Saturday, February 7, 2009

Paralle Desire // Deidre Knight

หนังสือเล่มสุดท้ายในชุด Midnight Warriors ของเดียเดร ไนท์ กับเรื่อง Paralle Desire

ก่อนอื่นคงต้องขอกล่าวชมเชยเดียเดรเลยนะคะ ในฐานะที่อดีตเธอเคยเป็นตัวแทนนักเขียน (และปัจจุบันก็ยังเป็นเจ้าของบริษัทตัวแทนนักเขียน ที่ติดอันดับทรงอิทธิพลมากที่สุดหนึ่งในสิบในอเมริกา) เดียเดรรู้ใจนักอ่านยิ่งกว่านักเขียนดังหลายคน นั่นคือ เธอรู้ว่า เมื่อใดถึงเวลาที่ควรจะจบ

แต่ก่อนแม็กซ์มักคิดเสมอว่า ไม่อยากให้หนังสือจบชุด อยากให้มันต่อยอดไปเรื่อย ๆ เพราะเราจะได้เจอกับตัวละครในเล่มก่อน ๆ ที่ยังคิดถึงกันอยู่ รู้เห็นความเป็นไปของพวกเขาว่าชีวิตไปถึงไหนกันบ้าง แต่หลังจากอ่านหนังสือชุดที่ยาวยืดออกทะเล รอคอยเท้งเต้งรอวันฉลามกินหลายชุด แม็กซ์ก็ชักเกิดอาการเบื่อว่า ไหงนักเขียนถึงไม่จบชุดสักกะที ไขปริศนาในเรื่องให้จบไปหน่อยได้หรือเปล่า

อันที่จริงชุด MW (ชุดนี้มีชื่อไม่เข้ากับเนื้อเรื่องเอาเสียเลย) ยังไม่จุดที่น่าเบื่อหรอกนะ แต่ตัวละครที่มีความสำคัญในเรื่องเริ่มลดหายลงไป อันที่จริงถ้าเดียเดรจะทู่ซี้เขียนต่อก็ไม่เสียหายนะ เพราะยังมีประเด็นเปิดให้เล่นอีกหลายจุด แต่เธอเข้าใจ และเชื่อมั่นในตัวเองมากพอว่าจะสามารถเริ่มต้นชุดใหม่ได้ โดยไม่ต้องขายของเก่ากิน

และนั่นคือเรื่องน่าชื่นชม นั่นเพราะจุดขายใหญ่ของ MW คือพล็อตเรื่อง นี่เป็นหนังสือที่แม็กซ์ยกนิ้วให้ในเรื่องพล็อตที่มีความคิดสร้างสรร และแหวกแนว ท่ามกลางหนังสือแนวพารานอมอลที่มีดาษดื่น เดียเดรสร้างความแตกต่างได้

แม็กซ์อยากจะเรียกหนังสือชุดนี้ว่า ไซไฟโรแมนซ์ แม้ว่าจะไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ หรือเป็นวิชาการ แต่มันก็ไม่ใช่พารานอมอลชนิดที่มีแวมไพร์ เสือดาว หรือหมาป่า ทว่าในเรื่องเล่าถึงกลุ่มเอเลี่ยนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องโลกมนุษย์ของ เรา

ชาวราฟาเลี่ยนมีประสบการณ์อันเจ็บปวดจากพวกแอสทรูเชี่ยนที่ทำลายล้างดาวของ พวกเขา และเพื่อแอสทรูเชี่ยนหันมามองโลกเป็นเป้าหมายต่อไป เจเร็ด เบนเน็ตต์กษัตริย์แห่งราฟาเลี่ยนจึงพากองพลของพวกเขามายังโลกเพื่อปกป้อง

อันที่จริงราฟาเลี่ยนและแอสทรูเชี่ยนเป็นกลุ่มคนที่มีลักษณะทางพันธุกรรมที่ เหมือนกัน นั่นคือเป็นสองร่าง ร่างนึงมีรูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างจากมนุษย์ (ในเรื่องบอกว่ามีดีเอ็นเอตรงกับมนุษย์ 99.99%) แต่อีกร่างของพวกเขาเป็นพลังงานคล้ายคลื่นความร้อนที่สามารถเผาผลาญได้ ทุกอย่าง ความแตกต่างเกิดขึ้นเมื่อแอสทรูเชี่ยนซึ่งหลงใหลในเทคโนโลยี ตัดสินใจเดินหน้าในการตัดแต่งพันธุกรรม และฝังชิฟคอมพิวเตอร์ในร่างกาย ปัญหาก็คือเมื่อเกิดไวรัสคอมพิวเตอร์ระบาด ชาวแอสทรูเชี่ยนล้มตายอย่างไม่อาจรักษาได้ ไม่ว่าเทคโนโลยีของพวกเขาเจริญมากเพียงใด

ผู้นำคนนึงของแอสทรูเชี่ยนค้นพบทางออกจากความตายอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั้น นั่นคือละทิ้งร่างแรกของพวกเขา ปลดปล่อยตัวเองเป็นเพียงคลื่นพลังงาน แล้วจากนั้นค้นหนร่างกายใหม่ ซึ่งมนุษย์โลกเป็นร่างให้พวกเขาเป็นอย่างดี (ในเรื่องไม่บอกว่าทำไมถึงไม่ใช้ร่างของราฟาเลี่ยน แต่เข้าใจว่า เพราะราฟาเลี่ยนเองก็เป็นคลื่นพลังงาน จึงไม่น่าจะเข้าครอบครองร่างได้)

อย่างที่บอกหนังสือชุดนี้ซับซ้อน และมีสิทธิงงได้มาก ๆ ถ้าไม่ได้อ่านตั้งแต่เล่มแรก แม็กซ์แนะนำให้อ่านตั้งแต่เล่มหนึ่งนะคะ ใช้ความพยายามสักหน่อยในการผ่านชั่งครึ่งแรกของเล่มแรก แต่หลังจากนั้นเรื่องจะน่าสนใจขึ้น และมีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจมาก

แม็กซ์เคยรีวิวเล่มหนึ่งถึงสามแล้ว และขอบอกเลยว่า ถ้าคุณยังไม่ได้อ่าน แล้วคิดว่าชีวิตนี้อยากจะอ่าน ก็ขอแนะนำว่าอย่าอ่านรีวิวอันนี้ค่ะ เพราะว่าสปอยล์แหลก เนื่องจากเล่าเรื่องไม่ได้แน่ถ้าไม่สปอยล์เพราะมันโคตรจะซับซ้อน ขนาดเล่าไปก็ยังงงไปเองเลย

แต่เป็นพล็อตที่ดีโคตรเช่นกัน

เจค เทียร์นี่ย์พระเอกของเราหลังจากสูญเสียโฮปภรรยาไปด้วยน้ำมือของเจค เทียร์นี่ย์ (งงแล้วล่ะสิ) ชีวิตของเขาก็ไม่เหลืออะไรอีก นอกจากการรับใช้กษัตริย์แห่งราฟาเลี่ยนของเขา และเมื่อศึกที่รบถึงตาจน กองทัพอันเหน็ดเหนื่อยของพวกเขากำลังจะแพ้การรบครั้งสุดท้าย เขาก็ขอปฏิบัติภารกิจสุดท้ายเช่นกัน เพื่อยับยั้งแผนชั่วของมาร์โคคนทรยศ ซึ่งเป็นอดีตองครักษ์ประจำกายกษัตริย์ ด้วยการเดินทางข้ามเวลาย้อนกลับมาสิบปี

ซึ่งเวลาที่เจคเดินทางย้อนกลับมา ก็ตรงกับชั่วเวลาในปัจจุบันที่เรืองในหนังสือกำลังดำเนินอยู่ แต่อดีตที่เผชิญหน้าเจคกลับไม่ใช่อดีตที่เขาจดจำได้ นั่นก็เพราะการเดินทางมาของมาร์โค กลับกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ทั้งหมด

ราฟาเลี่ยนไม่ได้แพ้สงคราม โลกมนุษย์ไม่ได้ถูกทำลายล้างโดยระเบิดนิวเคลียร์ และที่สำคัญโฮปภรรยาของเขาไม่ตาย เพียงแต่ว่าเจคก็ไม่อาจได้เธอมากลับคืนเช่นกัน นั่นก็เพราะว่าโฮปแต่งงานอย่างมีความสุขอยู่กับตัวของเขานั่นเอง (นั่นก็คือเวอร์ชั่นอดีตของเจค)

ฟังแล้วก็งง แม็กซ์จะพยายามอธิบายคอนเซ็ปต์หลักการข้ามเวลาของเดียเดรแล้วกัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอดีตจะทำให้เหตุการณ์อนาคตที่เกิดขึ้นไปแล้ว (จากอดีตรูปแบบที่หนึ่ง) จะแยกตัวออกจากอดีตที่ถูกเปลี่ยนแปลง ไม่อาจมาบรรจบกันได้ แต่ไม่ได้ทำให้ตัวตนของคนในอนาคตหายไปในทันใด โลกอนาคตที่โลกมนุษย์ถูกทำลายโดยอาวุธนิวเคลียร์ก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ไม่ได้เกิดในอดีตที่ถูกเปลี่ยนแปลง เส้นเวลาถูกแตกออกเป็นสองเส้นจากเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

ปัญหาก็คือเจค เทียร์นี่ย์ เขาติดอยู่ในอดีต ไม่อาจกลับไปอนาคตได้ ในขณะเดียวกันในอดีต (หรือปัจจุบันของคนอ่าน) ก็ยังมีตัวตนของเขาเหลืออยู่ และเมื่อใดก็ตามที่คนทั้งสองเจอกัน ทั้งคู่ก็จะสูญสลายไปตามกฎแห่งการเดินทางข้ามเวลา

และเพื่อให้เรื่องยุ่งเข้าไปอีก นั่นก็คือ แท้จริงแล้วเจค เทียร์นี่ย์ไม่ใช่ร่างกายที่แท้จริงของพระเอกหรอกนะ ตัวตนของเขาดั้งเดิมคือสก๊อต ดิลล่อน์ที่ด้วยความแค้นที่ต้องสูญเสียภรรยาไปด้วยน้ำมือของเจค เทียร์นี่ย์ สก๊อตเข้าครอบครองร่างกายของเจค และกลายเป็นเจค

เรื่องที่เล่าไปทั้งหมดนี่ เกิดขึ้นระหว่างเล่มหนึ่งถึงสาม นั่นก็คือ Parallel Attraction (เรื่องของจาเร็ตกษัตริย์แห่งราฟาเลี่ยน), Parallel Heat (เรื่องของมาร์โค เวอร์ชั่นที่เขาไม่ใช่คนทรยศอีกต่อไป), Parallel Seduction (เรื่องของสก๊อต เวอร์ชั่นในอดีตที่ไม่ได้สูญเสียโฮปไป)

ในเล่มนี้ Paralle Desire เป็นเรื่องราวที่เจค ออกตามหาตัวตนของเจค เทียร์นี่ย์ คนที่จะเป็นฆาตกรฆ่าโฮปในอนาคต เพื่อไม่ให้เขามีโอกาสทำอันตรายโฮปได้อีก

เรื่องนี้เป็นเล่มที่แม็กซ์สารภาพว่าไม่อยากอ่านเสียเท่าไหร เพราะอดีตของเจคเจ็บปวดมาก และปัญหาของเขาก็ไม่มีทางแก้ หญิงสาวที่เขารักยังมีชีวิตอยู่ และเธอก็รักเขา เพียงแต่ไม่ใช่เขาที่เป็นเจค แต่เป็นตัวตนของเขาสมัยที่ยังคงเป็นสก๊อตอยู่ เจคกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัดใจจากโฮปก็ไม่ขาด พระเอกอย่างนี้ไม่น่าอ่านเลย

แต่เดียเดรก็พิสูจน์ว่าเธอแน่ ในการทำให้เรื่องราวความรักระหว่างเจคและเชลลี่ย์ดูจับต้องได้ และเหมือนจริง สำหรับเชลลี่ย์ แม็กซ์ถูกบดบังด้วยความที่เธอเป็นพยายามทำให้หลงคิดไปว่า เธอจะต้องมีนิสัยอย่างพยาบาลในนิยายไทย แต่แม็กซ์ก็คิดผิด และนั่นทำให้เรื่องนี้ดีมากในความคิดของแม็กซ์

เชลลี่ย์เองก็บาดเจ็บจากความรักมาไม่น้อยกว่าเจค นิสัยเปิดเผย ตรงไปตรงมาของเธอ ทำให้แม็กซ์รู้สึกว่า มันเป็นไปได้อย่างมากที่เจคจะละทิ้งอดีต ยอมรับกับความจริงที่ว่า โฮปคนที่เขารัก และรักเขาได้ตายไปแล้วในอีกหกปีข้างหน้า เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวกับโฮปในอดีตที่อยู่อย่างมีความสุขกับสก๊อต และถึงเวลาแล้วที่เขาจะเริ่มต้นความรักอีกครั้งกับคนที่ได้หัวใจของเขาไป ครอง

แม็กซ์ชอบที่เมื่อเจคเปิดใจ เขาเปิดเต็มร้อย และไม่ลังเลที่จะรักเชลลี่ย์

และเพราะเล่มนี้เป็นเล่มจบชุด จึงมีหลายประเด็นที่ถูกทิ้งท้ายเอาไว้ในหลายเล่มมาสรุปรวบจบในเล่ม ทำให้เรื่องราวของเจคและเชลลี่ย์โดนขโมยซีนบ่อยมาก และอาจขัดใจคนที่อยากอ่านเรื่องโรแมนซ์เยอะ ๆ แต่สำหรับแม็กซ์แล้วโอเคนะคะ เพราะแม็กซ์ชอบชุดนี้เพราะพล็อต เรื่องราวของคนอื่นเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้พล็อตเรื่องเดินไปได้

และเห็นพูดชมอย่างนี้ก็ไม่ใช่ว่าชุดนี้หรือเล่มนี้สนุกโคตรหรอกนะ มันมีข้อเสีย เยอะด้วย ตัวเอกในเล่มนี้ไม่ค่อยมีน้ำยาเท่าไหร โดนผู้ร้ายจับไปเป็นอาชีพ โดนจับแต่ละทีก็เจ็บหนักกลับมาตลอด แล้วการจบเรื่องก็ไม่ถึงกับ And they lived ever after หรอกนะ สงครามยังดำเนินไป เพียงแต่อนาคตสดใสมากกว่าตอนที่เจคย้อนเวลากลับมามากนัก

คะแนนเฉพาะเรื่อง เล่มนี้ได้ 70 เท่ากับ Paralle Attraction และ Paralle Heat (คะแนนอาจจะไม่เท่ากับตอนที่แม็กซ์รีวิวทีแรกนะคะ ส่วนใหญ่แม็กซ์จะมีการรีวิวรอบสอง และคะแนนก็มักจะลดลง) และน้อยกว่า Paralle Seduction ที่ได้ 73 เล็กน้อย

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ สำหรับแม็กซ์แล้ว หนังสือชุดนี้เป็นไปหลักการตลาดที่เรียกว่า Synergy นั่นคือผลรวมของ 1+1 มากกว่า 2 เพราะเมื่ออ่านทั้งสี่เล่มในภาพรวมของหนังสือชุดแล้ว แม็กซ์ให้คะแนนชุดนี้อยู่ที่ 83 ค่ะ

เป็นหนังสือโรแมนซ์ที่สร้างสรรที่สุดชุดนึงที่แม็กซ์ได้อ่านในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก

No comments: