<บลอกนี้เขียนตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละ แต่แผ่นดินไหวซะวก่อน ก็เลยเขียนไม่เสร็จ>
หัวข้อบลอกวันนี้มาแนวหนังจีนมาก แต่นี่เป็นความเชื่อของแม็กซ์ว่า นักเขียนคนใดที่เขียนเรื่องที่สนุกมากกกกกขนาดวางไม่ลงออกมาแล้วเล่มนึง ก็จะต้องใช้เวลาอีกเป็นปีทีเดียวกว่าเขาจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมได้อีกครั้ง เพราะทุกอย่างเมื่อถึงจุดสูงสุดก็ต้องถึงคราวขาลง เมื่อคุณอ่านหนังสือที่สนุกขนาดออกอาการเพ้อคลั่ง คุณคิดหรือว่า นักเขียนคนนั้นยังมีอารมณ์ศิลปินเหลืออยู่พอจะสร้างงานที่น่าประทับใจใน ระดับเท่ากันออกมาได้อีก หรือถ้าทำได้ ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานเลยล่ะ กว่าจะกลับมาดีได้เหมือนเรื่องที่ดีที่สุดของเขา
แม็กซ์ไม่ตื่นเต้นสักกะนิดกับเรื่อง Scandal in Spring เพราะหลังจากอ่านหนังสือที่หนุกมากกกกกอย่าง Devil in Winter แล้ว แม็กซ์ก็คิดว่า คงอีกสักพักแหละ ลิซ่าถึงจะสามารถเขียนเรื่องดีอย่าง DIW ได้อีก และจนบัดนี้แม็กซ์ก็ยังไม่ได้อ่านเล่มนั้น และจากที่ฟังเพื่อนพูด ก็คิดว่าไม่มีอะไรที่แม็กซ์น่าจะเสียใจ
วันนี้นักเขียนที่แม็กซ์จะเขียนถึง เป็นนักเขียนที่เขียนเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องนึงที่แม็กซ์โชคดีได้มีโอกาส อ่าน ที่ต้องใช้คำว่าโชคดีเพราะหนังสือเล่มนั้นหายากมาก ถ้าแม็กซ์ไม่ตาดีไปบังเอิญเห็นในร้านหนังสือมือสองแห่งหนึ่งเข้า จนบัดนี้แม็กซ์ก็อาจจะยังไม่ได้อ่าน ซึ่งนั่นคงเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก
หนังสือเล่มแรกของเมอริล ซอว์เยอร์ที่แม็กซ์อ่านคือเรื่อง Last Night หนังสือบวมน้ำเก่า ๆ ที่แม็กซ์เจอในร้านหนังสือมือสอง คงเป็นโชคที่วันนั้นเราหาหนังสือที่อยากซื้อไม่ได้เลยสักเล่ม ก็เลยหยิบเล่มนี้มาด้วยความเสียไม่ได้ (ราคาแค่ 0.50 เซ็นต์เอง) และเล่มนั้นก็กลายเป็นชนวนทำให้แม็กซ์เริ่มติดตามหางานของนักเขียนคนนี้มา อ่าน LN สนุกค่ะ แต่ยังไม่ใช่เล่มที่อยู่ยอดเขาของเธอ เรื่องนั้นต้องใช้ความสามารถในการค้นหามากกว่านี้
แม็กซ์ชอบ "คืนก่อน" และอีกหลายเรื่องที่เมอริลเขียน ไม่ว่าจะเป็น Never trust a stranger, Promise me anything, Midnight in Ma.... (เมืองอะไรสักเมืองที่เราจำชื่อไม่ได้) แต่เมื่อแม็กซ์ได้อ่าน A Kiss in the dark ทุกอย่างก็กลายเป็นอดีตอันน่าลืมเลือน
เพราะอะไรน่ะเหรอ
"จูบในความมืด" มันสมบูรณ์แบบ หนังสือแนว Contemporary/Romantic Suspense (แม็กซ์ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าแนวไหนดี ยิ่งตอนนี้มีประวัติจัดแนวหนังสือมั่ว ๆ อยู่ด้วย) ที่ดีที่สุด ใช้คำว่าดีที่สุด เพราะมันดีมาก หนังสือที่คุณอาจจะมีโอกาสได้อ่านเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต เป็นหนังสือหนึ่งในสิบแปดเล่มที่แม็กซ์ให้คะแนนเต็ม(อาจดูเยอะนะคะ แต่แม็กซ์อ่านหนังสือมากว่าสามพันเล่มเฉพาะโรแมนซ์เฉพาะในรอบเจ็ดแปดปีที่ ผ่านมานี้)
สำหรับคนที่ยังไม่มีโอกาสได้อ่าน และอยากรู้ว่าเรื่องนี้เป็นยังไง แม็กซ์กำลังเขียนรีวิวเรื่องนี้อยู่ค่ะ (ขอโฆษณาหน่อยแล้วกัน) เสร็จแล้วจะเอาลิงค์มาลงให้อ่านกันนะคะ
กลับสู่เรื่องของเราก่อนค่ะ ทำไมแม็กซ์ถึงรำลึกความหลังถึง A Kiss in the dark นั่นก็เพราะแม็กซ์เพิ่งอ่านงานเล่มล่าสุดของเมอริลเรื่อง Kiss of death จบไป แล้วก็ดวงตาเห็นแสงว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้จีรัง
มันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่นักเขียนที่เขียนเรื่องอย่าง AKITD จะเขียนหนังสืออย่าง KOD ออกมาได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
นอกจากคำว่า "Kiss" ที่เหมือนกัน ทั้งสองเรื่องไม่มีอะไรที่เทียบกันได้ ไม่ใช่ว่า KOD เลวร้ายจนต้องขว้างทิ้ง (เกียรติอันนั้นแม็กซ์สงวนไว้ให้เรื่อง Perfect เพียงเล่มเดียวค่ะ) แต่มันทำให้แม็กซ์สะท้อนใจ (แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่) ถึงความไม่เที่ยงแท้
ไม่มีนักเขียนคนไหนที่ไว้ใจได้ อย่างน้อยก็ในความคิดของแม็กซ์ เมื่อถึงจุดหนึ่ง พวกเขาก็จะต้องมีเรื่องที่อ่อนกว่าออกมา การรักษาคุณภาพเป็นเรื่องยากค่ะ และการรักษาคุณภาพตลอดเวลาเป็นสิบปี ยิ่งยากกว่า
สำหรับคนที่อยากรู้ว่า KOD เป็นยังไง เรื่องอย่างย่อก็มีว่า วิทนีย์นางเอกของเราเพิ่งเลิกกับสามี และบอบช้ำทางจิตใจ (แต่ไม่ลังเลที่จะโผเข้าหาพระเอกหลังจากเจอกันไม่กี่วัน) และย้ายมาพักอยู่กับญาติที่ห่างเหินกันไปนานของเธอ มิแรนด้าญาติของเธอกำลังจะแต่งงานอย่างลับ กับทนายความชื่อดัง ที่ไม่ต้องเปิดเผยข่าวการแต่งงานให้คนอื่นรู้ เพราะกลัวว่าลูกความจะไม่สบายใจที่ทนายของตนหนีไปฮันนีมูน ฟังดูประหลาดใช่ไหม
ใช่แล้วค่ะ เพราะเมื่อวิทนีย์โดนอดีตสามีตามรังคาญให้เซ็นต์เอกสารแบ่งสมบัติกันอีกรอบ เธอจึงหวังเพิ่งสำนักงานกฎหมายของญาติเขย (เรียกถูกไหมเนี่ย) แต่เมื่อไปถึงแล้ว กลับพบทนายความคนที่ญาติของเธออ้างว่าแต่งงานและไปฮันนีมูนด้วยกันแล้ว ซึ่งทนายคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ปริศนาเกี่ยวกับการหายตัวไปของญาติเธอจึงเป็นประเด็นหนึ่งในเรื่อง
นอกจากนี้แล้วยังมีเรื่องที่ลุงของพระเอกตายกระทันหัน ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่เดือนลุงได้เรียกพระเอกไปพบ แล้วสั่งว่า ถ้าเขาตายขึ้นมา ให้พระเอกสืบหาความจริงด้วยนะ ดังนั้นจึงกลายเป็นภาระของพระเอกในการสืบหาความจริง
เรื่องนี้อ่านได้นะคะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่าน A Kiss in the dark มาก่อน มันไม่ทำให้คุณกรี๊ดสลบหรอก แต่ก็เป็นการฆ่าเวลาเพลินดี
No comments:
Post a Comment