แม็กซ์ชอบโลกที่นรินี ซิงค์สร้างขึ้นค่ะ มันเป็นโลกที่ซับซ้อนน่าติดตาม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ยากที่จะเข้าใจ นั่นเพราะเทคนิคในการเล่าเรื่องของนรีนีเหนือนักเขียนที่ประสบการณ์เก๋าหลาย ขุม
ในแต่เล่มในชุดไซ/ชาร์เลนจิ้ง (หรือผู้มีพลังจิตและผู้แปลงร่างได้) จะนำเสนอคนอ่านถึงเรื่องราวในโลกยุคอนาคตที่มนุษย์โลกถูกแบ่งออกเป็นสามเผ่า พันธุ์ ผู้มีพลังจิตหรือไซซึ่งถือเป็นชนชั้นปกครอง มีอำนาจและเงินตรา (หรือเรียกว่าจักรวรรดิในสตาร์วอร์ก็ได้) และมนุษย์แปลงร่างที่ใช้ชีวิตติดอยู่กับธรรมชาติ ไม่ถึงกับเป็นศัตรูกับไซ แต่ก็ไม่ใช่พันธมิตร และมนุษย์ธรรมดาสามัญผู้เป็นเหมือนผิ้งงานที่อยู่ตรงกลาง
นรินีเก่งมากตรงที่แต่ละเล่มเธอจะให้รายละเอียดในโลกที่ซับซ้อนแห่งนี้อย่าง พอดิบพอดี ไม่มากขนาดขัดขวางความรักระหว่างตัวเอก หรือน้อยแบบให้ต้องไปติดตามอ่านกันต่อในเล่มถัดไป แล้วสร้างความหงุดหงิดให้กับคนอ่าน
ใน Slave to sention เล่มแรกเล่มเรื่องของลูคัสหัวหน้าเป่าดาร์คริเวอร์ เผ่ามนุษย์เสือที่แหกกฎร่วมทำธุรกิจกับไซเป็นครั้งแรก นั่นเพราะลูคัสต้องการสืบหาฆาตกรโรคจิตที่ไล่ล่าหญิงสาวจากเผ่าผู้แปลงร่าง และเขาก็ได้พบกับซ่าช่าหญิงสาวชาวไซที่ถูกสอนมาตลอดชีวิตว่าเธอ "บกพร่อง" นั่นเพราะซ่าช่ามีความรู้สึกซึ่งแตกต่างไปจากชาวไซทั่วไป ในเล่มนี้เราได้รับการแนะนำให้รู้จักโลกอันซับซ้อน เข้าใจว่าใครเป็นใครในโลกแห่งนี้
ใน Vision of heat เป็นเรื่องราวของเฟธชาวไซผู้มีญาณวิเศษในการมองเห็นอนาคต เธอถูกตามปองร้ายจากฆาตกรโรคจิตเช่นกัน (สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมมีฆาตกรโรคจิตเยอะจังในเรื่องชุดนี้ แม็กซ์ก็ขอบอกว่ามีคำอธิบายค่ะ คำอธิบายที่ดีเสียด้วยล่ะ) ทำให้เธอวิ่งไปหาชายคนเดียวที่ทำให้เธอแหกกฎทุกอย่าง และข้อมูลที่คนอ่านได้ในเล่มนี้ก็คือ ชาวไซไม่ได้อยู่นิ่งเฉยจากการถูก "ควบคุม" มีความพยายามปฏิวัติในกลุ่มชาวไซอยู่ ซึ่งพ่อของเฟธเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญ
ส่วนเล่มสามที่จนกระทั่งบัดนี้ยังเป็นเล่มโปรดที่สุดของแม็กซ์อยู่ คือ Caressed by Ice เล่าเรื่องของจัดด์ชายชาวไซที่ตัดขาดจากไซเน็ตเพราะชีวิตรอดของครอบครัว แม้ว่าเขาจะเชื่อเสมอว่า คนอย่างเขาสมควรแล้วที่ต้องถูกควบคุม และในเล่มนี้เราก็ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการปฏิวัติในไซเน็ตเพิ่มมากขึ้น
และก็มาถึงเล่มนี้ Mine to Possess ที่เป็นเล่มแรกที่จับคู่ระหว่างชาร์เลนจิ้งและมนุษย์ธรรมดาสามัญ (ซึ่งไม่สามัญเท่าไหรหรอกนะ) เรื่องของเคลย์และหญิงสาวที่รักมาตลอดชีวิต
ครั้งแรกที่เทลลี่พบกับเคลย์ (แบบเผชิญหน้ากัน) เธออายุสามขวบ ส่วนเขาเก้าขวบ เคลย์ขาหัก เทลลี่ซึ่งเป็นเด็กที่หวาดกลัวโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล และจับมือเขาให้กำลังใจขณะรอ นับจากนั้นเคลย์เป็นผู้พิทักษ์ของเทลลี่ แต่เขาก็ไม่สามารถคุ้มครองเธอจากความโหดร้ายของพ่อบุญธรรมของเธอได้ โดยที่เคลย์ไม่รู้เทลลี่โดยทารุณกรรมสารพัดรูปแบบจากพ่อและแม่บุญธรรม และเมื่อเขารู้ ด้วยวัยสิบสี่ปี เคลย์หักห้ามความโกรธไม่ได้ และฆ่าคนเป็นครั้งแรก
นั่นทำให้มิตรภาพหยุดลง
แม็กซ์ไม่ได้บอกว่าชอบเทลลี่เพราะความเข้มแข็งของเธอ แต่แม็กซ์รู้สึกว่าตัวเองเข้าใจการกระทำของเธอนะ เทลลี่อายุเพียงแค่แปดปีตอนที่ทุกอย่างในชีวิตของเธอจบสิ้นลง เธอสูญเสียความมั่นคงในชีวิต เสียเคลย์ให้กับกฎหมาย และต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธออาจไม่ใช่นางเอกที่เข้มแข็งที่สุด แต่แม็กซ์เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเทลลี่ถึงหลอกเคลย์ว่าตัวเองตายแล้ว เพื่อเริ่มต้นชีวิตโดยที่ไม่มีเขา ไม่ใช่ว่าแม็กซ์ชอบ แต่แม็กซ์เข้าใจ เธอเป็นเพียงแค่เด็กที่มีความคิดอ่านแบบเด็ก และเมื่อเวลาผ่านไป มันก็สายเกินกว่าจะย้อนกลับไปแก้ไขอดีตแล้ว
ยี่สิบปีผ่านไปเทลลี่เดินกลับเข้ามาในชีวิตของเคลย์อีกครั้ง คราวนี้เธอต้องการให้เขาช่วยเหลือในการตามหาเด็กในความดูแลของเธอที่หายตัว ไป แต่สำหรับเคลย์แล้วการได้รู้ว่าเทลลี่ยังมีชีวิตอยู่ และเลือกที่จะหลอกลวงเขาว่าเธอตายไปแล้ว เป็นความเจ็บปวดที่ยากจะทนได้
เล่มนี้แม็กซ์ว่ามีพล็อตที่น่าติดตามอ่านมากที่สุดค่ะ แม้ว่าตัวละครจะไม่ถูกใจ (แต่ก็ยากจะหาใครที่เทียบจัดด์ได้นะ) นัก เทลลี่มีประสบการณ์เลวร้ายในอดีตซึ่งติดตามเธอมาในปัจจุบันมากเกินไป ส่วนเคลย์ก็เป็นตัวละครที่แม็กซ์รู้สึกเหมือนไม่รู้จักดี (ฉากที่เขาออกในเล่มก่อนหน้า ก็ไม่ได้ทำให้แม็กซ์สนใจอะไร) นอกจากว่าเขารักเทลลี่ยิ่งกว่าอื่นใด (และนั่นถือเป็นข้อดีนะ)
พล็อตหลักของเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ถูกลืม หรือชาวไซที่ปฏิเสธการบำบัดเพื่อควบคุมอารมณ์ ชาวไซเหล่านี้ปะปนอยู่กะมนุษย์ จนกลายเป็นคนธรรมดาสามัญที่อาจจะมีความสามารถพิเศษนิดหน่อย และพวกเขากำลังถูกล่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทดลอง
ชอบเรื่องนี้นะคะ โดยเฉพาะที่พล็อตที่น่าติดตามอ่านมาก คะแนนที่ 73
No comments:
Post a Comment