ตอนแรกตั้งใจจะเขียนถึงเรื่อง Witch fire ที่เพิ่งอ่านจบไป แต่แล้วอาการลิซเครซี่ก็แทรกเข้ามากระทันหัน ก็เลยขออนุญาตเขียนถึงนักเขียนคนที่สำหรับแม็กซ์แล้ว คืออันดับหนึ่งในดวงใจ ณ เวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแนวย้อนยุค
ลิซ คาร์ไลล์อาจไม่มีหนังสือเล่มที่แม็กซ์เรียกได้ว่าเล่มโปรด ชอบมากจนสุดหัวใจ แต่กับงานของเธอ แม็กซ์กล้าเปิดอ่านโดยไม่ต้องทำใจเตรียมรับกับความผิดหวัง คะแนนเฉลี่ยหนังสือของเธออยู่ที่ 82 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดานักเขียนแนวย้อนยุค
และเพื่อเป็นการเตรียมฉลองให้กับหนังสือเล่มใหม่ของเธอที่กำลังจะออกขาย (หรือจะมาถึงเมืองไทย) ในเร็ววันนี้ แม็กซ์ก็เลยอยากจะพูดถึงงานในอดีตของเธอ
My False Heart(83)หนังสือเล่มแรก เขียนขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 1999 เธอไม่เหมือนนักเขียนหน้าใหม่เลยสักนิด กับพล็อตเรื่องที่ดูแสนธรรมดา แต่ความพิเศษซึ่งเราถือว่าเป็นเอกลักษณ์อันสำคัญสุดของเธอก็โดดเด่นจนแม็กซ์ ซึ่งอ่อนภาษาอังกฤษเหลือเกินในตอนนั้นยังมองเห็น ความลึก ความนุ่มนวล และความฉลาดในการใช้ภาษา การบรรยายตัวละครโดยไม่จำเป็นต้องใช้การบอกให้คนอ่านรับรู้ แต่กลับเป็นการทำให้คนอ่านซึมซาบเข้าไป ความละเมียดละไมที่หาได้ยากในงานของนักเขียนทั่วไป ทำให้เธอโดดเด่นแม้ว่าพล็อตเรื่องจะไม่มีอะไรเลย เรื่องการหลอกลวงของเอลเลียตที่บังเอิญหลบฝนไปในบ้านของเอแวนเจลีน แล้วถูกเข้าใจผิดว่าเป็นนักวาดรูปภาพเหมือนที่เธอจ้างมา ความสัมพันธ์ระหว่างขุนนางสูงศักดิ์กับหญิงสาวที่ดูไม่เหมาะสมกับเขานักก็ เริ่มพัฒนาขึ้น เพื่อนของแม็กซ์คนนึงเคยพูดถึงฉากที่เป็นหัวใจของเรื่อง ซึ่งแม็กซ์เห็นด้วยเต็มที่ เมื่อเอลเลียตสารภาพกับนางเอกถึงเหตุผลที่เขาต้องปกปิดตัวตนของตนไว้ ทั้งที่ในฐานะของมาร์ควิสแห่งเรนน็อคเขาดูดีกว่านักวาดรูปปากกัดตีนถีบนัก "เพราะผมไม่เคยชอบผู้ชายที่ผมเป็น ผมไม่เคยชอบตัวตนของตัวเองและผมต้องการอย่างแรงกล้าที่จะทำให้คุณชอบผม แล้วผมจะคาดหวังได้อย่างไรเล่าที่จะให้คุณชอบผมอย่างที่ผมเป็น โดยไม่โกหก"
สำหรับงานเล่มแรก สอบผ่านฉลุยค่ะ และทำให้แม็กซ์กลายเป็นแฟนตัวจริงเสียงจริงของเธอมาจนถึงบัดนี้
A Woman Scorned (90) ตามมาในเดือนพฤษภาคม 2000 หนังสือที่แม็กซ์คิดว่าจะไม่ชอบ เพราะเป็นเรื่องราวของแม่ม่ายลูกติดสอง คนที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าสามีของตัวเอง กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว แม็กซ์ก็ยังเป็นคนโง่ที่ปิดกั้นตัวเองเหมือนกันนะ แม็กซ์มีรสนิยมบางอย่างที่เป็นกำแพงทำลายโอกาสของตัวเอง แม็กซ์ไม่ชอบเรื่องที่นางเอกแต่งงานมาก่อน หรือมีลูกติด หนังสือเล่มนี้พิสูจน์ให้แม็กซ์รู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน ความสนุกไม่ได้ขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของนางเอก หรือความหล่อเหลาของพระเอกหรอกนะ โจเน็ตนางเอกของเรื่องห่างไกลจากความเพียบพร้อม เธอถูกจัดให้แต่งงานกับชายสูงวัยกว่าตั้งแต่อายุน้อย เธอยอมรับกับมัน และทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกชายสองคนของเธอ และเมื่อสามีของเธอตายในลักษณะที่น่าสงสาร เธอก็ยืดหน้าต่อสู้กับคำครหา เธอเป็นผู้หญิงชนิดที่แม็กซ์อยากจะเป็น เพราะเธออารมณ์ร้ายแต่ยามรักก็สุดใจ เธอไม่แคร์สังคมและทำให้สังคมหมุนรอบตัวเธอได้ เธอไม่แคร์ที่ตัวเองจะเริ่มตกหลุมรักอดีตทหารที่เป็นอดีตพระที่ปัจจุบันเป็น ครูสอนหนังสือให้ลูกชายของเธอ ตอนเริ่มแรกแม็กซ์คิดว่านี่จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระเอกปลอมตัวเข้าไปอยู่ ในบ้านนางเอก เพราะโคลถูกน้าชายของเขาซึ่งเป็นน้องเขยของโจเน็ตให้เข้าไปสืบสวนการตายของ สามีของเธอ แต่ลิซก็เป็นนักเขียนที่ดีกว่านั้น เพราะนั่นไม่เคยเป็นประเด็นในเรื่อง
รสนิยมชอบผู้ชายสไตล์ดีแตกก็ได้มากจากเล่มนี้แหละ
Beauty likes the night (พฤศจิกายน 2000) เป็นเล่มที่สาม และถือว่าเป็นหนึ่งในเล่มที่อ่อนที่สุดของเธอ (77) สำหรับคนที่สงสัยคำว่า BLTN เป็นส่วนหนึ่งของบทกลอนที่ลอร์ดไบรอนเขียน ถ้าคุณเคยได้ยินนะ She walks in beauty... แม็กซ์จำได้แค่นี้แหละ กลอนไทยยังจำไม่ได้เลย จะจำกลอนฝรั่งได้ยังไง ใช่เปล่า เล่มนี้เป็นเรื่องความผูกพันในวัยเด็ก เมื่อเฮลีนซึ่งเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลเด็กที่มีความ ต้องการเป็นพิเศษ และแคมเป็นพ่อผู้ซึ่งไม่อาจทำให้ลูกสาวหายช็อคจากเหตุการณ์ที่ทำให้ภรรยาของ เขาต้องตายได้ แคมจึงติดต่อเฮลีนผู้ซึ่งเป็นหวานใจของเขาในวัยรุ่นสมัยที่พ่อของเขาและแม่ ของเธอเคยเป็นชู้กัน ความรักที่พลัดพลาก การเจอกัน และแน่นอนการช่วยเหลือเด็กน้อยให้กลับสู่ความเป็นปกติก็เกิดขึ้น อาจเพราะว่าตัวละครในเรื่องนี้ดีเกินไปมั้งคะ แม็กซ์ก็เลยไม่ค่อยปิ๊งเท่าไหร เพราะแคมก็เป็นพี่ชายที่แสนดี เสียสละ ยอมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก (และเลิกกับคนที่เขารักที่สุดไป) ก็เพื่อรักษาฐานะของครอบครัวไว้ เฮลีนเองก็ดีไม่แพ้กันความดีที่มากเกินไปไม่ค่อยเข้ากับแม็กซ์น่ะ ส่วนที่เด่นที่สุดในเรื่องนี้ และไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะเบนท์ลีย์เป็นตัวละครที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดของลิซ คาร์ไลล์ เขายังปรากฎตัวในอีกหลายเล่มกว่าที่จะมีเรื่องเป็นของตัวเอง
แล้วลิซก็เขียนถึงแบดบอยอีกคนที่แม็กซ์ติดใจมากตั้งแต่เรื่อง A Woman Scorned นั่นก็คือเดวิด เดลาคอร์ต กับเรื่อง A Woman of Virtue (87) ในเดือน มีนาคม 2001 เดวิดมีภูมิหลังอันลึกลับ ที่ไม่ค่อยลับนักหรอกถ้าคุณอ่าน AWS แล้ว เขาเป็นน้องชายต่างแม่ของโจเน็ต และไม่ใช่ลูกชายของคนที่เขาสืบทอดบรรดาศักดิ์ นั่นเป็นปมในใจของเขา เดวิดคิดมาตลอดชีวิตว่าตนเองอาจจะเหมือนกับพ่อผู้ให้ดีเอ็นเอแก่เขา (แต่สมัยนั้นเขาไม่รู้จักดีเอ็นเอหรอกนะ แม็กซ์เรียกเองน่ะ) ซึ่งเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว และไร้ความรับผิดชอบ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดว่าตัวเองดีพอสำหรับเซซิเลีย ทั้งที่มีโอกาสได้หมั้นหมายกับเธอแม้จะจากความเข้าใจผิดและเพื่อรักษาชื่อ เสียงของเธอเอาไว้ ทั้งคู่ก็ถอนหมั้น และเธอแต่งงานกับคนอื่น (แต่แฟนสาวเวอร์จิ้นไม่ต้องเสียใจ สามีเก่านางเอกไร้สมรรถภาพจ้า) เธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาไม่เคยคว้ามาครอบครองได้ ส่วนที่ทำให้เรื่องนี้งดงามและอยู่ในความทรงจำของแม็กซ์ก็คือการบรรยายความ รู้สึกของตัวละคร ที่อ่านไปแล้วต้องถอนหายใจออกมาลึก ๆ หลายรอบ ตัวละครของลิซซับซ้อนและไม่ได้คิดอะไรง่าย ๆ จำพวก "ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ ฉันรักเธอ" วิธีการบอกรักของพวกเขาลึกล้ำ และมีความหมาย การกระทำเพียงเล็กน้อยก็สื่อให้เรารู้แล้วว่า เดวิดรักเซซิเลียมากเพียงใด ถ้ามีโอกาสและเป็นไปได้ แม็กซ์อยากจะแนะนำคนที่อยากอ่านเรื่องนี้ให้อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษนะคะ เพราะการถ่ายทอดออกเป็นภาษาไทยกับความลึกล้ำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และโอกาสที่จะ Lost in Translation ก็มีมากเหลือเกิน
No True Gentleman (83) ออกขายในเดือน กรกฎาคม 2002 เล่มนี้สร้างความฉงนให้กับแม็กซ์ค่ะ เพราะตอนที่อ่านครั้งแรกแม็กซ์ไม่ชอบเลยนะคะ คะแนนต่ำต้อยยิ่งกว่า BLTN เสียอีก แต่แล้วก็ต้องขอบคุณเพื่อนคนนึงที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ฉบับภาษาไทย และคุณกัญชลิกาคนแปลที่ทำให้แม็กซ์เมื่อได้อ่านเรื่องนี้อีกครั้งในฉบับภาษา ไทย (ซึ่งถ้าไม่แปลแม็กซ์คงไม่เลือกจะหยิบเล่มนี้มาอ่านอีกรอบหรอกค่ะ เพราะก็ไม่ชอบไง จะเอามาอ่านอีกทำไม) จึงทำให้แม็กซ์รู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่คิดนัก จนอ่านจบก็ทำให้แม็กซ์ทบทวนคะแนนอีกครั้ง และพบว่าบางครั้ง First Impression is not alway a last impression หนังสือซึ่งเป็นเรื่องราวของแม็กซ์ (ที่ไม่ใช่แม็กซ์คนเขียนบลอกนะ) ตำรวจน้ำที่ออกมามีบทใน A Woman of Virtue และแคทเธอรีนน้องสาวของพระเอกในเรื่อง Beauty likes the night ซึ่งเป็นตัวอย่างว่า จงอย่าเกิดเป็นน้องสาวของพระเอก เพราะคุณอาจจะโดนคนแต่งฆ่าสามีของคุณ แล้วจับคุณมาย้อมแมวเป็นนางเอกในหนังสือเล่มต่อไปของเธอได้ ในเล่มนี้แคทเธอรีนที่เสียสามีไป เดินทางมาลอนดอนเพื่อร่วมฤดูกาล การเป็นแม่ม้ายของเธอจึงเปิดโอกาสให้เธอสานความสัมพันธ์กับแม็กซ์ผู้ชายที่ ดูจะไม่เหมาะสมกับเธอเลยสักนิด เขาเป็นคนต่างชาติ (ยายของเขาเป็นอิตาเลียน) เป็นตำรวจ อาชีพที่ไม่เหมาะกับสังคมชั้นสูง และทั้งคู่ก็เข้าไปพัวพันกับการฆาตกรรมที่ใกล้ตัวเกินคาด
และแล้วเบนท์ลีย์ก็มีเรื่องเป็นของตัวเองเสียที หลังจากผลุบโผล่มาให้คนอ่านชื่นใจในหลายเล่ม กับเรื่อง The Devil you know (83) ในเดือน เมษายน 2003 หนังสือที่ชื่อตรงกับใจของแม็กซ์มาก ลิซฉลาดมากที่จับคู่หนุ่มเสเพล ไร้ความรับผิดชอบกับเฟรเดริก้า เด็กสาวที่อยู่ในความดูแลของเอเวนเจลีนจากเรื่อง My False Heart แล้วให้โคลโผล่มาให้เห็น แค่นี้ก็เป็นส่วนประกอบที่แม็กซ์ทำใจว่าจะชอบตั้งแต่ยังไม่ได้อ่านแล้วล่ะ กับพล็อตเรื่องที่คงถูกใจแม่ยกหลายคนที่นางเอกท้อง ทำให้ทั้งสองจำใจต้องแต่งงานกัน การเดินทางของคู่ที่ดูไม่เหมาะสมกันเลย กับการค้นหาอดีตและไถ่บาปของเบนท์ลีย์ แม็กซ์สารภาพว่าตอนจบที่ความจริงในอดีตเกี่ยวกับเบนท์ลีย์เปิดเผยออก เราเสียน้ำตาไปหลายปี๊บมาก หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของอารมณ์ในเรื่องล้วน ๆ ค่ะ ไม่มีพล็อตประเภทผู้ร้ายจ้องจะฆ่านางเอก แล้วพระเอกต้องมาปกป้อง ทุกอย่างเป็นเรื่องของใจ ที่อยู่ข้างใน การยอมรับความผิดพลาดในอดีต และการเริ่มต้นใหม่ พูดง่าย ๆ ก็เป็นพล็อตที่ลิซเขียนได้ดีที่สุด
แล้วธีมชื่อเดวิ่ลก็ตามติดมากับเล่มต่อไปที่ออกในเดือน มีนาคม 2004 กับเรื่อง A Deal with the devil (83) เรื่องที่แม็กซ์ไม่ได้คิดว่าจะชอบ (อีกแล้ว) เพราะเป็นเรื่องของไจลล์ลูกเลี้ยงของเซซิเลียจาก A Woman of Virtue ตัวละครที่แม็กซ์ไม่เห็นว่าจะน่าสนใจสักนิด แต่พูดอย่างนี้ก็คงพอรู้ว่า สุดท้ายแม็กซ์ก็ต้องกลืนคำพูดตัวเอง เพราะกลายเป็นอีกเรื่องที่ชอบมากเมื่อนักการเมืองหนุ่มผู้เพียบพร้อมพบว่า ตัวเองติดตาตรึงใจกับแม่บ้านที่ดูแลบ้านของเขาเอง ทั้งที่รู้ว่าไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้อง หรืออาจจะผิดศีลธรรมด้วยซ้ำ เขาก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ โอ้ย พล็อตพระเอกดีแตกอีกเล่มค่ะ (กรี๊ด) แต่ขอเตือนว่าอย่าเข้าใจผิด เพราะเล่มนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเบนท์ลีย์หรอกนะคะ เพียงแต่ตัวละครเคยเดินชนกันครั้งหรือสองครั้งในหน้าหนังสือเท่านั้นเอง
ธีมชื่อเดวิ่ลตามติดมาอีกเล่มซึ่งก็คือ The Devil to Pay (83) ในเดือน มกราคม 2005 หนังสือที่แม็กซ์คิดว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของลิซ เพราะเล่มนี้เป็นเล่มแรกที่เธอเปลี่ยนแนวการเขียน แนวเรื่อง และที่สำคัญคือตัวละคร ไม่ใช่ว่าลิซไม่เคยเขียนเกี่ยวกับพระเอกที่เป็นหนุ่มเสเพลหรอกนะ แต่คุณต้องอ่านถึงจะรู้ว่าทำไมแม็กซ์จึงคิดว่า เดวิลลินไม่เหมือนพระเอกคนอื่น ๆ ของเธอ เขาหยาบกระด้าง ไร้มารยาท เสียงดัง และมีเสน่ห์ที่สุดคนหนึ่งที่แม็กซ์ได้อ่าน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับโจรสาวนามเองเจิ้ล ความร้อนแรงที่เกิดคาดก็เกิดขึ้น จุดที่ทำให้แม็กซ์ให้คะแนนเรื่องนี้ไม่มากไปกว่าเล่มอื่น ทั้งที่ชอบมากนะคะ ก็คงเป็นที่ซิโดนี่ นางเอกที่แม็กซ์ว่าทำไมไร้เหตุผลไปเยอะ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับ TSTL (สำหรับคนที่อยากรู้ว่ามาจากคำว่า Too Stupid To Live) หรอกนะ และเล่มนี้เป็นเล่มเปิดตัวตัวละครที่จะกลายเป็นหนังสือที่เป็นที่รู้จักกัน ว่าเป็นไตรภาคเล่มแรกของเธอ (ซึ่งไม่จริงหรอก เพราะหนังสือทุกเล่มของลิซเกี่ยวพันกัน)
และแล้วก็มีถึงชุดที่โฆษณากันว่าเป็นไตรภาคชุดแรกของเธอ Sin, Lies, and Secrets ที่เริ่มต้นในเดือน ตุลาคม 2005 กับเรื่อง One little sin (53) หนังสือที่อ่อนที่สุดที่เธอเคยเขียน ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายอย่างที่คะแนนบอกหรอกนะคะ แต่ถ้าเทียบกับมาตรฐานของลิซแล้ว สอบตกค่ะ เพียงแม็กซ์ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่า ถ้ามีโอกาสได้อ่านอีกรอบ (ซึ่งคงยาก) คะแนนก็อาจถูกรีวิวก็ได้ เหมือนอย่างที่เคยทำไปแล้วกับ NTG อะไรที่ทำให้เรื่องนี้ไม่เวิร์ค อันดับแรกก็คงเป็นพล็อตชนิดที่ไม่โดนเอาเสียเลย เมื่อพระเอกแก่กว่านางเอกสิบกว่าปี (เกือบสิบห้า) เรื่องของเพลย์บอยที่ชื่อเสียงเสียกะฉ่อน กับเด็กสาวสวยใสบริสุทธิ์ที่จำต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวกับเขา เรื่องราวที่ดูเหมือนจะเป็นสูตรสำเร็จที่แม็กซ์ดันไม่ชอบ ความเป็นสุภาพบุรุษที่มากเกินไปของพระเอก ซึ่งถ้าดีแตกเสียหน่อย แม็กซ์อาจจะขึ้นคะแนนให้ก็ได้ ที่กว่าจะคิดได้ว่า ตัวเองก็เหมาะสมกับนางเอกเหมือนกันก็ช้าไปแล้ว
ด้วยความผิดหวังจากเล่มแรก ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันในเวลาหลายปีนับจากเริ่มอ่านงานของลิซ ที่แม็กซ์ไม่ตื่นเต้น ดีใจที่เรื่อง Two Little Lies (90) ออกขายในเดือน มกราคม 2006 แม็กซ์เป็นพวกเจ็บแล้วจำค่ะ แต่ในครั้งนี้ใช้กันไม่ได้เลย เพราะ TLL เป็นหนังสือที่ดีที่สุดอีกเล่มหนึ่งของลิซ เรื่องราวของคู่รักวัยเยาว์ที่ปล่อยให้ทิฐิ ความโง่ และการอยากเอาชนะมาทำลายความสัมพันธ์ ต้องใช้เวลาเกือบสิบปี การแต่งงานกับคนผิด การหมั้นที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นก่อนที่จะบรรจบเรื่องราวของควิน และวิเวียนน่าลงได้ ในวัยเยาว์ควินตามตื้อจนชนะใจนักร้องโอเปร่าสาว เขามีความสัมพันธ์กับเธอ และทิ้งเธอไปในยามที่เธอต้องการเขามากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้วิเวียนน่าปราศจากความผิด ทิฐิของเธอทำให้เธอไม่ยอมเล่าความจริงที่เกิด คำโกหกเล็ก ๆ สองครั้ง กับชีวิตที่แห้งแล้งตลอดเกือบสิบปี จนกระทั่งทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้ง นี่เป็นอีกเล่มที่แม็กซ์เรียกว่า Emotion Books ของลิซ แนวเรื่องที่เธอเขียนได้ดีที่สุด หนังสือที่อ่านไปแล้วเกิดอาการน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่ใช่จากความเศร้าหรอกนะคะแต่เป็นอารมณ์ที่ถูกสร้างขึ้นจากแต่ละตัวอักษร ที่อ่านไป
และเล่มล่าสุดของเธอที่แม็กซ์ได้อ่าน ไม่แปลกใจหรอกนะคะที่Three little secrets (80) จะดูเหมือนด้อยลงมา เพราะทฤษฎีของแม็กซ์ก็ยังคงเหมือนเดิมที่ว่า นักเขียนไม่สามารถสร้างมาสเตอร์พีชได้ติดติดกันนักหรอก แต่อย่างน้อยกับนักเขียนคนนี้ ความผิดหวังไม่วูบลงหรอก อาจจะรู้สึกว่าด้อยลงไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้แย่เลย ส่วนหนึ่งเพราะเล่มนี้พล็อตเรื่องคล้ายคลึงกับ TLL พอสมควร ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ของพระเอกและนางเอกในอดีต การพลัดพรากก่อนจะกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ลิซก็เก่งพอจะทำให้เล่มนี้ดูแตกต่างออกไป แล้ก็แทรกพารานอมอลเล็ก ๆ เข้าไปในเรื่องตามสมัยนิยม
และตอนนี้ทุกลมหายใจของแม็กซ์ก็มีแต่ Never lie to a lady หนังสือเล่มใหม่ และเล่มแรกในชุดใหม่ (ที่ยังไงก็ยังอยู่ในโลกใบเดิมกับที่ตัวละครในเล่มก่อนหน้าของเธออยู่)
สุดท้ายของเตือนนิดเดียวค่ะ คนที่ชอบโรแมนซ์แนวฮาร์ลิควิน เพรสเซ่นที่นางเอกสวยใสวัยยี่สิบเอ็ด ผุดผ่องเป็นยองใย พระเอกรวยล้นฟ้า คงไม่เหมาะกับงานเล่มใหม่ของเธอหรอกนะคะ ไม่ใช่ว่าลิซเขียนไม่ได้ เพราะเธอเคยเขียนมาแล้ว (ใน One little sin) แต่สำหรับแม็กซ์ก็คงได้แต่ภาวนาว่า คงไม่มีอะไรมาดลใจให้เธอเขียนเรื่องแบบนั้นอีกเป็นอันขาด
เสียดายฝีมือค่ะ หนังสืออย่างนั้นปล่อยให้คนที่เหมาะสมเขียนไปดีกว่า คนที่เขียนเรื่องได้อารมณ์สุดสุดอย่างเธอ ไม่ควร ไม่ควร
No comments:
Post a Comment