Sunday, February 8, 2009

The Marriage Spell // Mary Jo Putney

ก่อนจะอธิบายความหมายของหัวข้อบลอกวันนี้ ขอรีวิวหนังสือก่อนแล้วกันนะคะ

"มนต์แต่งงาน" หรือ The Marriage Spell ของนักเขียนขวัญใจแม็กซ์ตลอดกาลอย่างแมรี่ โจ พุทเนย์ ถือว่าสอบตก แม็กซ์เสียใจจนน้ำตาไหลอาบแก้มเลยนะคะที่ต้องพิมพ์ประโยคนี้ออกมา เพราะไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้สำหรับนักเขียนคนนี้ แต่ดูจากเทรนด์ในช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา ผลลัพธ์อันนี้ก็ไม่ใช่ว่าคาดการณ์ไม่ได้

หนังสือเล่มสุดท้าของแมรี่ โจที่แม็กซ์คิดว่าสนุกจริง ก็ย้อนกลับไปเมื่อกว่าห้าปีก่อน กับเรื่อง The Barterred Bride หลังจากนั้น เธอก็หลงทิศทาง หันไปเขียนแนวโรแมนติกแฟนตาซี ไม่ใช่ว่าเธอเขียนไม่ดีหรอกนะ เพียงแต่เธอเขียนแนวอื่นได้ดีเกินกว่าจะต้องมาเสียเวลาเขียนแนวแฟนตาซีที่ ไม่ใช่แนวถนัดของเธอ

นักเขียนที่แม็กซ์เคยบอกว่า อ่านงานของเธอแล้วไม่มีเล่มไหนที่น้ำตาไม่ร่วง เพราะพล็อตเรื่องที่เรียกน้ำตาเหลือเกิน บวกกับฝีมือการเขียนที่ลึกล้ำ

ไม่มีอีกแล้วในหนังสือเล่มล่าสุดเล่มนี้

ในองค์ประกอบที่คล้ายคลึงกับหนังสือชุดที่สร้างชื่อให้เธออย่าง Fallen Angels (ที่ได้ชื่อนี้เพราะตัวพระเอกในเรื่องใช้ชื่อเทพบุตรที่รับใช้พระเจ้า) หนังสือเรื่องนี้ซึ่งเป็นเล่มแรกในชุด Stone Saints เปิดเรื่องด้วยธีมที่แสนคล้ายคลึงกัน เหล่าลูกชายของขุนนางที่มีบรรดาศักดิ์สูง ส่งลูกชายไปเข้าโรงเรียนที่เข้มงวด และเด็กชายเหล่านั้นก็ได้รู้จักกัน และเป็นเพื่อนกันมาจนกระทั่งโต

สิ่งที่แตกต่างระหว่าง FA และ SS ก็คือ ชื่อโรงเรียน และเวทมนตร์ ใน Fallen Angels เป็นเรื่องแนวย้อนยุคไปในสมัยรีเจนซี่ (และต่อเนื่องมาวิคตอเรียนนิดหน่อย) ในขณะที่ Stone Saints นั้นเป็นเรื่องที่เกิดในยุครีเจนซี่เช่นกัน แต่ดันมีของแถม เพราะในโลกของ SS นั้น เวทมนตร์มีอยู่จริง ความสามารถทางด้านเวทมนตร์เป็นที่ยอมรับ แต่กลับถูกรังเกียจโดยสังคมชั้นสูง ดังนั้นตระกูลที่มีทายาทแต่ดันแสดงความสามารถเหนือธรรมชาตินี้ ก็จะส่งลูกชายของตนไปยังโรงเรียน Stonebridge เพื่อกำจัดเวทมนตร์เหล่านั้นให้หมดสิ้น

แจ๊คก็เป็นหนึ่งในเด็กเหล่านั้น เขาไม่ไว้วางใจเวทมนตร์ แต่สุดท้ายก็เป็นเวทมนตร์นี่เองที่ช่วยชีวิตของเขาไว้ได้ เมื่อเขาประสบอุบัติเหตุตกม้าจนคอหัก แอ๊บบี้นางเอกซึ่งแอบหลังรักแจ๊คมานาน จึงถือเป็นโอกาสเพื่อแลกเปลี่ยนในการช่วยชีวิตเขาด้วยเวทมนตร์ของเธอ แจ๊คจะต้องยอมตกลงแต่งงานกับเธอ

ตอนต้นเรื่องน่าสนใจและสนุกอย่างมาก แต่เมื่อเวทมนตร์เข้ามาแทรกในเนื้อเรื่องในปริมาณและด้วยมุมมองที่ไร้เหตุผล ก็ทำให้เรื่องแย่ลง

ในเรื่องมีการพูดว่าแจ๊คไม่ไว้ใจเวทมนตร์ ถ้าเป็นแมรี่ โจคนเดิม เธอคงเขียนให้เขาค่อยซึมซับอีกด้านของเวทมนตร์จากแอ๊บบี้ จนในที่สุดก็ทำใจยอมรับตัวตนของภรรยาได้ แต่ไม่ใช่เลย ในเรื่องนี้ คนแต่งกลับให้คำตอบในการเกลียดเวทมนตร์ของแจ๊ค ว่าเป็นเพราะเขาโดนมนต์ให้เกลียดเวทมนตร์

ทุกอย่างในเรื่องที่ควรจะอธิบายด้วยความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของตัวละคร ถูกอธิบายโดยเวทมนตร์ ว่ามันเป็นตัวการรับผิดชอบทุกสิ่ง

แม็กซ์อ่านจบแล้ว ไม่รู้สึกถึงพัฒนาการของตัวละคร ไม่แน่ใจว่า ความรักที่มีระหว่างพระเอกกะนางเอกมันเกิดจากอะไรกันแน่

อาจจะเป็นเวทมนตร์

และนั่นเป็นการทำลายหนังสือที่ดีเล่มนี้โดยสิ้นเชิง ถ้าเพียงแต่แมรี่ โจไม่เอาเวทมนตร์มาเป็นตัวการอธิบายทุกอย่าง อย่างน้อยหนังสือเล่มนี้ก็คงจะไม่ใช่เล่มที่เลวร้ายที่สุดที่แม็กซ์เคยอ่าน ของแมรี่ โจก็ได้

คำตัดสินก็คือออกที่เลข 57 ค่ะ (เทียบกับ 97 ที่ Angel rogue และ Silks and shadow เคยได้)

เอาล่ะกลับมาเรื่องเสือเปลี่ยนลายกันได้แล้ว อันที่จริงก็ยังเป็นเรื่องของแมรี่ โจอยู่นั่นแหละ หลังจากที่ผิดหวังอย่างมากกับเล่มนี้ แม็กซ์ก็เกิดประกายความหวังหลังจากได้ข่าวว่า ในที่สุดแมรี่ โจก็จะย้ายสำนักพิมพ์ และหันกลับไปเขียนแนวย้อนยุคแท้อีกครั้ง โดยไม่มีแฟนตาซีมาปน

ไชโย

แต่แล้วอีกใจหนึ่งก็เซ็งหน่อย (แต่หน่อยเดียวเองนะ) เพราะรู้สึกชอบตัวละครในชุด Stone Saints ขึ้นมาแล้วน่ะสิ

แต่ข่าวดีระลอกสองก็ตามมา เพราะเห็นว่าแมรี่ โจจะเอาตัวละครในชุดนี้มารีไซเคิล จับมาเขียนใหม่ในหนังสือแนวย้อนยุคแท้ของเธอ เนื้อเรื่องยังเหมือนเดิม แต่ตัดองค์ประกอบเรื่องเวทมนตร์ออกไป

คิดไปก็เหมือนเสือเปลี่ยนลายนะคะ ตลกดี เพราะทำกันง่าย ๆ เลย อย่างในเรื่อง TMS นี่มีตัวละครชื่อ Duke of Ashby เธอก็เปลี่ยนใหม่เป็น Duke of Ashton เสีย ส่วนเรื่องราวอื่นก็คงเดิม ยกเว้นเวทมนตร์

แม็กซ์หวังว่าเธอจะกลับมาเป็นคนเดิมที่รู้จักในอีกไม่ช้า

No comments: