ก่อนจะอ่านแม็กซ์ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบหนังสือเล่มนี้นะคะ เพราะตัวละครดอว์นที่เป็นนางเอกเป็นตัวละครชนิดที่แม็กซ์ไม่ชอบเอามาก ๆ เมื่อแรกที่ได้อ่านเจอเธอในเรื่อง Temping the beast ซึ่งเป็นเล่มแรกในชุด Feline Breed
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามชุดนี้ คงต้องอธิบายกันยาวหน่อยค่ะถึงที่มาที่ไป แรกเริ่มทีเดียวเลย โลล่า ลีย์คนแต่งเขียนเรื่องในเวอร์ชั่นที่คล้ายคลึงกับ Tempting the beast ออกขายกับสนพ.เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่เมื่อเธอโด่งดังจากการเขียนเรื่องชุดพี่น้องตระกูลออกัสที่ชอบใช้เมีย ร่วมกัน เธอก็เริ่มเขียนเรื่อง Wolf's Hope ที่มีพล็อตเรื่องอยู่ในโลกที่เธอสร้างไว้ในเรื่อง TTB
ในโลกแห่งชุดบรีด เหล่าบรีดถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ตัดต่อพันธุกรรมของมนุษย์กับ สัตว์ชนิดต่าง ๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างทหารที่สมบูรณ์แบบ และก็เหมือนกับการท้าทายพระเจ้าหลายครั้ง ผลลัพธ์มันมากเกินกว่าที่คิดไว้ เพราะบรีดก็คือมนุษย์ และท้ายที่สุดเมื่อพวกเขาแหกคุกออกมาจากบรรดาแล็บที่กักขังพวกเขาอยู่
ด้วยความที่โลล่าเริ่มเขียนเรื่องในชุดนี้ให้กับสามสำนักพิมพ์ แรกเริ่มเธอจึงแยกชุดออกมาเป็นเฟไลน์บรีดซึ่งเป็นเรื่องของเหล่าบรีดที่ถูก ตัดต่อพันธุกรรมของสัตว์ตระกูลแมว (ที่รวมเสือ, สิงโต เข้าไปด้วย) หรือเล่มแรกคือ Tempting the Beast, ชุดวูลฟ์บรีด เรื่องของเหล่าพันธุกรรมหมาป่าที่เธอเขียนให้อีลอร่าส เคฟ และชุดบรีดที่เริ่มต้นเรื่องด้วย Megan's Mark ที่เธอเขียนให้กับเบิร์คเลย์ โดยคราวนี้เธอเร่งเวลาในเรื่องให้ห่างจากชุดที่เขียนกับกับอีลอร่าไปอีกสิบ ปี เพื่อสร้างความแตกต่าง
แต่แล้วเบิร์คเลย์ก็ซื้อลิขสิทธิ์ทั้งหมดในชุดบรีด โลล่าจึงต้องแก้ปัญหาและรวมหนังสือทั้งหมดให้มาอยู่ในชุดเดียวกัน และนี่เป็นเป็นเหตุผลให้ดอว์นต้องรอถึงสิบปีก่อนที่จะลงเอยกับคู่ของเธอได้
เพราะเรื่องชุด Tempting the Beast และชุดที่โลล่าเขียนให้เบิร์คเลย์เวลาในเรื่องห่างกันสิบปี ทำให้ดอว์นและเซ็ธซึ่งเจอกันตั้งแต่ต้นแล้วไม่อาจลงเอยกันได้ (เพราะไทม์ไลน์ในชุดที่เขียนให้เบิร์คเลย์) ทั้งสองจึงต้องรอ --- อันนี้เป็นเหตุผลอันแท้จริง แต่ไม่ใช่เหตุผลของตัวละครในเรื่อง
กลับมาเข้าเรื่องแล้วกัน ใน Dawn's Awakening เปิดเรื่องเมื่อสิบปีก่อนเมื่อเซ็ธถูกเรียกมาดูวีดีโอเทปภาพก็ถูกทารุณกรรม (ทางเพศ) ของดอว์นสมัยที่เธอยังถูกขังอยู่ในแล็บโดยพวกผู้ร้าย ทำให้เขาที่แม้จะรักเธออย่างสุดหัวใจ ก็ต้องตัดใจไปจากเธอ เพราะรู้ว่าความต้องการที่เขามีต่อเธอมันท่วมท้นมากเกินไป และทำให้เธอที่แสนเปราะบางไม่อาจรับได้ เซ็ธเดินจากไปทั้งที่รู้ว่า เขาและเธอเป็นคู่แท้ซึ่งกันและกัน (การเป็นคู่แท้นี่เป็นปฏิกริยาทางเคมีที่เหล่าบรีดจะมีต่อคู่ของตัวเอง)
สิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ดอว์นซึ่งเติบโตขึ้น และเข้มแข็งขึ้นอย่างที่แม็กซ์ถูกใจ ได้รับคำสั่งให้ไปคุ้มครองเซ็ธซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่พวก บรีด และทำให้เธอต้องเผชิญกับเขาอย่างจัง ๆ เป็นครั้งแรกในรอบสิบปี และอย่างไม่คาดคิดเธอพบกว่า เขาหลุดพ้นจากการเป็นคู่ของเธอแล้ว
สำหรับพวกบรีด ปฏิกริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อบรีดได้พบกับคู่ของพวกเขาเป็นสิ่งที่เหนือ การควบคุม และแก้ไขไม่ได้ มันเป็นจุดจบสำหรับทุกอย่าง สำหรับคนอื่น ในชีวิตของบรีดและคู่ของเขาจะมีเพียงกันและกัน สัมผัสจากคนอื่นนำมาซึ่งความเจ็บปวด
แต่เวลาสิบปีที่ห่างกันกลับทำให้เซ็ธหลุดพ้น และนั่นเป็นสิ่งที่ดอว์นยอมรับไม่ได้
และนี่คือเหตุผลที่ทำให้แม็กซ์นั่งอ่านเล่มนี้ต่อเนื่องจากจบเมื่อตอนตีสี่ กว่า เพราะดอว์นในเล่มนี้ไม่ใช่ดอว์นที่น่ารำคาญ (ที่ทำให้แม็กซ์นึกถึงหมาบาดเจ็บใน TTB) อีกต่อไป เธอต่อสู้เพื่อคู่ของเธอ โดยไม่สนใจว่าเขาจะว่ายังไง
มันเป็นความแปลกใหม่หลังจากนั่งอ่านแต่พระเอกที่มีนิสัยอยากได้อะไรก็ต้อง ได้ฝ่ายเดียว ในเล่มนี้เป็นดอว์นที่มุ่งมั่นในเซ็ธ โดยไม่สนใจว่าการกระทำนั้นจะส่งผลต่อเขายังไง
ไม่ใช่ว่าดอว์นเห็นแก่ตัวนะ เพราะแม็กซ์ว่าโลล่าเขียนอธิบายได้ดีเกี่ยวกับปฏิกริยาทางร่างกายและจิตใจ ที่พวกบรีดมีหลังจากพบคู่แท้ของตนว่าสติไม่ค่อยจะเข้ามาเกี่ยวข้องเท่าไห รนัก
พล็อตเรื่องง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนอะไรค่ะ ดอว์นมีหน้าที่ต้องคุ้มครองเซ็ธจากการปองร้าย ในขณะเดียวกันเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับอดีตอันเจ็บปวดที่ตามหลอกหลอนเธอมาตลอด ส่วนพล็อตรองก็เป็นเรื่องของแคสซี่ (ตัวละครใน Elizabeth's Wolf หนึ่งในเรื่องชุดนี้) ที่ตอนนี้อายุสิบแปด ทำให้แม็กซ์ซึ้งและลุ้นตามไม่ค่อยออกค่ะ มันเด็กไปหน่อย (แต่ก็ดูท่าว่าโลล่าคงจะยังไม่เขียนเรื่องของเธอในเร็ว ๆ นี้หรอก)
หนังสือยังมีข้อผิดพลาดอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการที่มีคำสั่งให้ดอว์นคุ้มครองเซ็ธ ก่อนที่จะเปลี่ยนใจเพียงสองสามนาทีหลังจากดอว์นเผชิญหน้ากับเซ็ธ ดูแล้วมันประหลาดและไม่น่าเชื่อ
อ่านได้ไม่ผิดหวังสำหรับคนที่ติดตามชุดนี้อยู่ แต่แม็กซ์ของบอกว่าตอนนี้หายใจเข้าออกเป็นโจนาสไปแล้ว
คะแนนที่ 73
No comments:
Post a Comment