Saturday, February 7, 2009

มิน่าล่ะอเมริกาถึงได้ล้าหลัง

บลอกวันนี้ขอเป็นควันหลงงานสัปดาห์หนังสือที่กร่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ชาติไทยแล้ว งานที่ตำรวจสยายปีกแผ่อำนาจจนราวกับประเทศไทยกลายเป็นรัฐตำรวจไปแล้ว งานที่ผู้ทรงคุณวุฒิจากกระทรวงวัฒนธรรมตราหน้าหนังสือโรแมนซ์ว่าเป็นหนังสือ ลามก และไม่เหมาะสมที่จะมีที่อยู่ในแผ่นดินชาติไทย

แม็กซ์เชื่อแล้วล่ะค่ะว่าท่านผู้ทรงภูมิ และตำรวจชาติไทยเก่งกาจและฉลาดเหนือมนุษย์ ก็แม็กซ์เพิ่งได้ข้อมูลตัวเลขอันนี้มาจากบลอกของเดียร์ออเธอร์ และเดอะกู้ด เดอะแบด แอนด์เดอะอันรีด

เรามาวิเคราะห์กันดีกว่า (ขอย้ำอีกครั้งข้อมูลนี้แม็กซ์ไม่ได้หามาเอง เป็นความดีของเจนจากเดียร์ออเธอร์ค่ะ)

ตารางข้างต้นคงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า รายได้จากการขายหนังสือทั้งหมดในประเทศอเมริกาประจำปี 2006 รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6.3 พันล้านเหรียญ และ 22% ในนั้นมาจากการขายหนังสือโรแมนซ์ หรือคิดเป็นเงินถึงจำนวน 1.4 พันล้านเหรียญ

มีหนังสือแนวอื่นเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ขายได้มากกว่าโรแมนซ์ และนั่นก็คือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับศาสนาซึ่งรวมทั้งยอดขายคัมภีร์ไบเบิ้ล ไว้ด้วย

ยอดขายโรแมนซ์มากกว่าหนังสือแนวอื่นสามอันดับถัดมารวมกัน มากกว่าแนวนิยายวิทยาศาตร์ นิยายคลาสิก สืบสวนสอบสวน และมากกว่าการ์ตูน

เห็นได้ชัดว่าคนอเมริกันไร้สมองและบ้าเซ็กส์กันมาก จึงได้หันมาอ่านนิยายลามกตามคำจำกัดความของสันติบานไทย นี่จึงเห็นได้ชัดว่าทำไม ประเทศไทยถึงได้เจริญกว่าอเมริกา เพราะว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าทำให้รู้ ว่าโรแมนซ์ไม่เหมาะ ไม่ควร ไม่ดี และไม่ควรค่าจะขายในประเทศไทย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมสถานฑูตไทยในอเมริกาจึงมีคนอเมริกันจำนวนมากไปยืน ต่อแถวกันข้างหน้า เพื่อรอคิวของวีซ่าอพยพมาเป็นประชากรคนชาติไทย

<เฮ้ย ตื่นได้แล้ว>

โอเคค่ะ ซีเรียสกันสักทีนะคะ

เรามาวิเคราะห์ข้อมูลกันในเชิงลึกกันดีกว่า และเช่นเดียวกัน แม็กซ์ได้ข้อมูลมาจากบลอกของเจนอีกเช่นกัน

ในปี 2006 มีหนังสือโรแมนซ์ 288 เรื่องที่ขึ้นอันดับหนังสือขายดี อันที่จริงบางเล่มขึ้นอันดับสองรอบด้วยซ้ำ เพราะพิมพ์ขายในหลายเวอร์ชั่น (ปกแข็ง, เทรด, หรือปกอ่อน) มีนักเขียนโรแมนซ์จำนวน 161 คนที่ขึ้นอันดับขายดี (และในอาทิตย์นี้เชอริลีน เคนย่อนก็ขึ้นอันดับหนึ่งของนิวยอร์คไทม์กับเรื่อง Upon a midnight Clear)

แล้วสำนักพิมพ์ไหนขายดีสุดในปี 2006 กันล่ะ

  • Harlequin ($418 million) รวมทั้ง Silhouette, Mira, HQN, Red Dress, Luna, Steephill
  • Random House ($81 million) รวมทั้ง Bantam Dell, Ballantine
  • Penguin Group ($71 million) รวมทั้ง NAL, BerkleyJove
  • HarperCollins ($64.8 million) นั่นคือ Avon จ้า
  • Kensington ($37 million) รวมทั้ง Brava, Zebra, Aphrodisia, Pinnacle
  • ฮาร์ลิควินนำโด่งซึ่งอันนี้แม็กซ์ไม่แปลกใจหรอกนะ เมื่อคิดว่าเดือนนึงฮาร์ลิควินออกหนังสือใหม่เกือบร้อยเล่ม แล้วยังไม่รวมพวกที่เก่าพิมพ์ใหม่อีก และฮาร์ลิควินยังเป็นสนพ.ที่ถือลิขสิทธิ์เก่า ๆ ของนักเขียนที่ดังมากในปัจจุบนหลายคนอย่างนอร่า โรเบิร์ต, ลินดา โฮเวิร์ด, ซานดร้า บาวน์, ซูซาน บร็อกแมนน์

    และเชื่อหรือไม่ว่า ทั้งห้าสนพ.ข้างต้น ทั้งหมดยกเว้นเคนซิงตันแห่งเดียวมีเจ้าของเป็นบริษัทของคนต่างชาติที่ไม่ใช่ อเมริกัน มีเพียงเคนซิงตันเท่านั้นที่ยังเป็นสนพ.อิสระแห่งสุดท้ายเหลืออยู่

    แนวหนังสือขายดี

    • 40% category/series romance
    • 17% historical
    • 16% contemporary
    • 9% paranormal
    • 7% romantic suspense
    • 6% inspirational
    • 5% other

    นี่ก็ไม่แปลกอีกเมื่อคิดว่าฮาร์ลิควินขายดีที่สุด เพราะแนวหลักของฮาร์ลิควินก็คือหนังสือเล่มเล็กหรือที่เรียกกันว่า Category/series romance

    สิ่งที่แม็กซ์อยากรู้ก็คือ ตัวเลขในปี 2007 จะเปลี่ยนไปไหม เมื่อคิดว่าแนวพารานอมอลมาแรงอย่างที่เห็นกันอยู่

    แต่ยังไงก็อย่าคิดว่าสถานการณ์ดูถูกโรแมนซ์ในอเมริกาจะดีกว่าในเมืองไทยนะคะ มันก็พอกันแหละ คนอ่านโรแมนซ์ต้องทนอะไรหลายอย่างมากมาย แต่อย่างน้อยในอเมริกา นักอ่านก็ไม่ต้องระวังตัวจากตำรวจและผู้มีศีลธรรมสูงจากกระทรวงวัฒนธรรม

    No comments: