Friday, February 6, 2009

Erotically Speaking

ตามสัญญาค่ะที่ว่าจะมารีวิวหนังสือแนวอีโรให้อ่านกัน ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาแทบไม่ได้พูดถึงหนังสือแนวนี้เลย (อาจมีพูดบ้างว่าเล่มนั้นฮ็อต เล่มนี้ฮ็อต แต่นั่นก็ไม่ใช่หนังสือที่เน้นเซ็กส์จะจะจังจัง แนวเอาใจเสือป่าสาวกันเท่าไหร) ก็เลยขอแก้ตัวในปีใหม่นี้แล้วกัน

********update***************

พอดีอ่านบลอกของชายหนุ่มที่มาคอมเม้นต์ก็เลยคิดว่า คงเป็นเหมือนผู้ชายทั่วไปที่ไม่เข้าใจความอีโรติกของผู้หญิง ก็เลยอยากอธิบายเพิ่มเติมเล็กน้อย

หนังสือแนวอีโรที่พูดถึงไม่ใช่อีโรติกแบบนางนวลหรือเพ้นท์เฮ้าท์ที่หนุ่ม ๆ อ่านกันหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่แบบเดียวกับหนังแนวฮาร์ดคอร์ที่ฉายตามโรงแรมม่านรูด แต่แม็กซ์เรียกอีโรเพราะย่อเองมาจากอีโรติก โรแมนซ์ ซึ่งหมายถึงหนังสือที่ยังเน้นแกนกลางของเรื่องเป็นโรแมนซ์แต่อะไรหลายอย่าง ในเรื่องมันเกินขอบเขตแห่งการยอมรับได้ของหนังสือโรแมนซ์ทั่วไปสักหน่อย

ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะกับทุกคน แต่ก็ไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อปลุกอารมณ์ทางเพศเพียงอย่างเดียว

1. Wolf Tales V ของเคธ ดักกลาส

ตำนานบทที่ห้าของเหล่าหมาป่า เล่มนี้เป็นเรื่องราวของเบย์ และอูริค อันที่จริงเล่มนี้น่าจะเขียนเป็นเรื่องสั้นสองเล่มในเล่มเดียวน่าจะเวิร์ค กว่านะ เพราะเรื่องของเบย์และอูริคถูกเล่าแบบไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเท่าไหรเลย เพียงแค่สลับฉากระหว่างเบย์และอูริคไปมาเท่านั้นเอง

เบย์ซึ่งเป็นขาที่สามในความสัมพันธ์ของเจคและแชนน่อน (พระนางใน WT III) ก็เริ่มโหยหาผู้หญิงที่จะเป็นของเขาเองบ้างแล้ว และเมื่อมีข่าวในหนังสือแนวประหลาดโลก (พวกที่ชอบลงเรื่องราวมนุษย์ต่างดาวบุกโลก) ว่ามีการเห็นมนุษย์หมาป่า เบย์ก็ถูกส่งให้ไปตามข่าว และเขาก็ได้เจอกับแมนด้า สาวน้อยที่เป็นมนุษย์หมาป่าเช่นเดียวกับเขา แต่เธอกลับไม่สามารถกลายร่างได้อย่างสมบูรณ์ จึงมีลักษณะครึ่งคนครึ่งหมาป่า มีขนขึ้นเต็มตัว มีหาง แต่ยังเดินสองเท้า

ส่วนอูริคที่เมียตาย ก็ได้เวลาหาเมียใหม่ ด้วยการออกไปทำความรู้จักกับมิลลี่ สาวใหญ่วัยห้าสิบกว่าที่ไม่รู้ตัวเลยว่า มีสายเลือดของหมาป่าอยู่ในกาย อูริคเป็นคนสอนเธอให้ยอมรับอีกด้านหนึ่งของตัวเอง

สรุป เพราะขี้เกียจพูดยาว สำหรับคนที่อ่านวูลฟ์เทลมา ก็ควรอ่านต่อไป (โดยเฉพาะแม็กซ์ที่กรี๊ดสลบกับเบย์มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น) ส่วนคนที่ไม่ได้อ่าน ก็คงบอกว่า ไปเริ่มอ่านที่เล่มอื่นเถิดนะ มาอ่านเล่มนี้อาจเกิดอาการงงชีวิตได้ง่าย เพราะเรื่องมันต่อกันไปต่อกันมา ขนาดแม็กซ์อ่านมาแล้ว บางทียังงงเลย

ดีกรีความร้อนแรงหายห่วงค่ะ ไม่ผิดหวังแน่ แต่แม็กซ์ขอเตือนหน่อยแล้วกันว่า หลายฉากบางทีมันก็เกินเลยไปหน่อยนะ ถ้าแปลความหมายคำนี้ถูก beastiality ก็คงรู้ว่าแม็กซ์หมายความว่าอะไร ส่วนคนที่แปลไม่ถูก ก็ขอบอกว่าอย่าอ่านแล้วกัน คุณอาจจะรับไม่ได้

คะแนนที่ 63 (เฉพาะเบย์คน/ตัวเดียว) ถ้ารวมอูริคด้วย คะแนนน่าจะไม่เกินห้าสิบ

2. Hide and Seek ของอลิสัน บรู๊คส์

เล่มนี้โรแมนติกกว่าที่คิด แม้ว่าอ่านแล้วจะรู้สึกว่าคู่พระนางน่าจะเลิกกันหลังจากหนังสือจบเรื่องไป ประมาณสามเดือน เพราะแม้ในเรื่องจะบอกว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนนักเรียนสมัยมหาวิทยาลัยกันมา และแม็กซิมก็มีใจให้อลิซ่ามานาน แต่แม็กซ์ก็ยังไม่เข้าใจนะว่า ทำไมแม็กซิมถึงเปล่าให้เรื่องของทั้งสองคาราคาซังกันมาตั้งเป็นสิบปี ไม่สะสางให้สิ้นเรื่องว่าจะรักกันไหม จนกระทั่งมีข่าวขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ออกมาแฉว่าอลิซ่าก็ไม่ใช่ผู้หญิงดีเด่ อะไร มั่วผู้ชายก็เท่านั้น

สำหรับคนอ่านที่รักเยื่อบาง แม็กซ์ขออำภัยที่จะบอกว่า ข่าวหนังสือพิมพ์เป็นจริงนะค้า เพียงแต่อลิซ่าหลงผิดทำไปเพราะคิดว่าชายคนนั้นเป็นชายในฝัน และรักเธอ แต่แล้วก็พบกับแม็กซิมอีกครั้งก็เปลี่ยนใจเธอได้

เนื่องจากเรื่องนี้อุดมไปด้วยฉากเซ็กส์ ทำให้การพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละครเพิ่งพาความสัมพันธ์และความรู้สึกที่มี ให้กันในอดีตเป็ฯหลัง ซึ่งสอบตกไปประมาณร้อยกว่าคะแนน

ฉากที่แม็กซิมรู้ตัวว่ารักอลิซ่าก็ไม่เข้าท่า อ่านแล้วนึกว่าลินน์ เกรแฮมแก้ผ้ามาเขียนเอง (ที่ต้องถอดเสื้อเพราะเป็นแนวอีโรไง ถ้าใส่เสื้อจะบิวท์อารมณ์ไม่ขึ้น) น้ำเน่ามาก

ม่ายหวาย เอาไปที่ 53 คะแนน

วันนี้พอก่อนนะคะ ต้องรีบตื่นตีสี่มาดูอเมริกันฟุตบอล ขอไปนอนก่อนนะคะ

3. Fairyville ของเอ็มม่า โฮลี่

Update # 3: หลังจากขอตัวไปนอนเสียสองวัน ก็กลับมาเขียนต่อนะคะ

เล่มนี้เป็นแนวอีของเอ็มที่แม็กซ์ชอบน้อยที่สุดมั้งคะ ไม่ว่าเซ็กส์ไม่ร้อนแรงหรอกนะคะ แต่เป็นเล่มที่แม็กซ์คิดว่ามีความรักอยู่ในเรื่องน้อยที่สุด แม้จะบอกว่าแม็กนัสแอบรักโซอี้นางเอกของเราอยู่นานปี แต่ดูยังไงมันก็เป็นลัสมากกว่ารักนะ แต่ส่วนที่ทำให้แม็กซ์ชอบเล่มนี้ก็คงเป็นอเล็ก เพราะชอบในความหื่นของอาเฮียมาก หื่นขนาดไม่เว้นทั้งหญิงทั้งชาย อ่านแล้วได้อารมณ์ตรงที่ซื่อสัตย์กับตัวเองดี

เล่มนี้มีชายสามหญิงหนึ่ง แต่คนที่ฝันเฟื่องว่าจะได้อ่านแนวสามรุมหนึ่งคงต้องเสียใจ เพราะแม็กซ์ก็รอร้อรอ มันก็ไม่มา

ส่วนพล็อตไม่มีอะไรมาก แล้วก็เป็นพารานอมอลเล่าถึงภูติหนุ่มลูกชายคนเดียวของราชินีทิทาเนียที่หนี มายังโลกมนุษย์ แล้วตกหลุมรักสาวเจ้าแห่งเมืองแฟรี่วิลล์ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการมองเห็น ภูติจิ๋ว ปัญหาเดียวที่ทำให้รักไม่สมหวังทั้งที่สาวน้อยก็รักเขาเช่นกันนั่นคือ เขาต้องทำให้ผู้หญิงตกหลุมรักเขาทุกเดือน จากนั้นก็ส่งคืนหัวใจให้สาวนั่นไป เมื่อที่จะได้ต่อเวลาก็อยู่ในโลกมนุษย์อีกเรื่อย ๆ ทำให้แม็กนัสต้องนั่งมองโซอี้ทั้งที่รักแสนรัก เพราะไม่อาจทำให้เธอรักแล้วคืนหัวใจเธอได้

และแล้วอเล็กแฟนเก่าของโซอี้ก็กลับมาในเมืองพร้อมกับไบรอันผู้เป็นทั้งคู่รัก/คู่หู เรื่องรักร้อนของชายสามหญิงหนึ่งก็เกิดขึ้น

อ่านอย่าคิดอะไรมาก คะแนนที่ 60 (ได้เยอะขนาดนี้เพราะอเล็กคนเดียวน้า)

4. Body moves ของโจดี้ ลินน์ โคปแลนด์

update #4 หนังสือรวมเรื่องสั้นที่มีธีมเรื่องเกี่ยวเนื่องกันด้วยรีสอร์ทชนิดสุดหรู สุดเหวี่ยงดูจะเป็นของดาษดื่นในโลกอีโรไปแล้วล่ะ แม็กซ์เห็นหนังสือแนวอย่างนี้เป็นร้อยเล่ม (พูดเกินไปหน่อยนึงนะคะ) แต่ถึงยังงั้นบอดี้มูฟเล่มนี้ก็ดูน่าสนใจใช้ได้ทีเดียว

รีสอร์ทอันเป็นสถานที่เกิดเรื่องอยู่ในทะเลคาริเบี้ยนเป็นรีสอร์ทที่ให้ บริการผ่าตัดเสริมความงาม โดยมีนางเอกเรื่องสั้นเรื่องแรกของเราดานิก้าเป็นเจ้าของ และเมื่อพ่อของจอร์แดนนักธุรกิจผู้เก่งกาจดึงดันจะนำเงินส่วนตัวไปลงทุนใน รีสอร์ทของดานิก้า จอร์แดนพระเอกก็เลยต้องปลอมตัวไปเป็นว่าที่คนไข้เพื่อสืบเรื่องราวความเป็น ไปเบื้องหลังของดานิก้าว่าเป็นอันใดกันแน่ จะมาหลอกเงินพ่อของเขาหรือเปล่า พล็อตเรื่องแนวน้ำเน่าผสมน้ำมันเบนซินก็เกิดขึ้น เมื่อหมอและคนไข้ปิ๊งกันจนหน้ากระดาษไหม้

และไม่ต้องพูดถึงจรรยาบรรณแพทย์ในเรื่องสั้นเรื่องที่สอง เมื่อโลแกน (ชื่อผู้หญิงนะเนี่ย) เดินทางมาเพื่อผ่าตัดเสริมหน้าอกแล้วก็ปิ๊งกะหมอของเธอเองอย่างจัง ถึงเรื่องจะบอกว่าแทนเนอร์ส่งโลแกนไปให้หมออีกคน แม็กซ์ก็ยังร้อง "อี๊" อยู่ดีนะคะ ยังไงก็มันก็ผิดจรรยาบรรณ

แต่ถ้าตัดเรื่องจรรยาบรรณออกไป ก็นับว่าเรื่องนี้อ่านสนุกใช้ได้นะ แม็กซ์พบว่าผิดคาดมาก เพราะไม่นึกว่าเรื่องจะมีสาระอะไร แต่ก็ดันมี และหลายประเด็นน่าสนใจทีเดียว

อ่านสนุกใช้ได้ แม้จะคาดว่าชีวิตนี้คงไม่กลับมาอ่านอีกรอบ คะแนนที่ 60

5. Sins of the flesh ของเดฟลิน ควินน์

หนังสือเล่มนี้เป็นตัวอย่างของ "ความมั่ว" มั่วทั้งเนื้อเรื่อง พล็อต ตัวละคร อันที่จริงมันมั่วไปเสียทุกอย่าง และถึงจะใช้พล็อตซ้ำซาก ที่แทบจะหาอะไรใหม่ในเนื้อเรื่องไม่ได้แล้ว ความมั่วก็ยังทำให้เกิดอาการอ่านไปเครื่องกระตุกไปอีก

นางเอกสมัครเข้าทำงานในผับสุดหรูชื่อดังที่มีชื่อเสียงในการให้บริการอันสุด กู่แก่ลูกค้าที่มาเยือน แม้ว่านางเอกจะไม่ได้ทำหน้าที่สาวเสิร์ฟที่ต้องรับจ๊อบบนหลังตัวเอง แต่เธอก็ยังไม่วายหลงเสน่ห์ไปกับ "ความมั่ว" ในของผับ และก็เหมือนกับหนังสือเล่มอื่นก่อนหน้าอีกสองร้อยเรื่อง พระเอกในเล่มนี้เป็นแวมไพร์ ที่รู้ตั้งแต่แรกเห็นว่า นางเอกคือนางในฝันของเขา ปฏิบัติการทำให้นางเอกเสียคนก็เกิดขึ้น

แนวเรื่องที่ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากความมั่ว ยกตัวอย่างนะ ในเรื่องคนแต่งคาดว่าคงต้องการแสดงให้คนอ่านเห็นถึงประสบการณ์โชกโชนของ พระเอกที่ได้ทั้งหญิงและชาย แต่งตัวละครเข้ามาในฉาก บอกว่าเป็นลูกศิษย์เอกของพระเอกที่ต้องหันหลังให้ แล้วนอนบนเตียง ตัวละครตัวนี้ไม่เคยถูกกล่าวเลยสักนิดในเรื่อง (นอกจากฉากนั้น) ทั้งที่บรรยายซะว่าเป็นคนสนิทสุดสุดของพระเอก และตัวละครตัวนี้หลังจากทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จลง (ด้วยการแสดงให้คนอ่านเห็นว่าพระเอกทั้งโชกทั้งโชน) ก็หายไปจากเรื่องอย่างไม่มีการกล่าวถึงอีกเลย กระทั่งเรื่องจะจบก็ไม่พูดถึง แม็กซ์ก็เลยงงว่ามันหนิดหนมกะพระเอกยังไงวะ

ถ้าอยากอ่านอีโรที่ทำให้คนทั่วไปรังเกียจนิยายโรแมนซ์ แม็กซ์ก็แนะนำว่าอ่านเล่มนี้แล้วกัน คะแนนที่ 30 คะแนน

6. Decadent ของเชย์ล่า แบล็ค

เชย์ล่า แบล็กมีอีกนามปากกาหนึ่งคือ เชลลี่ย์ แบรดลีย์ ซึ่งส่วนตัวแม็กซ์ขอบอกตามตรงนะว่า เธอมีดีอยู่อย่างเดียวก็คือเขียนฉากเอ็กซ์ได้ฮ็อตปาดเหงื่อ ส่วนพล็อตเรื่องไม่เอาไหน แต่คาดว่าน่าจะถูกใจคนนิยามเยื่อบาง เพราะนางเอกของเธอทั้งใส ทั้งสวย ทั้งซื่อ

แต่ขอเตือนแล้วกันว่าในนามปากกาเชย์ล่านี่ นางเอกสวยใสซื่อได้ไม่นานหรอกนะ เพราะเดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนโชกโชนไปแล้ว และไม่ได้รับมือเฉพาะพระเอกคนเดียวอีกต่างหาก แถมพกเพื่อนพระเอกเข้าไปเป็นเราสามคนอีก

แต่แม้จะมีฉากเราสามคน เล่มนี้ก็ไม่ได้จบอย่างเราสามคนหรอกนะ

มาดูกันว่าที่พล็อตเรื่องไม่เอาไหน มันไม่เอาไหนยังไง เริ่มต้นเมื่อคิมเบอร์เดินทางมาหาเดคเพื่อขอให้เขาและญาติสนิทที่ชื่อว่าลุ คแท็คทีมเพื่อช่วยให้เธอมีประสบการณ์ทางเพศเพียงพอจะไปรับมือกับชายที่เธอ รักได้ (เห็นไหมว่าพล็อตมันปญอ.ขนาดไหน) แต่แล้วเธอก็พบว่า ในใจของเธอมีแต่เดคคนเดียวเท่านั้น ข้างฝ่ายชายหนุ่มก็มีแผลในอดีตทำให้ไม่อาจรับรักได้แผลที่ปญอ.พอกัน

ถ้าไม่นับฉากเซ็กส์ที่ดุเดือดได้ใจ ก็คงมีแต่ลุคมั้งที่กู้สถานการณ์เรื่องนี้ได้

คะแนนที่ 57 (ได้คะแนนเพราะฉากเซ็กส์ล้วน ๆ)

กลับบ้านก่อนนะคะ เลิกงานแล้ว

7. Nicholas ของอลิซาเบ็ธ แอมเบอร์

Update #5 นี่อาจจะเป็นบลอกที่ใช้เวลาเขียนนานที่สุดแล้ว

แม็กซ์ชอบเล่มนี้นะ แม้ว่าพล็อตจะเน่าโคตร แต่มันก็มีเสน่ห์อย่างที่แม็กซ์ปฏิเสธไม่ได้ เรื่องราวของพี่น้องสามคนที่สืบเชื้อสายมาจาก Satyr ที่มีหน้าที่เฝ้าประตูข้ามไปสู่โลกแห่งแฟรี่ และในเวลาที่เกิดความไม่สงบเมื่อกษัตริย์แห่งโลกแฟรี่กำลังจะตาย คำสั่งเสียสุดท้ายของเขาก็คือขอให้พี่น้องผู้ชายทั้งสามคนนี้แต่งงานกับลูก สาวลูกครึ่งมนุษย์ของเขา

และนิโคลัสเป็นคนแรกที่ค้นหาเจ้าสาวของเขาพบ เจ้าสาวของเขาคือเจน หญิงสาวที่เปรียบเหมือนซินเดอเรลล่า คนที่ชีวิตตกอยู่ภายใต้อำนาจบงการของผู้เป็นน้า แต่เจนก็ไม่ใช่คนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และนั่นเป็นบุคลิกที่แม็กซ์ชอบในตัวนางเอก เธอไม่ร้องไห้ ไม่ตีโพยตีพาย แต่เผชิญหน้า และหาทางแก้ปัญหา

และเนื่องจากเรื่องเป็นแนวอีโร แน่นอนว่าเรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากฮ็อต ๆ เต็มไปหมด แม็กซ์ชอบนะที่นิโคลัสเกิดอาการเกร็งเมื่อต้องมาร่วมเตียงกับสาวบริสุทธิ์ คนที่เขาไม่แน่ใจว่าจะรับมือกับความ "ห่าม" ของเขาได้รึเปล่า ชายหนุ่มที่ไม่เคยควบคุมตัวเองก็ต้องมาหักห้ามใจทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ

ชอบเล่มนี้ค่ะ คะแนนที่ 80

8. Forbidden Pleasures ของโลลา ลีย์

หนังสือเล่มที่ เยอะ (จำบ่ได้ค่า) ในชุด Bound Hearts ซึ่งถ้าแปลเป็นไทยก็คงต้องบอกว่า ชุดแบ่งเมียกันใช้ ของโลล่า ลีย์

พระเอกในหนังสือชุดนี้มีนิสัยบางอย่างที่เหมือนกัน เหมือนกันกระทั่งตั้งเป็นสมาคม เป็นเหล่าผู้ชายที่ชอบเห็นผู้หญิงของตัวเองร้อนแรงกับชายคนอื่น ดังนั้นในหยิบจับหนังสือชุดนี้ของโลล่า ก็ทำใจไว้ก่อนแล้วกันนะ ถ้าไม่ชอบแนวนี้ ก็ขอร้องว่าอย่าอ่าน

แม็กซ์ชอบเล่มนี้มากกว่าเรื่องอื่นในชุด ก็ตรงที่ความสัมพันธ์ในลักษณะของเราสามคนเป็นความสัมพันธ์ที่ยืนยาว ไม่ใช่ว่าพระเอกแบ่งนางเอกให้คนอื่นร่วมใช้ แต่เป็นเรื่องที่มีพระเอกสองคน (หวังว่าคงเข้าใจความหมายของแม็กซ์นะ) ในความสัมพันธ์แบบที่แม็กซ์ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ในชีวิตจริง แต่ก็น่าอ่านเหลือเกินในนิยาย (ตามนิสัยชอบกินรวบของแม็กซ์)

แต่ถ้าถามว่าในการเรตหนังสือชีวิตที่จบลงด้วยการ "แล้วเราสามคนก็อยู่กันอย่างมีความสุข" แล้ว เรื่องนี้ไม่ติดอันดับที่แม็กซ์ชอบที่สุดหรอกนะคะ แม็กซ์ชอบเล่มอื่นมากกว่า แต่ก็ถือว่าดีกว่าเล่มอื่นในชุดน่ะ

มาพูดถึงพล็อตเรื่องกัน ก็ไม่มีอะไรมาก ในเล่มนี้พระเอกและนางเอกแต่งงานกันแล้ว แต่พระเอกปฏิเสธไม่ยอมรับความต้องการแบ่งเมียของตัวเองเอาไว้ เพราะคิดว่านางเอกใสซื่อเกินไป แต่เราก็รู้ดีอยู่แล้วว่านางเอกของโลล่าซื่อได้ไม่นานหรอก แต่แล้วก็มีภัยมาคุกคามหวังทำร้ายนางเอก ซึ่งทำให้อดีตเพื่อนคู่หู (และคู่กันทำอย่างอื่นด้วย) ต้องโผล่เข้ามาเพื่อปกป้องนางเอก

น่าจะเดากันได้ต่อนะว่าเกิดอะไรขึ้น

คะแนนที่ 60

9. Riding the storm ของซิดนีย์ ครอฟต์

หนังสือเล่มแรกในชุดที่เป็นเรื่องราวของเหล่าสายลับที่มีความสามารถพิเศษ เหนือธรรมชาติ เล่มนี้เป็นเรื่องราวของที-เรมี่ (ทีย่อมาจากลิตเติ้ล แปลว่าเล็ก เนื่องจากพ่อชื่อเรมี่ พระเอกเป็นลูกก็เลยมีเรมี่ตัวเล็ก) อดีตนาวีซีลที่มีความสามารถในการควบคุมสภาพแวดล้อมได้ และนั่นทำให้เขากลายเป็นที่ต้องการของทั้งองค์การฝ่ายดี ที่ส่งนางเอกมาอ่อย และฝ่ายชั่ว ที่ใช้แผนจับพ่อของเขาเป็นตัวประกัน

เรื่องง่าย ๆ ไม่มีอะไรต้องคิดมาก พล็อตมีแค่อย่างที่เล่าจริง ๆ คือการพยายามพิสูจน์ว่าเรมี่มีความสามารถในการควบคุมสภาพอาการได้จริงหรือ ไม่ โดยนางเอกที่เป็นนักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษา แต่อาการข้างเคียงที่เรมี่เมื่อเกิดพายุก็คือ จะเกิดอาการหื่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ และนั่นก็เป็นภาระที่นางเอกเต็มใจอย่างยิ่งในการแบกเอาไว้

เล่มนี้แนะนำตัวละครหลายตัวนะ แม็กซ์ตอนแรกก็ดูจะสนใจเดฟลินซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการที่ต้องการเรมี่ไปร่วม งาน แต่แล้วอาการแต๋วแตก ซึ่งไม่ใช่เพราะเดฟลินมีความสัมพันธ์กะผู้ชายหรอกนะที่ทำให้แม็กซ์คิดอย่าง นี้ แต่เป็นอาการที่ถวิลหาคู่รักเก่าที่เป็นชายต่างหากที่ทำให้แม็กซ์หมดอารมณ์ ก็ทำให้ตกประเด็นไปเล็กน้อย แต่ก็ยังอยากอ่านนะ

เรื่องยังดูขาดไปบ้างเกินไปบ้าง แต่แม็กซ์ชอบเรมี่โว้ย คะแนนที่ 80 (โปรดสังเกตว่าแม็กซ์แทบจะไม่เคยพูดว่าชอบนางเอกเลย นั่นก็เนื่องมาจาก opposite attract ค่ะ)

10. Into the darkness ของเดไลล่าห์ เดฟลิน

โอ้ย ดีใจสุดสุด มาถึงเล่มสุดท้ายเสียที

เล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเวียนเฮดที่สุดเล่มหนึ่ง เพราะดูเหมือนคนแต่งตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเขียนเรื่องไหน

เริ่มต้นดูเหมือนจะเป็นอีโรสืบสวน เพราะเริ่มด้วยเรื่องที่นางเอกหนีตายจากการโดนตามล่าจากกลุ่มคนที่เธอไม่ รู้จัก ซึ่งฆ่าคนที่ใกล้ชิดกับเธอทีละคน มาเป็นแนวเหนือจริงเมื่อนางเอกโดนลักพาตัวไปจากบ้านด้วยยายของเธอเอง

จากนั้นเรื่องก็หลุดโลก ไม่มีพล็อตบ้าอะไรเลย นอกจากเซ็กส์ เซ็กส์ แล้วก็เซ็กส์ ไม่มีการอธิบายสักนิดว่าคนร้ายที่ตามล่านางเอกเป็นใคร แล้วจะเป็นยังไง

ทำไมนางเอกถึงถูกส่งไปให้มนุษย์เลี้ยงทั้งที่เธอเป็นแวมไพร์โดยกำเนิด

ทำไมถึงต้องจับพระเอกไปมัดไว้บนเตียงให้นางเอกเคลมด้วย ทำไปทำไม ไม่เข้าใจ (นอกจากเพื่อให้คนอ่านได้อ่านฉากเซ็กส์นะ อันนั้นเข้าใจแล้ว)

แล้วตอนจบเรื่องอีก มั่ว มั่ว มั่ว

เป็นหนังสือที่มั่วที่สุดเล่มหนึ่งที่ได้อ่าน

คะแนนที่ 47

No comments: