป็นสถาปนิคได้เป็นอย่างดี เขาให้โอกาสเธอในการตกแต่งบ้านให้เขา ถ้าไม่คิดว่า พนักงานเสิร์ฟกลายเป็นสถาปนิคได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเรียนมหาวิทยาลัย ความรักของคู่นี้ถือว่าน่าอ่านและสนุกดีค่ะ คีลี่เป็นนักโกหกที่โชคดีพอที่เจอผู้ชายที่เหมาะกับเธอมากที่สุด นั่นเพราะไซโคทำทุกอย่างเพื่อให้คำโกหกของเธอเป็นความจริงขึ้นมา
โรมิโอ ก็ตามชื่อเช่นกัน เขาเป็นนักรัก ด้วยส่วนผสมของแม่ผมบลอนด์ตาสีฟ้า และพ่อเชื้อสายอิตาเลียน เขาหล่อเหลา และรู้ตัวดี ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นกับนักเขียนคอลัมท์กีฬาเอ็มเมอร์สัน (ที่เป็นผู้หญิงนะจ๊ะ-- ไม่ใช่เรื่องเกย์) ที่เขาชนจนหกล้มระหว่างที่ไซโคมีเรื่องกับเพื่อนร่วมทีม เอ็มเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทานเสน่ห์เขาได้ และดูเหมือนเป็นการสั่งสอนโรมิโอ เพราะเขาเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มสามแสบที่มีเซ็กซ์กับนางเอกของตัวเอง
เชสเซอร์ พบรักกับสาวข้างบ้าน ผู้หญิงที่เขาเรียนอนุบาลมาด้วยกัน ผู้หญิงที่รู้จักเขาดีกว่าตัวเขาเองเสียอีก ความรักที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ผ่านความใกล้ชิด เป็นความรักที่ลงเอยง่ายที่สุด เพราะมันเริ่มตั้งแต่ก่อนเรื่องนี้จะเริ่มต้นเสียอีก
และเพราะมีพระนางถึงสามคู่ เวลาในเรื่องจึงถูกแบ่งออกไป คนอ่านไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครแต่ละตัวมากนักหรอก หรือเข้าไปรู้เห็นว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนากลายเป็นความรักอย่างลึก ซึ้งนัก แต่แม็กซ์ชอบที่คนแต่งยังทำให้แม็กซ์เชื่อได้ว่า มีความรักเกิดขึ้น ด้วยหน้ากระดาษเพียงไม่กี่หน้า
หนังสือเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละครผู้ชาย บรรดานางเอกก็มีบ้าง แต่น้อยมาก แม็กซ์ถือว่าทำได้ดีค่ะ
แต่ก็คงต้องบอกตามตรงว่า คนที่คาดหวังมากกว่าความสนุกในเวลาสั้น ๆ ก็คงไม่สมหวังกับการอ่านเรื่องนี้หรอกค่ะ Curveball เหมาะกับการอ่านฆ่าเวลา หรือเพื่อใช้ปรับอารมณ์ (ในกรณีของแม็กซ์ ที่เพิ่งอ่านหนังสือที่น่าประทับใจมาก ๆ จบไป)
ลงตัวที่ 70 ค่ะ สำหรับการอ่านที่สบายใจ และถือเป็นหนังสือเกี่ยวกับเบสบอลอีกเล่มที่คะแนนสูงมาก (เพราะเล่มอื่นมันห่วยค่ะ) เทียบกับ Squeeze Play ที่ได้ 67
No comments:
Post a Comment