ขอแก้ตัวอีกรอบแล้วกัน เพราะมีคนส่งเสียงมาว่า บลอกอันก่อนหน้าของแม็กซ์อ่านไม่รู้เรื่องเลย ก็ขออำภัยด้วยแล้วกัน เพราะตอนนั้นทั้งมือสั่น และหัวใจสั่นอันเนื่องมาจากเพิ่งอ่านจบ อารมณ์ก็เลยบรรเจิด กระเจิดกระเจิงไปไหนจนเขียนไม่รู้เรื่อง
เริ่มต้นเตือนว่า ต่อไปเป็นสปอลย์นะคะ เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเล่าเรื่องเดม่อน มูนให้รู้เรื่องโดยไม่สปลอย์เรื่องเดม่อน แองเจิ้ล และก็ถือว่าเป็นการบอกกล่าวล่วงหน้าเลยแล้วกันว่า กรุณาอ่านแองเจิ้ล ก่อนจะคิดหยิบมูนมาอ่าน เพราะไม่งั้นจะรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกรถชน ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ในเดม่อน มูน แวมไพร์พระเอกของเรา คอลิน เอมส์-โบมองค์กำลังเล่นเอ็มเอสเอ็นอยู่เมื่อเขาได้รับข้อความจากสาวิตรี เมอร์เรย์ หญิงสาวที่เมื่อหลายเดือนเขา เขามีโอกาสได้พบในเคย์ลัม (หรือสวรรค์) เคย์ลัมไม่ใช่ที่สำหรับคนตาย แต่เป็นสถานที่พักอาศัยของเหล่าการ์เดียน และในการทำศึกกับลูซิเฟอร์ ลอร์ดแห่งนรกในเดม่อน แองเจิ้ล คอลินซึ่งเลือดของเขาเป็นอาวุธสำคัญในการเอาชนะศึกครั้งนั้น และสาวิตรีที่เปรียบเสมือนน้องสาวของฮิวจ์ พระเอกเล่มก่อน ถูกพาตัวมาที่เคย์ลัมเพื่อความปลอดภัย สิ่งที่คนอื่น (ในเรื่อง) ไม่รู้ และคนอ่านจะยังไม่รู้ไปอีกหลายร้อยหน้า การพบกันของทั้งคู่มันมากกว่าการเจอกันธรรมดา
ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้สาวิตรีพยายามหลบหน้าคอลินมาตลอด จนกระทั่งเมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังบินอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติกพร้อมผู้ โดยสารกว่าสามร้อยคน และนอสฟาราตูที่วางแผนจะฆ่าคนทั้งลำ ด้วยความที่เป็นสาวยุคใหม่ สาวิตรีก็รีบส่งข้อความด่วนผ่านทางคอมพิวเตอร์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่มันสายเกินไป
สาวิตรีต้องลงมือเอง ด้วยความฉลาดและกล้าหาญเธอจัดการกับนอสฟาราตูคนนั้นได้ แต่ก็ต้องแลกกับการที่เธอต้องดื่มเลือดของมัน และยาพิษที่มาจากหมาสามหัว (นึกถึงสุนัขที่เฝ้าประตูนรก) และนั่นทำให้เธอไม่ได้เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาอีกต่อไป
เธอยังเป็นมนุษย์อยู่ แต่แข็งแรงมากขึ้น ว่องไวมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องเกือบปกติมากที่เธอจะถูกเรียกตัวไปฝึกในหน่วยพิเศษที่ ฮิวจ์และลิลิธ (พระนางเล่มก่อน) จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลสถานการณ์หลังจากนรกปิดประตูลง (เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องมาจากเล่มก่อน ที่ลิลิธหลอกลูซิเฟอร์ให้ปิดประตูนรกได้สำเร็จ แต่ก่อนประตูจะปิดลง ก็มีปีศาจหนีมายังโลกหลายร้อยตัว ทำให้ต้องตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาดูแล)
คอลินที่ตลอดชีวิตปฏิเสธความรับผิดชอลพบว่าตัวเองเป็นเป็นกุญแจสำคัญในการ สอดส่องโลกที่เรียกว่า "เคออส" ในเล่มก่อนบรรดานอสฟาราตูถูกหลอกโดยฮิวจ์ให้ดื่มเลือดของคอลินที่มีความ ผูกพันอย่างลึกซึ้งกับเคออส (โลกที่อยู่ระหว่างนรกและโลกมนุษย์) และถูกส่งตัวไปที่นั่น ทุกคนคาดหวังว่านอสฟาราตูจะตายจากสภาพความเป็นอยู่ที่โหดร้ายของเคออส แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ นอสฟาราตูยังพยายามที่จะกลับมายังโลก และคอลินเป็นเพียงคนเดียวที่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดในเคออส
ส่วนที่ว่าทำไมคอลินมองเห็นเคออส ก็เป็นเรื่องที่ต้องเล่ากันอีกหลายหน้ากว่าจะเข้าใจถ่องแท้ แต่สรุปง่าย ๆ ก็เพราะว่า คอลินเคยโดยดาบของไมเคิลบาด (มนุษย์คนแรกที่มาช่วยพวกแองเจิ้ลในการสู้กับปีศาจ จนได้รับพรให้มีชีวิตเป็นอมตะและมีพลังพิเศษ) และดาบอันนั้นไมเคิลใช้ในการฆ่ามังกร ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในเคออส ทำให้คอลินเป็นสื่อที่ติดต่อกับเคออสได้
คอลินเป็นพระเอกโรแมนซ์ชนิดที่แม็กซ์อยากอ่าน เขาไม่เคยขอโทษหรือเสียใจในสิ่งที่เขากลายเป็น เขาไม่ได้เลือกที่จะเป็นแวมไพร์ แต่เขาไม่เคยนั่งทนทุกข์ ทำหน้าเก็กแล้วก็โอดโอยในขีวิตของตัวเอง เขาโดนสาปให้อยู่ตามลำพังไปตลอดชีวิต นั่นเพราะเลือดของมังกรที่เชื่อมโยงเขาไว้กับเคออสกลับเป็นยาพิษหากแวมไพร์ คนอื่นดื่มเข้าไป นั่นหมายความว่าเขาไม่อาจใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงคนไหนได้นาน เพราะถ้าเธอเป็นมนุษย์เขาก็จะดื่มเลือดเธอจนตาย แต่ถ้าเขาไม่ดื่มเลือดเธอ เขาก็ต้องแสวงหาจากคนอื่น ซึ่งในการดื่มเลือดของแวมไพร์ เลือดและเซ็กซ์ไม่อาจแยกกันออกได้ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะซื่อสัตย์ต่อผู้หญิงคนไหนได้นานเลย
คอลินรู้ข้อจำกัดของตัวเอง แต่นั่นไม่ได้ห้ามเขาจากการต้องการสาวิตรี เธอเป็นความลุ่มหลงที่เขาไม่อาจห้ามตัวเองได้ เขารู้ว่าเขาไม่เหมาะสมกับเธอ แต่นั่นไม่สำคัญเลยเมื่อเขาต้องการเธอ และแม้จะดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ เขาก็ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรั้งเธอให้อยู่กับเขาได้นานที่สุด
หัวใจของเรื่องนี้ก็คือ ความรัก ประเด็นอื่นเป็นเรื่องรองลงไปทั้งสิ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีฉากแอ็คชั่น หรือการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกเหนือธรรมชาติที่เมลจีนสร้างขึ้นเพิ่ม เติมหรอกนะ เพียงแต่ทุกอย่างมันลางเลือนไปเมื่อเทียบกับตัวละครที่ทรงพลังเช่นนี้
วิถีการเล่าเรื่องของเมลจีนนั่นเป็นวิธีการที่นักเขียนมือหนึ่งเท่านั้น ที่กล้าใช้ เพราะถ้าไม่แน่จริง มันจะกลายเป็นความน่ารำคาญ อย่างประเด็นว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคอลินและสาวิตรีเจอกันเคย์ลัม กว่าจะเปิดเผยก็ผ่านไปเกือบสามร้อยหน้าแล้ว
เดม่อน มูนอาจจะไม่เหมาะกับผู้อ่านทุกเพศทุกวัยหรอกนะคะ ไม่ได้คิดจะอวดว่าแม็กซ์เก่ง แต่แม็กซ์คิดว่า คนที่ภาษาอังกฤษไม่แข็งนัก อาจะมีปัญหาอย่างยิ่งในการหนังสือเล่มนี้ เพราะเมลจีนไม่เคยบอกอะไรคนอ่านตรง ๆ คุณต้องสรุปเอาจากคำพูดและการกระทำของตัวละครทั้งหมด การเล่าเรื่องก็ไม่ได้เป็นแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยกันหรอกนะคะ หลายอย่างต้องปะติดปะต่อเรื่องกันเอง
หลายจากที่ไม่มีหนังสือใหม่ของลอร่า คินเซลเป็นเวลาหลายปี แพทริเซีย กาฟเน่ย์ก็เลิกเขียนโรแมนซ์ ส่วนจูดิธ ไอวอรี่ก็ต้องรอร้อและรอ เมลจีน บรู๊คเป็นนักเขียนที่ใกล้เคียงกับมาสเตอร์เหล่านี้มากที่สุดแล้ว
คะแนนยืนยันที่ 93 (ส่วน Demon Angel ขยับขึ้นมาเป็น 83)
No comments:
Post a Comment